USB:บทที่ 548 พวกอ่อนแอ
ส่วนผู้ชายคนนั้นก็คิดไม่ถึงว่ามันจะบังเอิญได้ขนาดนี้ คําพูดที่เขากุขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายอีกศัตรู โดยคิดไม่ถึงว่า ในเวลานี้ราชสำนักได้ส่งกองทัพออกทำการล้มล้างพวกเขา แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะมีจิตใจชั่วร้าย แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าซูเป่ยนั้นมีพรสวรรค์ในด้านการบัญชาการ และการทำศึกอย่างแท้จริง คนอื่น ๆ รวมถึงตัวเขาเองก็ไม่เทียบกับเขาในข้อนี้ได้ สุดท้ายแล้วเขาเพิ่งจะคิดหาวิธีกำจัดซูเป่ยออกไปได้ แต่ใครเล่าจะคิดว่าจู่ ๆ ราชสำนักจะส่งกองทัพมาปราบปรามพวกเขา มันเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆเลย! เขามั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะกองทัพของราชสำนักได้โดยไม่มีซูเป่ย และมันก็อาจจะทำให้พวกเขาต้องพบกับความพ่ายแพ้
"ถ้าข้ารู้มาก่อนว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ ข้าก็คงไม่คิดกำจัดสหายผู้อาภัพคนนั้นในเวลานี้" ผู้ชายคนนั้นพึมพำในอยู่ในใจ ในความเห็นของเขาซูเป่ย ยังมีค่าพอให้เก็บไว้ใช้ เวลานี้เขาไม่เต็มใจที่จะกลับไปหาซูเป่ยอีกครั้ง ถ้าหากเขาทำเช่นนั้น แน่นอนว่าซูเป่ยจะไม่ยอมปล่อยเขาแน่
หลังจากนั้นไม่นานนายพลหลัก ๆ ก็มารวมตัวกันที่นี่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับข่าวว่ารัฐบาลจักรวรรดิได้กลับมาโจมตีพวกเขาอีกครั้ง ผู้นําฉีอู่กวาดสายตามองไปที่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ตรงหน้าเขาและขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเพียงแค่ช่วงเวลาไม่นานในตอนนี้คนเหล่านี้ไม่มีรังสีแห่งความองอาจเหมือนอย่างเช่นเมื่อก่อนเลย ในทางกลับกันมีแต่ความมั่งคั่งและความเกียจคร้านมากขึ้น หลายคนกลายเป็นโรคอ้วน ร่างกายของพวกเขาอุดมไปด้วยไขมัน ตัวอ้วนฉุ ผู้นำฉีอู่นึกหวั่นอยู่ในใจ ไม่รู้ว่านายพลผู้นี้จะยังคงสามารถต่อสู้ในสนามรบได้อยู่อีกหรือไม่
อย่างไรก็ตามนายท่าทีของนายพลระดับสูงนั้นก็แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า พวกเขาไม่นึกหวั่นเกรงต่อสงครามที่กำลังจะมาถึงเลยแม้แต่น้อย หลังจากได้ยินข่าวว่าราชสำนักได้ส่งกองทัพเพื่อมาปราบปรามกองกำลังของพวกเขาอีกครั้ง เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านพวกเขาก็เคยต่อสู้กับกองทัพของราชสำนักอยู่หลายครั้งด้วยกัน
"มาได้จังหวะพอดี หลังจากที่ได้อยู่ว่างมานาน ตอนนี้ข้าชักจะรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมาแล้ว!"
"ถูกต้อง คนพวกนั้นกล้ากลับมาจริง ๆ พวกมันช่างสะกดคำว่าตายกันไม่เป็นเลยจริง ๆ!"
"ไม่จำเป็นต้องพูดมากกันอีก รบเลย!"
เหล่านายพลเริ่มโห่ร้อง ทั่วทั้งห้องโถงเกิดเสียงดังอื้ออึงขึ้นไม่ต่างจากตลาดนัดที่ไร้ซึ่งกฎระเบียบใด ๆ พวกเขาทำตัวตามสบายแม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าผู้นำฉีอู่ก็ตาม
"แคร่ก แคร่ก แคร่ก!" ผู้นําฉีอู่ส่งเสียงไอดัง ๆ ออกมาสองสามครั้งเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคน ผู้นําฉีอู่ ชอบความรู้สึกของการเป็นศูนย์กลางของความสนใจก่อนหน้านี้เขาเคยกังวลเกี่ยวกับความสามารถของคนเหล่านี้ แต่หลังจากเห็นท่าทีของพวกเขาแล้วความกังวลดังกล่าวก็หายไปจากใจของเขา
"ถึงแม้ว่ากองทัพหลวงนั้นจะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่เราก็ประมาทไม่ได้" ในใจของของเขาไม่ได้ให้ความสําคัญกับกองทัพของราชสำนักสักเท่าไหร่ ช่วงเวลาไม่นานมานี้พวกเขาเคยต่อสู้กับกองทัพหลวงมาบ่อยครั้ง แต่ไม่มีสักครั้งที่กองทัพหลวงจะสามารถทําให้พวกเขาพบเจอกับปัญหาได้
"ใช่แล้ว กองทัพนี่มาจากไหน? แล้วใครคือผู้บัญชาการ? " จู่ ๆ ผู้นำฉีอู่ก็ถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นมาได้ ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้ว่าศัตรูของเขาเป็นใคร
"เป็นกองทัพตะวันตก พวกมันกลับมาอีกครั้ง ผู้บัญชาการทหารสูงสุดคือนายพลซั้วไค่!" พันเอกรุ่นน้องกล่าว
"กองทัพตะวันตกเหรอ? " ฮ่าฮ่า ฟังดูคุ้นๆ!" เมื่อได้ยินว่ากองทัพที่มานั้นคือกองตะวันตก ตอนนี้ทุกคนก็เริ่มรู้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของคนที่ใส่ร้ายซูเป่ยก่อนหน้านี้รวมถึงผู้นําฉีอู่ก็สามารถเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
กองทัพตะวันตกเป็นสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี มันเป็นเพราะคลื่นลูกแรกที่พวกเขาต้องการพิชิตก็คือกองทัพตะวันตก แน่นอนว่าเหตผลอีกอย่างเป็นเพราะชัยชนะที่ผ่านมาทำให้พวกเขาสามารถยิ่งใหญ่ได้จนถึงทุกวันนี้ อาจกล่าวได้ว่ากองทัพตะวันตกนําความทรงจําที่ดีมาสู่พวกเขาเท่านั้น สําหรับซั้วไค่นั้นไม่มีใครเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อนดังนั้นพวกเขาจึงเห็นเขาอยู่ในสายตา
"ยี่ นายพลซูไปอยู่เสียที่ไหน? ทําไมเขาถึงยังไม่มาอีก?"
"นั่นสิ นายพลซูไม่สบายหรือเปล่า? หรือเกิดอะไรขึ้น จึงทำให้เขาต้องล่าช้า?"
ในเวลานี้มีคนสังเกตุเห็นว่าซูเป่ยไม่ได้อยู่ที่นี่ โดยปกติแล้วดาวเด่นของการประชุมทางทหารก็คือผู้นําฉีอู่ และซูเป่ย ส่วนผู้นำคนอื่น ๆ ก็คอยทำหน้าที่เป็นกองหนุน ในขณะที่ซูเป่ยเป็นกำลังสําคัญสุด อย่างไรก็ตามวันนี้พวกเขาไม่เห็นซูเป่ย ที่จริงแล้วพวกเขาก็นึกหวาดหวั่นเกี่ยวกับกองทัพที่จะมาถึงอยู่บ้าง จนทำให้ไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่า ซูเป่ยไม่ได้เขาร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย และในเวลานั้นหลังจากได้มีการปรึกษาหาแล้ว ทุกคนก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง และทันใดนั่นเองมีนายพลคนหนึ่งสำเกตุเห็นว่าซู่เป่ยไม่ได้อยู่ที่นี่ ทำให้ทุกคนนึกแปลกใจขึ้นมาทันที
"แคร่ก แคร่ก!" คนที่ใส่ร้ายซูเป่ย ต้องการเป็นที่สนใจ ดังนั้นเขาจึงเลียนแบบผู้นําฉีอู่ โดยการไอสองครั้งแล้วประกาศกับทุกคนว่า
"เนื่องจากซูเป่ยมีเจตนาไม่ดี จึงถูกปลดออกจากจำแหน่งนายพลควบคุมกองกําลังของเขาแล้ว และตอนนี้เขาเป็นเป็นเพียงแค่หัวหน้ากองทหารเท่านั้น ต่อไปนี้เขาจึงไม่ใช่นายพลอีกต่อไป" เมื่อฝูงชนได้ยินข่าวนี้พวกเขามองตากันด้วยความไม่พอใจในตอนแรก แต่แล้วก็เริ่มมีเสียงซุบซิบขึ้น เนื่องจากพวกเขาไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อนพวกเขาจึงตกใจมากที่จู่ ๆ ได้ยินดังนี้ อาจกล่าวได้ว่าซูเป่ย เป็นบุคคลอันดับหนึ่งในกองกำลังภายใต้ผู้นําฉีอู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุผลที่ใช้ในการถอดถอนเขา ก็เพราะเขามีเจตนาที่ไม่ดี นี่เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่บางคนคิดว่านายพลซูรู้สึกไม่พอใจกับการขาดความทะเยอทะยานของผู้นําฉีอู่ในช่วงนี้ ดังนั้นถ้าหากพวกเขาออกหน้าเจราจากับผู้นําของพวกเขาก็อาจทำให้พวกเขาถูกปลดไปด้วย เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของผู้นําของพวกเขาดูไม่ดีนัก ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าลุกขึ้นยืนเพื่อออกหน้าพูดแทนซูเป่ย ท้ายที่สุดแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าซูเป่ยนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังมีคนจํานวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับเขา
นอกจากนี้แล้วซูเป่ยเคยเรียกท่านผู้นำต่อหน้าพวกเขาว่าคนแลวอยู่บ่อย ๆ อีกทั้งพวกเขาไม่ได้เชื่อมั่นในทักษะการบัญชาการของซูเป่ยจากการรบที่ผ่านมา พวกเขาคิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะกองทัพของราชสำนักอ่อนแอเกินไป เมื่อเห็นว่าไม่มีใครออกหน้าแทนซูเป่ย และไม่มีใครสงสัยในการตัดสินใจของเขา ทำให้ผู้นำฉีอู่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาก ในขณะเดียวกันเขาก็เชื่อว่าการตัดสินใจของเขาไม่ผิด
"เอาล่ะในเมื่อไม่มีอะไรกันแล้ว ก็ขอให้ทุกคนจงออกไปเตรียมตัวให้พร้อม ครั้งนี้เราต้องให้จัดการกับกองทัพจากราชสำนักอย่าให้เหลือ เพื่อที่พวกมันจะได้ไม่กล้าหือกับพวกเราอีก!" ผู้นําฉีอู่กล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทุกคน
"รับทราบ!" ทุกคนลุกขึ้นยืนและยกกำปั้นขึ้นทำความเคารพพร้อมทั้งขานรับคำสั่งหนักแน่น
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved