ตอนที่ 242

USB:บทที่ 242 มาทำงานกับฉัน

"นายรู้ได้ยังไง?!" กัวเมิ่งหานรีบโพล่งออกมาพลางหันไปมองฮวงเฟิงด้วยความตกใจ

“ฉันเดาถูกใช่ไหม?” ฮวงเฟิงเองรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า กัวเมิ่งหานจะร้องไห้ฟูมฟายเพราะเรื่องงาน

"ฉันไปเจอกัวเหลียงมา หมอนั่นก็เพิ่งลาออกใช่ไหมล่ะ? พอดีว่าเขาเล่าเรื่องงานให้ฉันฟังน่ะ" ฮวงเฟิงกล่าว

ในตอนที่กัวเมิ่งหานได้ยินคำตอบ เธอก็ก้มหน้าลง ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้ฮวงเฟิงถึงถามแบบนั้นออกมา

“หัวหน้าคนนั้น เขาทำอะไรเธอรึเปล่า?” ฮวงเฟิงถาม

“อือ...” กัวเมิ่งหานไม่ได้นิ่งเฉย ครั้งนี้ เธอรู้สึกสนิทกับฮวงเฟิงมาก ในตอนนี้ทั้งสองถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว ฮวงเฟิงรู้เรื่องที่เกิดขึ้น เธอจึงไม่พยายามปิดบังอีกฝ่ายอีก

จากคำตอบของกัวเมิ่งหาน ทันใดนั้นฮวงเฟิงก็เข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาว

อดีตหัวหน้าของกัวเหลียงไม่ได้หยุดการกระทำดังกล่าว หลังจากที่ถูกโจวหรูหรานตบต่อหน้าสาธารณชน อีกฝ่ายไม่ได้คิดจะกำจัดกัวเหลียงกับโจวหรูหรานเท่านั้น

เมื่อเขารู้ว่าโจวหรูหรานกับกัวเมิ่งหานเป็นเพื่อนกัน เขาก็เพ่งเล็งไปที่กัวเมิ่งหานด้วย นอกจากนี้ เมื่อก่อนเขาพยายามจับตาดูกัวเมิ่งหาน และในตอนนี้เขาก็ได้วางแผนไล่เธอออก

อย่างไรก็ตามผู้ชายคนนั้นไม่ได้ทำอะไรโดยประมาทในครั้งนี้ เขาตรวจสอบสถานการณ์ครอบครัวของกัวเมิ่งหานและโทรหาเธอในช่วงบ่ายวันนี้จากนั้นเปิดเผยไพ่ของเขาเธอยังมีน้องชายคนเล็กที่เรียนอยู่ม.3 และกำลังจะเข้าศึกษาที่โรงเรียนมัธยมปลายในปีหน้า ผลการเรียนของน้องชายคนเล็กของเธอไม่ได้แย่ จึงมีโอกาสที่จะได้สอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายดีๆสักแห่ง

หากเป็นแบบนั้น จำนวนเงินที่เธอจำเป็นต้องใช้ค่อนข้างสูง และความสามารถในการหาเงินของพ่อแม่ของกัวเมิ่งหาน พวกเขายังไม่สามารถจ่ายค่าเทอมให้น้องชายได้ แล้วนับประสาอะไรกับการมีโอกาสได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในอนาคต

เธอจำเป็นต้องหาเงินให้ได้เยอะๆ นอกจากจะต้องเลี้ยงดูตัวเองแล้ว เธอยังต้องคืนเงินให้กับครอบครัว และช่วยส่งน้องชายเรียนด้วย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่สามารถลาออกจากงานได้

แต่อย่างไรก็ตาม คำพูดที่อีกฝ่ายพูดกับเธอตอนบ่ายทำให้เธอตกอยู่ในความเคียดแค้นอย่างสิ้นหวัง

