USB:บทที่ 596 ทั้งหมดเป็นเพราะแก
หลังจากที่ฮวงเฟิงจากไปแล้ว ฟางหัวโตก็ได้ระเบิดอารมณ์ใส่คนของตัวเอง อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาก็พบว่าบนใบหน้าของลูกสมุนหลายคนไม่ได้หลงเหลือความหวาดกลัวและความเคารพต่อเขาอีกต่อไป ทว่ากลับกลายเป็นความโกรธและความแค้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งท่าทางของเขาเมื่อครู่นี้ทำให้ทำให้เขาอับอายต่อหน้าลูกน้องของตัวเอง
"ฮวงเฟิง ฮวงเฟิง! ทั้งหมดเป็นเพราะแก! คอยดูเถอะ ฉันไม่มีทางปล่อยแกไปแน่!" ฟางหัวโตตะโกนก้องอยู่ในใจ แม้ว่าเขาจะไม่มีความกล้าหาญมากนัก แต่ฐานะและความชีวิตความเป็นอยู่ของเขาเป็นสิ่งที่เขาหวั่นวิตกมากกว่า ฮวงเฟิงทำให้เขาต้องสูญเสียพื้นที่ในเขตคุ้มครองไปถึงครึ่งหนึ่ง เรื่องนี้มันไม่ต่างอะไรกับการฆ่าเขาให้ตาย ตราบใดที่เขายอมเสียเขตคุ้มครองในมือไปครึ่งหนึ่ง พื้นที่เหลืออยู่ก็จะไม่กว้างขวางอย่างเช่นเคยอีกต่อไป ซึ่งนั้นก็จะทำให้คนที่เคยคุกคามจะไม่ไว้หน้าเขาอีก ผลก็คือเขาไม่คิดที่จะยกพื้นที่ของตัวเองให้ใครแน่ เขาเพียงแค่รับปากฮวงเฟิงเพื่อประวิงเวลาในการต่อสู้ให้ช้าลงอีกหน่อย อีกทั้งตอนนี้ฮวงเฟิงและเทียนจุนก็ได้เห็นท่าทางความหวาดกลัวของเขาก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าทั้งสองคนต้องไม่คิดว่าเขาจะกล้าเล่นตุกติกแน่
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อหน้าลูกน้องเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้คนอีกมากมายที่ให้ความสนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ในไม่ช้าคนพวกนั้นก็จะรู้ว่าถึงแม้ฟางหัวโตจะระดมลูกสมุนมากมายมาจัดการกับฮวงเฟิงและเทียนจุน นอกจากสองคนนั้นจะไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยแล้ว มิหนำซ้ำพวกเขายังตัดนิ้วมือทั้งสองของฟางหัวโต
อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ได้เห็นแล้วว่าทั้งฮวงเฟิงและเทียนจุนนั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นฟางหัวโตจะไม่ต้องไม่ยอมให้เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองต้องจบลงเช่นนี้แน่ ในเมื่อตอนนี้ฟางหัวโตได้รับปากว่าจะยอมยกพื้นที่ครึ่งหนึ่งให้เทียนจุน ดังนั้นคนอื่น ๆ ล้วนเฝ้ารอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ถ้าฟางหัวโตยอมทำอย่างที่ได้รับปากไว้จริง ก็จะส่งผลให้อิทธิพลของเขาลดลงไปมาก และเมื่อถึงเวลานั้นก็จะเป็นโอกาสดีที่บุกเข้ายึดพื้นที่ของเขา แต่ถ้าหากฟางหัวโตไม่ยอมยกพื้นที่ให้กับเทียนจุน ก็จะทำให้การต่อสู้ห้ำหั่นกันระหว่างฟางหัวโตและเทียนจุนเป็นไปอย่างดุเดือดมากขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงให้ความสนใจและรอดูสิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้
"ช่วยผมสืบหาข้อมูลของฉ่ายเถียน ยิ่งละเอียดมากเท่าไหร่ยิ่งดี"
หลังจากที่พากันออกมาจากไนต์คลับแห่งนั้นแล้ว ฮวงเฟิงก็ขอให้เทียนจุนไปสืบดูว่าฉ่ายเถียนต้องการทำอะไร และ ทำไปเพื่ออะไร ฮวงเฟิงต้องสะสางเรื่องนี้ให้จบสิ้น
"ได้ครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง" เทียนจุนรับปาก เนื่องจากเขามีลูกน้องจำนวนมากในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ช่วยเหลือฮวงเฟิงในการต่อสู้ แต่ถ้าจะให้เขาคอยสืบข่าวหาข้อมูลต่าง ๆ โดยรอบนั้น เทียนจุนสามารถทำได้เลย ฮวงเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย นี้คือข้อดีของการมีลูกน้องสักคน ฮวงเฟิงไม่ชอบที่จัดการเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง และตอนนี้เขาก็มีคนคอยช่วยอยู่แล้ว ซึ่งทำให้เขาสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน หลังจากนั้นฮวงเฟิงและเทียนจุนก็ได้แยกย้ายกันไป เทียนจุนรีบตรงดิ่งไปดูแลน้องสาว ในขณะที่ฮวงเฟิงเองก็ต้องกลับไปดูแลคนหนึ่งคนกับสุนัขอีกหนึ่งตัว
บนท้องฟ้าในช่วงเวลาอื่นขณะนี้ก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว ขณะที่ท่านผู้นำฉีอู่และผู้นำคนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมกับเขาได้ปรึกษากันอยู่ในห้องโถงใหญ่นั้น
"รายงานท่านผู้นำ ตอนนี้ข้าศึกได้สร้างค่ายห่างจากนี้ไม่ถึงสิบไมล์ขอรับ" ในขณะนั้นเองทหารสอนดแนมคนหนึ่งได้วิ่งเข้ามาแล้วคุกเข่ารายงานเรื่องดังกล่าว
"พวกเขามาถึงเร็วมาก" ใครคนหนึ่งพูดขึ้น
"มีอะไรให้กลัว? ก็แค่กองทัพที่เคยแพ้ศึกเท่านั้นเอง"
"นั่นสิ พวกมันมีอะไรให้ต้องกลัว? ดูเหมือนว่าศึกครั้งก่อนพวกมันยังล้มตายกันไม่มากพอ ถึงได้พากันยกทัพกลับมาอีก!"
ตอนระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเขาได้ผ่านสงครามมามาก อีกทั้งยังมีกองกำลังที่เข้าร่วมกับพวกเขามากกว่าเมื่อก่อน อีกอย่างสงครามครั้งที่แล้วถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งในเรื่องของกำลังและประสบการณ์แต่ก็ยังสามารถมีชัยเหนือกองทัพตะวันตกได้ ทำให้เวลานี้พวกเขาจึงไม่รู้ศึกต่อข้าศึกที่กำลังเข้ามาประชิดเลยแม้แต่น้อย
"พวกมันมากันกี่คน?" ในเวลานั้นท่านผู้นำฉีอู่ได้ถามขึ้น
"ประมาณ 50,000 เห็นจะได้ขอรับ"
ได้ยินรายงานจากทหารสอดแนมคนนั้นแล้ว ยิ่งทำให้ผู้นำทุกคนรู้สึกลำพองใจมากขึ้น นอกจากข้าศึกที่มีความอ่อนแอกว่าแล้ว พวกมันยังมีกำลังทหารเพียงแค่หยิบมือ เช่นนี้แล้วพวกเขามีอะไรให้ต้องกลัวอีก? ข้าศึกมีกำลังทหารเพียงแค่ห้าหมื่นนายเท่านั้น ในขณะที่พวกเขามีทหารอยู่ในมือมากถึงสามแสนนาย นอกจากนั้นแล้วการตั้งรับอยู่ในเมืองก็ยังทำให้พวกเขาได้เปรียบอีกฝ่ายมากกว่า การที่ผู้นำฉีอู่สั่งปลดนายพลซูเป่ยอย่างกระทัน ศึกในครั้งนี้จะทำให้เขาได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์ต่อผู้นำคนอื่น ๆ ถึงแม้ว่าจะขาดใครไปสักคนก็จะไม่มีใครกล้าอวดดีต่อหน้าเขาหรือนินทาเขาลับหลังอีกต่อไป
"ถ่ายทอดคำสั่ง ให้ทุกคนคอยจับตาการเคลื่อนไหวของข้าศึก" ท่านผู้นำฉีอู่ออกคำสั่ง
"รับทราบ!" ทหารสอดแนมรับคำสั่งอย่างหนักแน่น
ในขณะเดียวกันทีบ้านพักของซูเป่ย เมื่อครั้งที่เขายังคงมีอำนาจสถานที่แห่งนี้มักจะมีผู้คนมาเยี่ยมเยือนอย่างไม่ขาดสาย เพื่อสานสัมพันธ์กับเขา แต่ตอนนี้เมื่อเขาสูญเสียอำนาจและความไว้วางใจจากท่านผู้นำฉีอู่ ทำให้คนส่วนใหญ่ที่เคยพากันมาที่นี้ก็พากันห่างหายกันไปด้วย
แต่อย่างไรก็ตามในขณะที่ซูเป่ยไร้ซึ่งอำนาจแล้วก็ยังมีคนผู้หนึ่งที่ยังคงไปมาหาสู่กับเขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคนผู้นี้ก็คือหวังต้าเหนียว การมาเยือนของหวังต้าเหนียวนั้นทำให้เจ้าของบ้านรู้ได้ว่าถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่มีไหวพริบมากนัก แต่เขาก็เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและเป็นสุดยอดทหาร แม้ว่าซูเป่ยจะไม่ใช่ทหารคู่ใจของท่านผู้นำฉีอู่อีกต่อไป แต่ความคิดของหวังต้าเหนียวที่มีต่อเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป น่าเสียดายที่คนผู้นี้อำนาจเป็นเพียงแค่หัวหน้าระดับกลางภายใต้การนำของผู้นำฉีอู่เท่านั้น ต่อให้เขาคิดที่จะออกหน้าช่วยพูดแทนซูเป่ยก็คงไม่มีใครรับฟังคำพูดของเขา
"ท่านนายพลซู ท่านพอจะรู้ข่าวของข้าศึกที่พากันมาตั้งค่ายอยู่นอกเมืองบ้างหรือไม่?" หวังต้าเหนียวพูดขึ้นกับซูเป่ย
"น้องหวัง เจ้าเรียกชื่อข้าตรง ๆ เถอะ ไม่ต้องเรียกนายพลแล้ว" ซูเป่ยพูดขึ้น "ส่วนเรื่องข้างนอกนั่น ข้าเชื่อว่าทุกคนในเมืองเม่ยย่อมรู้เรื่องนี้ดี เพียงแต่ข้าไม่รู้ถึงระดับความแข็งแกร่งของข้าศึก เนื่องจากท่านผู้นำได้สั่งห้ามข้าไม่ให้ข้าออกไปจากกำแพงเมือง"
"ท่านผู้นำนี่ก็เหลือเกินจริง ๆ ทำกับท่านเช่นนี้ได้อย่างไร?" หวังต้าเหนียวพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ เนื่องจากเขาไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว เขาไม่คิดว่าจะเป็นการหยามเกียรติอีกฝ่าย รู้แค่เพียงว่านายพลซูเป่ยนั้นเป็นคนมีความสามารถ อีกทั้งยังซื้อสัตย์ต่อท่านผู้นำ แต่ตอนนี้ซูเป่ยกลับต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เรื่องนี้ท่านผู้นำทำเกินไปจริง ๆ
"เอาละ ระวังคำพูดพวกนี้ของท่านไว้บ้าง ถ้าหากมีใครผ่านมาได้ยินเข้ามันจะไม่ดี อีกอย่างท่านก็อย่าได้มาที่นี่อีกเลย มันจะทำให้ท่านต้องพลอยลำบากไปด้วย" ซูเป่ยกล่าว
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved