ตอนที่ 396

USB:บทที่ 396 งานเลี้ยง

“นี่คุณหมายความว่าวันพรุ่งนี้ผมกำลังจะได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วยยังงั้นเหรอ?”

“ใช่ ผู้กำกับชิวแนะนำกับผู้อาวุโสหรงว่าเขารู้สึกถึงความกดดันเป็นอย่างมากดังนั้นเขาจึงต้องการให้พวกเราไปช่วยแบ่งเบามันสักหน่อย” ไป่เสี่ยวโหรวกล่าว

ความเป็นอิสระขององค์กรความมั่นคงแห่งชาติมีความเข้มแข็งมาก แม้ว่าผู้นำทั้งหลายของจังหวัดต้องการที่จะสั่งให้ทำอะไรบางอย่างก็ยังไม่สามารถที่จะสั่งพวกเขาได้

“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว” ฮวงเฟิงคิดว่าทั้งสมุดบัญชีและปากกาบันทึกเสียงยังคงถูกเก็บไว้ในแหวนมิติของเขาอยู่ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวล ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ต้องการที่จะเร่งรีบส่งมอบของพวกนั้นในตอนนี้

ไม่นานนักหลังจากที่วางสาย โทรศัพท์ของฮวงเฟิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นชิวหนิงซวง

“ฮวงเฟิง นี่คุณคงจะไม่ได้ลืมเรื่องงานเลี้ยงคืนนี้ใช่ไหม?” เสียงที่น่าฟังของชิวหนิงซวงดังออกมาจากปลายสาย มันกลายเป็นว่าชิวหนิงซวงกลัวว่าฮวงเฟิงจะลืมเรื่องนัดคืนนี้และในเวลาเดียวกันเธอก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับฮวงเฟิง ในเมื่อเขาไม่มีเวลาเธอจึงได้โทรมาเพื่อเตือนเขา

“แน่นอน ผมไม่ลืมหรอกน่า ผมจะไปที่นั่นหลังเลิกงานนะ” ฮวงเฟิงกล่าว คืนนี้เขามีหลายอย่างที่ต้องทำดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ได้สัญญากับชิวหนิงซวงเอาไว้แล้วเมื่อคืนนี้

“เอาล่ะ งั้นฉันจะไปรับคุณทีหลังก็แล้วกัน” ชิวหนิงซวงกล่าวอย่างมีความสุข เธอรู้ดีว่าฮวงเฟิงนั้นไม่มีรถดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะไปรับเขา

ในความเป็นจริงแล้วงานเลี้ยงในคืนนี้ทุกคนไม่จำเป็นต้องพาคู่ควงไปด้วย เพราะว่าเป็นเพียงแค่งานเลี้ยงในแวดวงของพวกเธอ แต่เป็นเพราะเพื่อนสนิทของเธอหลายคนมักจะพาแฟนมาแนะนำกับเธอ อีกทั้งมีคนหลายคนที่ไล่ตามจีบเธอซึ่งทำให้เธอรู้สึกรำคาญเพราะว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับพวกเขาเลย

ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่เธอพาฮวงเฟิงไปร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ด้วยเพื่อทำให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว ดังนั้นก็จะไม่มีกล้ามาตอแยเธออีกต่อไป และกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือฮวงเฟิงจะได้ไปทำหน้าที่เป็นโล่ให้เธอในคืนนี้

ซึ่งถ้าหากว่าชิวหนิงซวงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ ให้กับเขาเธอไม่มีทางที่จะเอาเขามาเป็นโล่กำบังให้เธอโดยเด็ดขาดเพราะถึงแม้ว่าเธอจะรำคาญคนที่มาตอแยแทบใจจะขาดแต่เธอก็ไม่มีทางที่จะหาใครบางคนมาอ้างว่าเป็น “แฟนของเธอ” อย่างแน่นอน

“เอาล่ะ งั้นเจอกันหลังเลิกงานนะ” ฮวงเฟิงไม่ได้อวดดีอะไรแต่เพราะว่าเขาไม่มีรถตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปรับชิวหนิงซวงแม้ว่าเขาจะต้องการที่จะทำเช่นนั้นก็ตาม

