ตอนที่ 297

USB:บทที่ 297 ใครกล้าทำเรื่องแบบนี้

โอวหยางเทียนพยักหน้า ก่อนหน้านี้เขายังเห็นอยู่เลยว่าผลเวอร์มิลเลี่ยนยังคงอยู่ในกล่องเนื่องด้วยเขาเป็นคนเปิดมันเองกับมือแม้ว่าเขาจะใช้กำลังในการเปิดกล่องก็ตาม ดังนั้นเขาจึงคิดว่าลูกชายของตนไม่น่าจะเปิดกล่องก่อนเขาแน่

หลังจากที่เปิดกล่อง สิ่งที่เขาเห็นในมือของปาร์คเกอร์ก็เป็นสิ่งเดียวกันกับที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ไม่ผิดแน่และนั่นก็หมายความว่า เดิมของที่อยู่ในกล่องนั้นก็คือ ผลไม้สีแดงผลนี้

"กัปตันปาร์คเกอร์ เราไม่ได้สับเปลี่ยนของด้านในแน่นอน กล่องนี้ข้าเป็นคนเปิดเองและไม่เคยมีใครเปิดก่อนข้าด้วย ข้ารับรองด้วยเกียรติของข้าเลยว่าผลไม้นี้เป็นผลเดียวกันกับตอนที่ข้าเปิด”โอวหยางเทียนกล่าวขณะที่เขามองไปที่อีกฝ่าย

“เป็นไปไม่ได้!” ปาร์คเกอร์พูดด้วยความมั่นใจ: "ของที่อยู่ข้างในนั้น เดิมเป็นผลเวอร์มิลเลียน แต่สิ่งนี้ไม่ใช่!"

“ผลเวอร์มิลเลียน?” เมื่อได้ยินเช่นนั้นโอวหยางเทียนก็ถึงกับตกใจแต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เคยเห็นผลเวอร์มิลเลี่ยนกับตามาก่อน เขาเพียงเคยได้ยินมาก่อนเท่านั้นซึ่งผลเวอรมิลเลี่ยนเป็นถึงสมบัติอันล้ำค่าโดยเฉพาะสำหรับคนเช่นเขาที่สามารถฝึกวรยุทธได้และเป็นสมบัติที่ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถทดแทนกันได้ แต่อย่างไรเสียผลเวอร์มิลเลี่ยนก็ไม่ได้อยู่ภายในกล่องแล้วและเห็นได้ชัดว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังกล่าวหาเขาอย่างผิดๆ

"ไม่ มันเป็นอันเดียวกันกับที่อยู่ในกล่องตั้งแต่แรกและเป็นอันเดียวกันกับที่เจ้าถืออยู่ในมือตอนนี้ด้วย โอวหยางเทียนยืนกราน

อย่างไรก็ตามปาร์คเกอร์ก็ยังคงไม่เชื่อ ทั้ง ๆ ที่เขาเองเป็นคนที่เห็นผลไม้ที่คิดว่าน่าจะเป็นผลเวอร์มิลเลี่ยนและยังเป็นคนใส่มันลงไปในกล่องด้วยตนเองเช่นนั้นเขาจึงสามารถยืนยันได้ แต่กระนั้นดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมเชื่อง่าย ๆ

ปาร์คเกอร์รู้ประสิทธิภาพของผลเวอร์มิลเลี่ยนดีและเขาเชื่อว่าในฐานะผู้นำตระกูลโอวหยางจะต้องรู้ถึงการมีอยู่และรู้เจ้าสมบัติของผลเวอร์มิลเลี่ยนแน่นอนแม้ว่าโอวหยางเทียนจะไม่เคยเห็นผลของเวอร์มิลเลี่ยนจริง ๆ กับตามาก่อนก็ตาม  เช่นนั้นเขาจึงคิดว่าเมื่ออีกฝ่ายเห็นผลไม้ที่คิดว่าน่านจะเป็นผลเวอร์มิลเลี่ยนที่อยู่ในกล่องจึงคิดที่อยากจะครอบครองไว้แน่

แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะตัดสินใจเอาของของเขาไปแถมยังกล้าสับเปลี่ยนเอาของปลอมมาหลอกคนเช่นเขาด้วย ถึงแม้ว่าเขาก็ไม่เคยเห็นผลไม้ชนิดนี้มาก่อนเช่นกัน แต่สิ่งที่อยู่ในกล่องตอนนี้ย่อมไม่ใช่ผลเวอร์มิลเลี่ยนแน่และอีกฝ่ายก็ดูมีเจตนาหลอกหลวงกันชัด ๆ

"ท่านผู้นำโอวหยาง ข้ามาที่นี่ก็เพื่อมาเจรจาอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่เมื่อเห็นการกระทำของตระกูลโอวหยางตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องนี้คงจะจบไม่สวย" แม้ว่าตระกูลโอวหยางจะเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเฮ่าเทียน แต่กองทหารรับจ้างโลหิตสีชาดก็มีดีไม่แพ้กันเนื่องจากกองทหารได้นำทหารฝีมือดีมาด้วยสองสามคนและแม้ว่าคนจากกองหทารโลหิตสีชาดจะมีมากไม่เท่าฝั่งคนของโอวหยางเทียน แต่ในแง่ของพละกำลังในการต่อสู้ของฝ่ายกองทหารนั้นจึงทำให้ไม่เกรงกลัวต่อโอวหยางเทียนซึ่งเป็นถึงตระกูลทรงอิทธิพลในเมืองเฮ่าเทียนแม้แต่น้อย

โอวหยางเทียนสังเกตเห็นพลังปราณชี่ที่อันตรายในดวงตาของอีกฝ่าย แต่ในขณะเดียวกันความโกรธของเขาก็ถูกกระตุ้นจากฝ่ายกองทหารโลหิตสีชาดพยามยามที่จะแบล็กเมล์เขาโดยอาศัยความแข็งแกร่งของฝ่ายตนมาใช้กลั่นแกล้งผู้อื่นที่คิดว่าอ่อนแอกว่าเช่นกัน อีกทั้งยังกล่าวหาฝ่ายโอวหยางว่าขโมยของอย่างผิด ๆ เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน? หากฝ่ายโอวหยางเป็นคนขโมยไปจริง ไม่มีทางที่เขาจะไม่ยอมรับ แต่สุดท้ายแล้วเขาไม่ได้ขโมยอะไรไปทั้งนั้น !

“ กัปตันปาร์คเกอร์ ข้ามาที่นี่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่เสียเวลามาถึงขนาดนี้” โอวหยางเทียนพูดอย่างไม่ลดละ ก่อนหน้านี้เขารู้ดีว่าฝ่ายตนเป็นฝ่ายผิดจึงพูดเช่นนั้นออกไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายตั้งใจพยายามจะข่มพวกเขานั่นจึงทำให้ฝ่ายเขาเริ่มมีความคิดไม่ดีต่ออีกฝ่าย

“ ข้าไม่เห็นความจริงใจของท่านผู้นำตระกูลโอหยางเลยแม้แต่น้อย”

“กัปตันปาร์คเกอร์ไม่ได้มีความจริงใจเท่ากับข้าหรอกหรือ?”

“งั้นเจ้ากำลังจะบอกว่าผู้นำตระกูลโอวหยางอย่างเจ้าจะยังคงยืนกรานจนถึงที่สุดหรือ?”

“มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราทำ กัปตันปาร์คเกอร์เองก็ยังคงดึงดังจะให้พวกเรายอมรับในสิ่งที่พวกเราไม่ได้ทำให้ได้งั้นหรือ สุดท้ายยังไงพวกเราก็ขอยืนยันคำเดิมว่า พวกเราไม่ได้เป็นคนทำ"

"ฮึ!"

บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คุมทั้งสองฝ่ายต่างวางมือไว้ที่อาวุธของตนราวกับว่าพวกเขาสามารถโจมตีได้ทุกเมื่อ

ตอนนี้โอวหยางซิงเหวินรู้สึกประหม่าอยู่ในใจ เขาไม่ต้องการมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่เขามาเพราะพ่อของเขาและเมื่อดูจากทุกคนที่นี่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่มีพลังการต่อสู้ต่ำที่สุด ดังนั้นหากทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กันเขาจะตกอยู่ในอันตรายที่สุด

ส่วนปาร์คเกอร์เองก็ยังไม่ต้องการต่อสู้ในตอนนี้เพราะถึงแม้ว่าครั้งนี้เขาจะพาคนมาด้วยพอสมควร แต่เขาก็ไม่ได้พาทุกคนมาที่นี่ อีกอย่างเขาต้องการก่อสงครามแบบกองโจรแทนและหวังจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด กองทหารรับจ้างโลหิตสีชาดนั้นยังมีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าอีกฝ่าย นั้นก็คือ ด้านตำแหน่งที่ตั้ง

เนื่องจากกองทหารรับจ้างของเขานั้นไม่เคยมีที่พักที่แน่นอนมาก่อนและนั้นเป็นเรื่องยากที่พวกตระกูลหยางจะหากองทหารของเขาพบซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างจากตระกูลโอวหยางเนื่องจากครอบครัวและธุรกิจต่างก็อยู่ในเขตเมืองเฮ่าเทียนทั้งสิ้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับกองทหารรับโลหิตสีเลือดที่จะหาพวกเขาพบ

อย่างไรปาร์คเกอร์ก็ยังคงรู้สึกไม่เต็มใจที่จะต่อสู้อยู่เล็กน้อยเพราะเขาแค่ต้องการผลเวอร์มิลเลี่ยนแต่ถ้าเขาไม่สู้ในวันนี้อาจะเป็นเรื่องยากที่จะห้ามไม่ให้อีกฝ่ายกินผลเวอร์มิลเลี่ยนเข้าไปแม้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะสามารถโจมตีฝ่ายตระกูลโอวหยางภายหลังได้ก็ตาม เนื่องด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ท้ายที่สุดจึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะเอาผลเวอร์มิลเลี่ยนกลับมาในวันนี้ให้ได้

โอวหยางเทียนเองก็ไม่ต้องการต่อสู้เช่นกันเพราะเขาไม่ต้องการเสี่ยงและแม้ว่าเขาจะพาคนมาเพียงไม่กี่ชีวิต แต่ถ้าให้พูดถึงเรื่องศิลปะป้องกันตัวที่แข็งแกร่งของพวกเขาเหล่านั้นแล้วก็สามารถต่อกรได้ยากไม่แพ้กัน ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ต้องการที่จะต่อสู้แต่กลับไม่มีใครกล้าที่จะเป็นคนเริ่มกล่าวออกมาดัง ๆ เพราะหากพวกเขาแสดงความอ่อนแอออกมา พวกเขาต่างก็ต้องรับเงื่อนไขของอีกฝ่ายและยิ่งไปกว่านั้นมันอาจไม่เป็นประโยชน์ต่อการสู้ของพวกเขาในอนาคตอีกด้วย

“ นายน้อย เคยบอกให้ข้าซ่อนผลเวอร์มิลเลี่ยนที่เขาพูดถึงอยู่รึเปล่า?” ในขณะที่บรรยากาศกำลังครุกรุ่นทั้งสองฝ่ายต่างเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงของซุ่นจื้อที่พูดขึ้นมาแม้ว่าเสียงเขาจะไม่ดังก็ตาม แต่ภายใต้ความเงียบเช่นนี้จึงทำให้ได้ยินเสียงของเขาและนั้นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาในทันที

โอวหยางซิงเหวินมองไปที่คนรับใช้ของเขาอย่างไม่เชื่อพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง ในตอนแรกเขายังไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากนักแต่หลังจากรู้สึกได้ว่าทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เขา เขาจึงเข้าใจและชี้ไปที่ซุ่นจื้อพร้อมกล่าวว่า: "แก แก"

เนื่องจากโอวหยางซิงเหวินเริ่มมีอาการร้อนรนมากเกินไปเขาจึงยังไม่ได้พูดอะไรออกไป

“เขาพูดว่าอะไรนะ” หลังจากที่ซุ่นจื้อพูดประโยคนั้นจบ เขาก็เอาแต่ก้มหัวลงและไม่กล้าสบตาใครอีกซึ่งเขาทำตัวเหมือนผู้รับใช้ที่เชื่อฟังแต่เจ้านาย