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้ฐานะของเธอ และรู้ว่าเธอต้องการทำงานนี้เพราะรายได้สูง นี่เป็นสาเหตุที่อีกฝ่ายพยายามคุกคามเธอ และเป็นสาเหตุที่ทำกัวเมิ่งหานมานั่งร้องไห้ที่นี่ในคืนนี้

“ไอ้บ้านั่นมันชั่วจริงๆ” ฮวงเฟิงกล่าวหลังจากทีได้ฟังเรื่องราวต่างๆจากกัวเมิ่งหาน

เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนั้นเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว เขาไม่ได้ตั้งใจจะใช้กำลัง แต่กลับทำอะไรที่มันอันตรายยิ่งกว่า

"ตอนนี้ฉันต้องทำงานและต้องหาเงินให้ได้" กัวเมิ่งหานกล่าว

ในความเป็นจริง เพื่อเป็นการประหยัดเงิน กัวเมิ่งหานจะต้องเก็บเงินให้ได้มากขึ้น โดยปกติ หญิงสาวไม่ค่อยชอบกิจกรรมเข้าสังคม ถ้าไม่ใช่เพราะกัวเมิ่งหานและโจวหรูหรานเป็นเพื่อนกัน การที่ฮวงเฟิงจะได้พบหญิงสาวที่บาร์ถึงสองครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

และสาเหตุอื่นก็คือหญิงสาวไม่เก่งในด้านการสร้างเพื่อนใหม่และกลัวการใช้เงินกับสิ่งต่างๆมากเกินเกินความจำเป็น

เงินที่เธอหามาได้ถูกนำไปจ่ายค่าเล่าเรียนของตัวเอง แม้ว่าเธอจะรู้สึกเหนื่อยมาทั้งชีวิต แต่เธอก็ไม่เคยตำหนิครอบครัวของตัวเองเลย

นอกจากนี้ เธอยังรู้สึกขอบคุณพ่อคุณแม่สำหรับเรื่องนี้ เธอรู้ฐานะทางครอบครัวของตัวเองดี และคุณพ่อคุณแม่ก็พยายามสุดความสามารถแล้วเช่นกัน

เพราะเหตุนี้ หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เธอจึงอยากขยันทำงานและหาเงินให้ได้เยอะๆเพื่อตัวเธอเอง

อย่างไรก็ตาม โรงเรียนที่เธอจบมานั้นมีชื่อเสียงน้อยกว่าโรงเรียนของฮวงเฟิง และเนื่องจากเธอไม่ได้มีผลงานดีเด่น เธอเลยไม่อยากผูกมิตรกับใคร

นี่จึงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเธอในการโปรโมตตัวเอง และ ในความคิดของเธอ งานนี้ยังคงเป็นงานที่ดีงานหนึ่ง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมเธอถึงรับไม่ได้ที่ต้องแยกทางกับมัน

เมื่อได้ยินคำพูดจากกัวเมิ่งหาน ฮวงเฟิงก็ไม่มีท่าทีที่จะดูถูกหญิงสาวเลยแม้แต่น้อง เธอเป็นคนที่กตัญญูต่อพ่อแม่ และเป็นคนที่เข้มแข็งมาก

"ถ้าเธอจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ฉันสามารถให้เธอยืมได้นะ" ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาและกัวเมิ่งหานก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว ในเมื่อเพื่อนกำลังประสบปัญหา เขาก็ไม่สามารถทนดูอยู่เฉยๆได้

"ถึงมันจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนก็เถอะ...จริงสิ ฉันขอถามเธอได้ไหมว่าเธอยังอยากทำงานที่นั่นต่อไหม?"

ฮวงเฟิงสามารถให้หญิงสาวยืมเงินเขาได้ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะให้เธอยืมมันได้ตลอด เนื่องจากข้อมูลที่อีกฝ่ายมีอาจทำให้เธอถูกคุกคามได้ทุกเมื่อ ฮวงเฟิงยังคงคาดหวังว่ากัวเมิ่งหานจะยอมลาออกจากงาน

แน่นอนว่าหลังจากที่เธอลาออกแล้ว การหางานดีๆสำหรับเธออาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และสำหรับเขาการขอความยุติธรรมให้อีกฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน

“แน่นอนว่าฉันก็ไม่อยากทำงานที่นั่นต่อเหมือนกัน!” กัวเมิ่งหานตอบโดยไม่ต้องใช้ความคิด

“แต่ว่าฉันไม่อยากยืมเงินของนายเหมือนกัน ฉันคิดว่าอีกสองวัน ฉันจะลองไปหางานใหม่ ถึงเงินเดือนอาจจะไม่ได้เยอะเท่าเดิมก็เถอะ เอาไว้ฉันจะลองไปหางานพิเศษทำระหว่างที่ยังว่างงานอยู่ อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันเอาตัวรอดได้”

ถ้าลองเทียบดูแล้ว ยังไงช่วงทดลองงานในช่วงแรก เงินเดือนต้องต่ำกว่าตอนที่ได้ทำงานจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น การที่เธอจะหางานที่ให้เงินเดือนใกล้เคียงกับที่งานเธอทำอยู่ในตอนนี้ก็ค่อนข้างยาก

ฮวงเฟิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า กัวเมิ่งหานเข้มแข็งถึงขนาดปฏิเสธความช่วยเหลือของเขาตรงๆ เขาจึงรู้สึกประทับใจอีกฝ่ายในใจ

"คือวันนี้ฉันกับกัวเหลียงซื้อโรงงานเห่งหนึ่งมา ถ้าเธอสนใจจะลองไปทำงานที่นั่นดูก็ได้นะ อ้อ โจวหรูหรานเองก็ไปทำงานที่นั่นด้วย" ฮวงเฟิงใช้ความคิดอยู่ครูหนึ่งแล้วพูดกับหญิงสาว

เนื่องจาก กัวเมิ่งหานไม่เต็มใจที่จะรับเงินจากเขา ฮวงเฟิงก็เลยจัดการหางานให้เธอทำซะเลย

ส่วนเรื่องโรงงาน แม้ว่าตอนนี้มันจะยังไม่เติบโตนัก แต่ในอนาคตฮวงเฟิงก็คิดที่จะขยายโรงงานเช่นกัน นี่ไม่ใช่แค่การว่าจ้างกัวเมิ่งหานเพียงคนเดียว แต่หลังจากนี้เขาก็จะรับสมัครพนักงานคนอื่นด้วย

แม้ว่าอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียจะออกมาไม่ดีเท่าที่เขาคิดเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังใช้เงินที่ได้รับจากกล่องจักรวาลเพื่อนำมาขยายโรงงานได้

เนื่องจากเขาต้องการขยายกิจการในอนาคต เขาจึงไม่สามารถรอให้ได้กำไรก่อนที่จะรับสมัครพนักงานเพิ่ม เนื่องจากไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่

"หืม โรงงานเหรอ?" กัวเมิ่งหานหันไปถามฮวงเฟิงด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวไม่เข้าใจว่ากัวเหลียงต้องการจะทำอะไรกันแน่

แต่ในเมื่อกัวเหลียงกับโจวหรูหรานก็อยู่ด้วย และฮวงเฟิงเองก็ไม่ใช่คนไม่ดี ดังนั้น ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะโกหกเธอได้ เรื่องนี้ทำให้เธอสงสัยเกี่ยวกับโรงงานที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน

"ใช่ ฉันจะทิ้งที่อยู่ไว้ พรุ่งนี้ เธอก็ลองไปที่นั่นดูก็แล้วกัน" ฮวงเฟิงกล่าว แม้ว่าเขาต้องการช่วย กัวเมิ่งหานด้วยความเต็มใจ แต่อย่างไร เรื่องนี้ก็ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายก่อนเช่นกัน