USB:บทที่ 329 สมาชิก
เมื่อได้ยินคำยืนยันของไป่เสี่ยวโหรว ใบหน้าของถงเฉียนจุ้นก็กลายเป็นซีดเผือดในทันที ถ้าฮวงเฟิงและไป่เสี่ยวโหรวเป็นคนอื่นเขาก็ยังสามารถใช้อำนาจของตัวเองเพื่อกำจัดพวกเขาจากเรื่องนี้ได้ แต่ไป่เสี่ยวโหรวเป็นหนึ่งในองค์กรเหล่านั้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะหลบหนีได้
อย่างไรก็ตามถงเฉียนจุ้นก็ยังไม่ยอมแพ้อย่าสิ้นเชิง ในใจของเขาถึงแม้ว่าไป่เสี่ยวโหรวจะมาที่นี่เมื่อวานนี้ แต่เธอก็ไม่ได้รับฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปมากนักและไม่น่าจะรู้เกี่ยวกับการลักลอบค้ามนุษย์ สำหรับคนที่ถูกวางยาจนตายที่อยู่ชั้นล่างอย่างน้อย เขาก็สามารถโบ้ยความผิดไปให้พ่อครัวหรือลูกน้องคนอื่นๆ ได้
ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ตายก็มาจากญี่ปุ่นและคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน สิ่งที่พวกเขาทำก็ผิดกฎหมายเช่นกันและด้วยวิธีนี้จึงมีช่องว่างสำหรับการประนีประนอมได้
เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าไป๋เสี่ยวโหรวได้จับตามองเขามานานแล้วและเธอก็รู้เรื่องการลักลอบค้ามนุษย์แล้ว
ตำรวจมาถึงเร็วมาก แต่บังเอิญว่ามีหลายคนในบรรดาตำรวจทั้งหลายที่รู้จักฮวงเฟิง ครั้งสุดท้ายเมื่อผู้กำกับชิวนำตำรวจมาช่วยลูกสาวของเขา ตำรวจทั้งหลายก็เห็นเขาอยู่ด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าฮวงเฟิงและชิวหนิงซวงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นหลังจากที่คนเหล่านี้เห็นฮวงเฟิงในวันนี้ทัศนคติของพวกเขาจึงค่อนข้างให้เกียรติ
อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะปฏิบัติตัวเพียงผิวเผินอย่างสุภาพเพียงใด แต่พวกเขาก็ยังคงตกใจที่มีคนไม่น้อยกว่าสิบหรือยี่สิบคนในห้องโถงชั้นหนึ่งและสถานการณ์บนชั้นสองก็ยิ่งดูเกินจริง เพราะคนที่ยังไม่ตายก็คงจะพิการทั้งหมด
ฮวงเฟิงคิดว่าไป่เสี่ยวโหรวคงจะต้องเผชิญกับปัญหาบางอย่าง อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีที่นี่ผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก เธอจะต้องถูกระบุว่าเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างแน่นอน เธอกำลังพิจารณาว่าควรขึ้นไปบอกตำรวจอย่างไรไม่ให้ดูเหลือเชื่อเกินไป
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงก็พบความกระจ่างอย่างรวดเร็วว่าความกังวลของเขานั้นไม่จำเป็นเลย หลังจากที่ไป่เสี่ยวโหรวได้ส่งบัตรประจำตัวของเธอให้กับตำรวจคนที่นำทีมมา ทัศนคติของตำรวจเหล่านั้นก็ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่พาตัวเธอไป แต่พวกเขายังมองเธอด้วยความชื่นชมอีกด้วย
แต่เป็นเพียงเพราะความสัมพันธ์ของเขากับชิวหนิงซวงนั้นแค่ฉาบฉวย อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงต้องไปที่สถานีตำรวจแต่ไป่เสี่ยวโหรวนั้นไม่ต้องไปที่สถานีตำรวจ
“เป็นไงบ้าง? อิจฉาฉันไหมล่ะ? ถ้าคุณมาร่วมงานกับพวกเรา คุณก็จะได้รับการยกเว้นเหมือนกันนะ” ไป่เสี่ยวโหรวเป็นเหมือนกับหมาป่าตัวใหญ่ที่พยายามล่อหลอกกระต่ายน้อยฮวงเฟิงอยู่ในตอนนี้