หลังเลิกงานเมื่อฮวงเฟิงมาถึงทางเข้าของบริษัทเขาก็เห็นชิวหนิงซวงรออยู่ก่อนแล้ว  อย่างไรก็ตามในเวลานี้เธอแต่งตัวอย่างพิถีพิถันอย่างเห็นได้ชัดและด้วยที่เธอเป็นคนสวยมากอยู่แล้ว ตอนนี้เธอจึงยิ่งฉายความงดงามที่น่าหลงใหลจนทำให้พนักงานของเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปทุกคนที่เดินผ่านไปมาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมุ่งความสนใจไปที่เธอ

พวกผู้ชายนั้นถูกดึงดูด้วยรูปลักษณ์ของเธอ ด้วยตามของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความรักและอยากจะสัมผัสร่างกายของเธอ สำหรับพนักงานหญิงของเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ป สายตาของพวกเธอไม่เป็นมิตรนักและหากพวกเธอไม่รู้ว่าจะซ่อนมันอย่างไร ก็จะสามารถมองเห็นความอิจฉาในดวงตาของพวกเธอได้

“คุณนี่สร้างเสียงฮือฮาได้เก่งจริงๆ นะ” ฮวงเฟิงหัวเราะขื่นๆ ขณะที่เขาเข้ามาภายในรถ ชิวหนิงซวงนั้นดึงดูดความสนใจของพนักงานที่อยู่รายล้อมไม่เพียงเพราะว่ารูปลักษณ์ของเธอแต่เป็นเพราะว่าเธอกำลังนั่งอยู่ในรถสปอร์ตเปิดประทุนด้วย

“นี่ฉันสร้างปัญหาให้คุณหรือเปล่าเนี่ย?” ชิวหนิงซวงถามขณะที่สตาร์ทรถ ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อฮวงเฟิงเห็นเธอก่อนหน้านี้เขารู้สึกค่อนข้างพอใจกับความสวยบาดตาของเธอเพราะเธอได้แต่งตัวมาอย่างพิถีพิถันเพื่อเขา

“ผมเดาว่าผมคงจะกลายเป็นศัตรูในสายตาของพนักงานชายทั้งหลายของบริษัทไปแล้วล่ะ” ฮวงเฟิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว

“ฉันจะถือว่าคุณกำลังชมฉันอยู่ใช่ไหมคะ?” ชิวหนิงซวงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“แน่นอนสิ” ฮวงเฟิงไม่ปฏิเสธเลยว่าครั้งล่าสุดที่เขาเห็นชิวหนิงซวงนั้น ปกติแล้วเธอจะสวมชุดลำลองและไม่ได้แต่งตัวอย่างพิถีพิถันเช่นนี้เลย

แน่นอนว่าฮวงเฟิงไม่ได้รู้สึกแย่กับสิ่งที่เธอกระทำ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยมีแฟนแต่ก็มีสาวสวยมากมายมารุมล้อมและแม้แต่คนดังเขาก็ได้เข้าใกล้มาแล้ว พูดตามตรงก็คือหลี่ปิงหยุนที่ได้จากไปสักพักหนึ่งแล้วและกำลังจะกลับมาอีกครั้ง

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของฮวงเฟิง รอยยิ้มของชิวหนิงซวงก็ยิ่งสดใสมากขึ้นกว่าเดิม

เพียงแต่ทั้งฮวงเฟิงและชิวหนิงซวงไม่ได้รู้เลยว่าขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยและหัวเราะกันอยู่ในรถขณะที่ขับรถออกไปนั้น ได้มีใครบางคนกำลังนั่งอยู่ภายในรถและจับตาดูพวกเขาที่กำลังออกรถไปหนิงช่วง

“ทำไมสองคนนั่นถึงดูสนิทกันนักล่ะ? ไม่นะ ฉันต้องไปเตือนพี่หยูโม่ซะแล้ว” ถังมู่เสวี่ยพึมพำกับตัวเองขณะที่นั่งอยู่ภายในรถ

เธอเข้ามาที่เฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปหลังจากที่เธอเสร็จงานและจากนั้นก็ปล่อยซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวเอาไว้ แต่เธอไม่คิดว่าเธอจะได้เห็นฉากนี้ที่ประตูของบริษัท

ขณะที่ฮวงเฟิงและชิวหนิงซวงกำลังรับประทานอาหารกันอยู่นั้น เธอและซูหยูโม่ก็เคยพบกันมาก่อน ในตอนนั้นเธอเองก็คิดว่าความสัมพันธ์ของฮวงเฟิงและเธอคนนั้นเป็นแค่เพื่อนธรรมดาแต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะไม่ใช่ธรรมดาเสียแล้ว

“นี่คุณกำลังจะไปที่ไหน?” เมื่อฮวงเฟิงเห็นว่ารถของชิวหนิงซวงไม่ได้ไปยังทิศทางที่คิดไว้แต่กลับมุ่งหน้าเข้าไปยังใจกลางเมืองเขาจึงรู้สึกสงสัยนิดหน่อย

“ยังพอมีเวลาอีกสักหน่อย ฉันจะพาคุณไปซื้อชุดใหม่” ชิวหนิงซวงตอบ

“อะไรนะ นี่คุณไม่ชอบรูปลักษณ์ของผมในตอนนี้งั้นเหรอ? มันทำให้คุณอับอายหรือยังไง?” ฮวงเฟิงกล่าวเสียงเรียบ

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ!” ชิวหนิงซวงกลัวว่าฮวงเฟิงจะโกรธจึงรีบกล่าวออกมาว่า “ฉันก็แค่ไม่อยากให้คุณดูด้อยกว่าคนพวกนั้น คุณรู้ไหม คนพวกนั้นตัดสินคนจากภายนอก”

สิ่งที่ชิวหนิงซวงกล่าวนั้นไม่ผิดเลย แวดวงของเธอล้วนแล้วแต่เป็นทายาทเศรษฐีและถึงแม้ว่ารุ่นพี่ทั้งหลายจะไม่ร่ำรวยแต่พวกเขาก็มีคุณสมบัติ การแต่งตัวของพวกทายาทเศรษฐีจึงไม่เลยนักและส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็จะตัดสินคนจากการแต่งกาย ชิวหนิงซวงเกรงว่าคนพวกนั้นจะมาดูถูกฮวงเฟิงในฐานะที่มาเป็นแฟนของเธอในวันนี้และเธอเองก็ไม่อยากให้ฮวงเฟิงรู้สึกไม่มีความสุข

“ไม่เป็นไรหรอกน่า พวกเขาจะว่าอะไรมันก็เรื่องของเขา ผมไม่สนใจหรอก” ฮวงเฟิงกล่าว แต่ในใจเขานั้นเขารู้ดีว่าชิวหนิงซวงนั้นหวังดี เพราะวันนี้เขากำลังสวมใส่เสื้อผ้าชุดเก่าของเขาและก็ไม่ใช่ชุดที่ซูหยูโม่เคยให้มาด้วย

“เอาล่ะ งั้นฉันจะเชื่อคุณ” เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงไม่ได้โกรธ ชิวหนิงซวงจึงลอบถอนหายใจและตอบตกลง เธอคิดว่าถ้าฮวงเฟิงไม่มีความสุขและอยากจะกลับเธอก็จะกลับพร้อมกับเขา

จากนั้นชิวหนิงซวงก็รู้สึกดูถูกตัวเองอยู่ในใจ เธอจัดการอะไรกับฮวงเฟิงไม่ได้เลยเธอแคร์แค่ความรู้สึกของเขาเท่านั้น แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในอนาคตนี่เธอไม่ต้องตามใจเขาไปตลอดอย่างนั้นเหรอ?

“มันจบแล้ว ชิวหนิงซวง เธอจบสิ้นแล้ว!” ชิวหนิงซวงคร่ำครวญอยู่ในใจ