ตอนที่ 191

USB:บทที่ 191 ตรวจสอบ

“พวกแกเอาตัวมันไป ฉันอยากจะรู้ว่ามันเอาของไปซ่อนไว้ที่ไหน พวกแกจะใช้วิธีไหนก็ได้ จงทำให้มันเปิดปากออกมาให้ได้!” บูดาสสั่ง

ในเวลานี้เขาไม่มีความชื่นชมและความเคารพให้กับนีลเหมือนที่เคยทำในตอนต้นอีกต่อไป

และเขาก็ยิ่งไม่สนใจที่จะให้นีลเข้าไปทำงานในห้องทดลองของเขาเองด้วย

บอดี้การ์ดทั้งสองคนสาวเท้าเข้าไปหานีล นีลรู้สึกกลัวไปตลอดทั้งตัว เขาไม่รู้พวกนั้นว่าจะใช้วิธีใดในการจัดการกับเขา

แต่อย่างไรก็ตามเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ เพราะฉะนั้นเขาคงจะไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอน

"เจ้านาย ฉันถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าของสิ่งนั้นมันหายไปไหน เจ้านายปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะไปที่ห้องทดลองอื่นเพื่อขโมยของมาให้คุณ" นีลคุกเข่าลงทันทีและกล่าวออกมา

"แกถูกเปิดโปงขนาดนี้แล้ว แกยังคิดว่าจะมีห้องทดลองอื่นๆ ที่กล้ารับแกเข้าไปทำงานอีกงั้นเหรอ? หลังจากวันนี้ไปทั้งเมืองก็จะรู้เกี่ยวกับการกระทำของแก ไม่มีใครยอมรับไอ้หัวขโมยทีแอบกินของข้างในหรอก! "บูดาสไม่มีความเมตตาเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่เขาพูด "เพราะฉะนั้นฉันขอแนะนำให้แกเอาสิ่งประดิษฐ์นั้นมามอบให้ฉันซะดีๆ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ บางทีฉันอาจจะพิจารณาให้แกเข้าไปทำงานในห้องทดลองของฉันก็เป็นได้"

ก่อนหน้านี้เขาถูกขอให้มาในฐานะผู้รับผิดชอบห้องแล็บ แต่ตอนนี้เขากำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการที่จะปล่อยเขากลับไป ความแตกต่างมันช่างเห็นได้ชัดเหลือเกิน

อย่างไรก็ตามนีลก็รู้ว่าเขาไม่สามารถที่จะไปถึงระดับนั้นได้เพราะเขาเองก็ไม่สามารถนำมันออกมาได้

“เจ้านาย ฉันไม่ได้เอาของสิ่งนั้นไปซ่อนจริงๆ นะ ฉันไม่ได้ทำ” นีลกล่าว

"แกอย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก!" เอาตัวมันไปสอบสวนเพิ่มเติม!" บูดาสคร้านที่จะคุยกับนีลอีกต่อไปและรู้สึกผิดหวังมาก

"เจ้านาย ฉันถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ ฉันไม่ได้เอาหนังสือเล่นนั้นไปซ่อนจริงๆ!" นีลถูกลากตัวออกไป แต่เขายังคงตะโกนถึงความอยุติธรรม

แต่บูดาสได้ตัดสินแล้วว่าเขาเป็นคนผิด ดังนั้นคำพูดของเขาจึงไร้ประโยชน์

"ส่งคนไปที่ตระกูลชอว์ตัน ไปดูซิว่าพวกเขาได้ทำอะไรหายไปหรือเปล่า" หลังจากที่นีลถูกนำตัวออกมา บูดาสก็พูดกับคนที่ดูเหมือนพ่อบ้านของเขา เพราะเขาสงสัยว่านีลไม่ได้ขโมยอะไรติดตัวออกมาเลย

"ครับ!" ชายคนนั้นตอบก่อนที่จะเดินออกไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเพื่อไปเตรียมการ

สำหรับฮวงเฟิงและคนอื่นๆ ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงบริษัท

หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปและส่วนใหญ่ก็เดินทางกลับบ้านในทันที

มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไปที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารเช่นเดียวกันกับฮวงเฟิง

ขณะที่ฮวงเฟิงเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็ได้รับข้อความจากซูหยูโม่

“ตั้งใจพักผ่อนด้วย อย่าหักโหมเกินไป เดี๋ยวตอนบ่ายฝ่ายบุคคลจะไปเจรจากับคุณเรื่องสัญญาฉบับใหม่ ครั้งที่แล้วฉันสัญญากับคุณแล้วว่าฉันจะขึ้นเงินเดือนให้คุณ”

ฮวงเฟิงมองดูข้อความด้วยความสงสัยเล็กน้อย แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การขึ้นค่าจ้าง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญาฉบับใหม่ในตอนนี้ไม่ใช่หรือ?

แต่อย่างไรก็ตามนี่อาจจะเป็นไปตามกฎของบริษัท

ฮวงเฟิงจึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก มันต้องเป็นการดีอย่างแน่นอนถ้าเขาได้ขึ้นเงินเดือน

ซูหยูโม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นเพียงเรื่องตลกเสียมากกว่า

การขึ้นเงินเดือนในครั้งนี้อาจเป็นเพราะเขาเลื่อนตำแหน่งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดามาเป็นผู้จัดการ

ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ที่นี่นานนัก แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้คิดที่จะไปไหน

ดังนั้นเขาจึงไม่คัดค้านการเซ็นสัญญาฉบับใหม่และยังยินดีเสียด้วยซ้ำ

ในเวลาเดียวกัน เซี่ยเมิ่งเจียวซึ่งแยกตัวจากซูหยูโม่เพื่อไปหา จางหยุน ซึ่งจะไปเซ็นสัญญาฉบับใหม่ในตอนบ่ายและได้กระซิบกับเธอ

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยเมิ่งเจียวถึงทำเช่นนี้ แต่เพราะว่าเซี่ยเมิ่งเจียวเป็นเจ้านายของเธอ เธอจึงไม่อาจที่จะถามเรื่องนี้มากเกินไป

เนื่องจากเขาต้องรอเซ็นสัญญาฉบับใหม่ ฮวงเฟิงจึงไม่ได้ออกไปทันทีหลังจากทานอาหารเสร็จ แต่รออยู่ในห้องทำงาน

เป็นไปตามที่คาดไว้ ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายบุคคล จางหยุนเรียกให้เขาไปพบ

“ถ้าได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไป เลื่อนตำแหน่งเป็นซีอีโอ ได้แต่งงานกับไป๋ฟู่เหม่ย พี่ชายคนนี้มาถึงจุดสุดยอดในชีวิตอย่างแน่นอนแล้วล่ะ” ฮวงเฟิงคิดอย่างภาคภูมิใจในใจ

"ผู้จัดการฮวง คุณมาแล้วเหรอ ดูนี่สิ นี่เป็นสัญญาฉบับใหม่ที่ บริษัทได้เตรียมไว้ให้ ถ้าหากคุณไม่มีปัญหาอะไรคุณสามารถเซ็นชื่อของคุณได้เลย" จางหยุนสุภาพกับฮวงเฟิงเหมือนเคย

และเมื่อเธอเห็นว่าฮวงเฟิงมาถึง เธอก็เริ่มด้วยการต้อนรับเขา เพียงแต่การแสดงออกในสายตาของเธอขณะที่มองไปยังฮวงเฟิงนั้นดูแปลกไปเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงก็ไม่ได้สังเกตเห็น

ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะรู้ว่าสัญญาฉบับใหม่นี้เป็นของเขาและบริษัทก็คงจะไม่โกหกเขา

แต่ฮวงเฟิงก็ยังคงมองมัน แน่นอนว่าเขามองไปที่เงินเดือนของตัวเองในอนาคตเป็นหลักและตระหนักว่าเงินเดือนของเขานั้นเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

มันมากกว่าเงินเดือนปัจจุบันของเขาถึงสามเท่าและมันก็มากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ

“ซูหยูโม่นี่ช่างเอาใจใส่ฉันเสียจริง” ฮวงเฟิงคิด แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

ถึงแม้ว่าเงินเดือนของเขาจะสูงไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้สูงมากจนเกินไป

ส่วนด้านอื่นๆ เขาดูเพียงคร่าวๆ แล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ

หลังจากนั้นเขาก็เซ็นสัญญาอย่างมีความสุขและส่งต่อให้จางหยุน

เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงเซ็นชื่อของเขาอย่างมีความสุข สีหน้าของจางหยุนก็ดูแปลกขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้พูดอะไร

"เอาล่ะผู้จัดการฮวง หากไม่มีคำถามอะไรแล้ว คุณออกไปเลยก็ได้ สัญญานี้จะมีผลเมื่อผู้จัดการทั่วไปลงนามแล้ว" จางหยุนกล่าว

อย่างไรก็ตาม จางหยุนกำลังพูดถึงผู้จัดการทั่วไปที่ไม่ใช่รองผู้จัดการทั่วไป

ดังนั้นเขาจึงต้องการให้เซี่ยเมิ่งเจียวลงนามในสัญญาไม่ใช่ซูหยูโม่เป็นคนลงนาม เพียงแต่ว่าฮวงเฟิงไม่ได้ยินเท่านั้นเอง

"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หัวหน้า ฉันขอตัวก่อนนะ" ฮวงเฟิงยืนขึ้นและกล่าว

จางหยุนส่งฮวงเฟิงออกไปและไม่นานหลังจากนั้นร่างของเซี่ยเมิ่งเจียวก็ปรากฏขึ้น

"เป็นอย่างไรบ้าง? เขาเซ็นชื่อไหม?" เซี่ยเมิ่งเจียวถามอย่างกังวล

"เซ็นสิค่ะ" จางหยุนกล่าว หลังจากนั้นเธอก็พาเซี่ยเมิ่งเจียวเข้าไปในห้องทำงานและเอาสัญญาให้เธอ

เมื่อเซี่ยเมิ่งเจียวเห็นชื่อของฮวงเฟิง ใบหน้าของเธอก็เผยรอยยิ้มราวกับว่าเธอประสบความสำเร็จในการสมรู้ร่วมคิดยี้และพูดกับตัวเองว่า: "มาดูกันว่านายจะหนีจากเงื้อมือของฉันได้อย่างไร"

หลังจากนั้นเธอก็หันกลับมาและพูดกับจางหยุนที่อยู่ด้านข้างว่า: "คุณเตรียมของที่ฉันขอให้คุณเตรียมเสร็จหรือยัง?"

"ฉันเตรียมไว้พร้อมแล้ว" จางหยุนหยิบสัญญาอีกฉบับจากลิ้นชักออกมาและแสดงให้เซี่ยเมิ่งเจียวดู

เซี่ยเมิ่งเจียวรับสัญญานั้นมา จากนั้นเธอก็หยิบกระดาษที่ฮวงเฟิงได้เซ็นชื่อของตัวเองออกมาและวางลงในสัญญาที่เธอเพิ่งได้รับมา

สัญญาทั้งสองฉบับทำขึ้นโดยเฉพาะ ตามคำแนะนำของเซี่ยเมิ่งเจียว ดังนั้นจึงสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างราบรื่นและไม่มีอะไรแปลกไปเลย