หลังจากเหตุการณ์ในคืนนี้ไป่เสี่ยวโหรวก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับ ฮวงเฟิงมากขึ้น นอกจากนี้เมื่อทั้งสองคนทำงานร่วมกันการทำงานเป็นทีมของพวกเขาก็ไร้ที่ติซึ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง ด้วยผู้ช่วยเช่นนี้ ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเธอก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
นอกจากนี้แม้ว่าเธอจะไม่เห็นสิ่งสุดท้ายที่ฮวงเฟิงโยนออกไปแต่เธอก็เดาได้ว่ามันน่าจะเป็นระเบิด ซึ่งสิ่งนั้นปกติแล้วเขาไม่น่าจะพกมาด้วย แต่ฮวงเฟิงนั้นเป็นแค่ "คนธรรมดา" ซึ่งเขาพกมันมาด้วย
ในช่วงเวลาสั้นร่างกายของฮวงเฟิงนั้นเปล่งรัศมีลึกลับมากมาย
"คุณมีภาระหน้าที่อะไรบ้างที่จะให้ผมเข้าร่วมในองค์กรของคุณ" ฮวงเฟิงขยับเล็กน้อยขณะที่เขาถาม แม้ว่าปกติเขาจะไม่ได้ใช้บัตรประจำตัว แต่การนำมาใช้เพื่อแสร้งทำเอามาโชว์สาวๆ ก็คงจะน่าประใจมาก แต่เขาก็รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะได้สิทธิ์นั้นและไม่มีพันธะในการเข้าร่วมองค์กรดังกล่าวเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นภาระหน้าที่นั้นสำคัญกว่าสิทธิ
"ภาระหน้าที่งั้นเหรอ?" แน่นอนสิ! "ไป่เสี่ยวโหรวกล่าวว่า "เรามีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทำคือการโจมตีผู้คนและสิ่งที่ละเมิดผลประโยชน์ของชาติทั้งในและนอกประเทศ! "
"มันก็ค่อนข้างจะกว้างอยู่นะ" ฮวงเฟิงกล่าวว่า: "ถ้าอย่างนั้นฉันต้องอยู่ในสำนักงานใหญ่ขององค์กรของคุณตลอดเวลาหรือเปล่า?"
"อันที่จริงคุณก็ไม่ต้องไปไหนนะถ้าไม่มีภารกิจอะไร" ไป่เสี่ยวโหรวกล่าว
"ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่เข้าร่วมดีกว่า คุณไม่ได้ตรวจสอบผมงั้นหรือ? ผมมีโรงงานเป็นของตัวเองและผมก็กำลังคิดที่จะหาเงินให้มากขึ้นและหาเมียสักคน" ฮวงเฟิงส่ายหัว เขาไม่สามารถอยู่ในสำนักงานใหญ่นี้ได้ตลอดเวลา
"การรับใช้ชาติสำคัญน้อยกว่าการหาเงินงั้นเหรอ?" ไป่เสี่ยวโหรว กล่าวขณะที่มองไปที่ฮวงเฟิงด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"ผมไม่ได้ขัดข้องที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ ผมก็รักชาติเช่นกัน แต่มันไม่ได้ส่งผลดีต่อการทำมาหากินของผมเลย เพราะว่าผมน่ะใฝ่ฝันมาโดยตลอดที่จะเป็นคนที่รวยที่สุดที่นี่" ฮวงเฟิงกล่าว
“คนรวยงั้นเหรอ?” อย่างเขาน่ะเหรอ?" ไป่เสี่ยวโหรวมองไปที่ถงเฉียนจุ้นที่ถูกพาตัวออกไป
“แน่นอนว่าผมไม่ได้ใจร้ายเหมือนเขา นอกจากผมจะทำโรงงานเพื่อสร้างรายได้และยังสามารถเพิ่มจำนวนการจ้างงานในประเทศด้วย เป็นก็เป็นคนรักชาติ จริงไหม?” ฮวงเฟิงกล่าว
ไป่เสี่ยวโหรวไม่มีอะไรจะพูดดังนั้นจึงไม่มีปัญหากับสิ่งที่ฮวงเฟิงพูด
"คุณไม่ต้องการที่เข้าร่วมจริงๆงั้นเหรอ" ไป่เสี่ยวโหรวยังคงไม่พอใจอยู่เล็กน้อย“ คุณต้องรู้ว่าคุณมีความลับมากมาย ถ้าคุณไม่เข้าร่วมกับฉันฉันจะบอกหัวหน้าเพราะเขาก็สนใจความลับของคุณอยู่เหมือนกัน”
“ไป่เสี่ยวโหรว!” ฮวงเฟิงตะโกนเสียงดัง: "คุณทำแบบนี้ได้ยังไง! เราเป็นเพียงสหายร่วมรบ คุณจะทรยศสหายของคุณได้ยังไงกัน ? รู้จักผิดชอบชั่วดีบ้างไหมเนี่ย?"
"ไม่มีทาง!" ไป่เสี่ยวโหรวกล่าวอย่างเด็ดขาด
ฮวงเฟิงรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย เขารู้ว่ามีความลับมากมายในร่างกายของเขา แม้ว่าคนธรรมดาจะต้องการที่จะตรวจสอบ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถค้นพบอะไรได้เลย แต่ถ้ามีใครมองเขาให้ดีๆ ก็ยากที่จะบอกว่าเขาได้เปิดเผยมันหรือไม่ นี่เป็นสาเหตุที่เขาไม่ต้องการใช้เวทมนตร์หรือสิ่งอื่นใดจากกล่องจักรวาลก่อนหน้านี้
“ไป่เสี่ยวโหรว ผมอุตส่าห์ช่วยชีวิตคุณไว้จริงไหม? คุณจะตอบแทนความใจดีของผมแบบนี้ไม่ได้นะ” ฮวงเฟิงกล่าว
“นี่คุณกลัวว่าคนอื่นจะรู้ความลับของคุณอย่างนั้นใช่ไหม? มันน่าอายนักเหรอ?” ไป่เสี่ยวโหรวกล่าว
“อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ผมไม่อยากจะให้มีคนเรื่องนี้เยอะเกินไปเพราะมากคนก็มากความ สำหรับตัวผมแล้ว ผมไม่ชอบปัญหา” ฮวงเฟิงกล่าว
ไป่เสี่ยวโหรวรู้ว่าฮวงเฟิงนั้นพูดถูก ถ้าเธอรายงานเรื่องนี้ขึ้นไปเจ้านายและผู้คนในแผนกของเธอจะต้องสนใจในตัวของฮวงเฟิงอย่างแน่นอน และเมื่อเวลานั้นมาถึงวันเวลาที่เขาเป็นคนธรรมดาก็จะหมดลง
“เอาล่ะ ฉันสัญญาแค่ชั่วคราวนะ ฉันจะไม่บอกใครหรอก” ไป่เสี่ยวโหรวคิดอยู่ชั่วขณะและกล่าวออกมา เธอเองก็สนใจเกี่ยวกับความลับของฮวงเฟิงเป็นอย่างมากแต่หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วฮวงเฟิงก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรและถ้าความลับเหล่านั้นไม่ได้กระทบต่อความมั่นคงของสังคมดังนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรายงานเรื่องนี้
“จริงเหรอ?” เยี่ยมไปเลย เดี๋ยวผมจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อแล้วกันนะ” ฮวงเฟิงกล่าวด้วยความดีใจ
“อย่าเพิ่งรีบดีใจไป ถ้าคุณไม่อยากที่จะบอกความลับให้ฉันฟังก็ไม่เป็นไร แต่มีข้อแม้นะ” ไป่เสี่ยวโหรวกล่าว
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved