ตอนที่ 669

USB:บทที่ 669 ใครรักใคร

ที่ด้านนอกที่พักของฮวงเฟิง ถังมู่เสวี่ยและกัวเมิ่งหานกำลังยืนอยู่ที่ทางเข้าลิฟท์และกำลังรอลิฟท์

เมื่อเห็นว่าลิฟท์กำลังจะมาถึง ถังมู่เสวี่ยก็ถามกัวเมิ่งหานว่า “คุณกับฮวงเฟิงรู้จักกันได้ยังไงเหรอ?”

“เพื่อนของฉันเป็นคนแนะนำให้รู้จักน่ะ” กัวเมิ่งหานกล่าว “แล้วคุณล่ะ รู้จักกับเขาได้ยังไง?”

“ฉันเองก็มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักเขาเหมือนกัน” ถังมู่เสวี่ยกล่าว “แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าเขามีแฟนแล้ว?”

ถังมู่เสวี่ยตั้งใจที่จะเล่าเรื่องนี้ให้กัวเมิ่งหานฟังเพราะว่าเธออยากจะให้กัวเมิ่งหานล้มเลิกความตั้งใจเกี่ยวกับฮวงเฟิง แต่ว่าที่เธอทำลงไปก็ไม่ใช่เพื่อตัวเธอเองแต่เพื่อซูหยูโม่ต่างหาก มีเพียงเธอเองเท่านั้นที่รู้คำตอบนี้ดีอยู่แล้ว

ถึงแม้ว่าเธอจะเดาได้อยู่แล้วว่าฮวงเฟิงจะต้องมีแฟนอยู่แล้วเมื่อได้ยินถังมู่เสวี่ยกล่าวเช่นนั้น กัวเมิ่งหานก็รู้สึกเศร้าอยู่ในใจ เพราะว่าเธอนั้นก็มีความรู้สึกดีๆ ต่อฮวงเฟิง เพียงแต่ว่าเธอนั้นอายและไม่มีโอกาสดังนั้นเธอจึงไม่เคยได้เอ่ยปากบอกฮวงเฟิงว่าเธอเองคิดเช่นไร

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าข่าวนี้จะทำให้เธอรู้สึกเศร้าอยู่สักหน่อย แต่เธอเองก็ไม่ได้ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เป็นเพราะว่าลึกๆ ในใจของเธอนั้นฮวงเฟิงเป็นคนที่โดดเด่นมาก และจึงเป็นธรรมดาที่คนที่โดดเด่นเช่นเขาจะมีแฟนแล้ว

เมื่อลิฟท์มาถึง ประตูลิฟท์เปิดจากนั้นก็ปิดลง แต่ทั้งสองสาวก็ยังไม่ได้เข้าไปในลิฟท์ พวกเธอยังคงยืนอยู่หน้าลิฟท์นั่นเอง

“งั้นหรอกเหรอ? ฉันดีใจกับพี่ฮวงด้วยจริงๆ” กัวเมิ่งหานฝืนยิ้มและกล่าวออกมา

“ถ้าคุณคิดแบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ” ถังมู่เสวี่ยกล่าว

“เป็นคุณงั้นเหรอ?” กัวเมิ่งหานถาม เพราะว่าจากท่าทางของฮวงเฟิงและถังมู่เสวี่ยถึงแม้ว่าพวกเขาจะสนิทกันอยู่บ้าง ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้สนิทในฐานะเพื่อนผู้ชายและเพื่อนผู้หญิง

ถังมู่เสวี่ยตกใจแต่หลังจากนั้นสักพักเธอก็ตอบด้วยสีหน้าสับสนว่า “ไม่ใช่”

“ไม่ใช่งั้นเหรอ?” กัวเมิ่งหานเองก็ตะลึงไปเช่นกัน เธอไม่คาดคิดว่าเธอจะคาดเดาได้ตรงเผง

ทั้งสองสาวต่างมองหน้ากันราวกับว่าพวกเธอต่างเข้าใจกันและกัน กัวเมิ่งหานถามว่า “งั้นใครกันล่ะที่เป็นแฟนของพี่ฮวง? เธอต้องเป็นคนดีมากแน่ๆ เลย”

“อืม พี่หยูโม่ก็โดดเด่นมากจริงๆ นั่นแหละ ก่อนหน้านี้ ฉันเองก็เคยคิดว่าฮวงเฟิงไม่คู่ควรกับเธอ” ถังมู่เสวี่ยกล่าว

“พี่หยู่โม่งั้นเหรอ? คุณรู้จักแฟนของฮวงเฟิงยังงั้นเหรอ?” กัวเมิ่งหานกล่าว

“ใช่แล้ว พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน พวกเรารู้จักกันมานานและพวกเราก็โตมาด้วยกัน” ถังมู่เสวี่ยกล่าว

“งั้นทำไมคุณ?” กัวเมิ่งหานกล่าวอย่างลังเลใจ

“มีอะไรอีกงั้นเหรอ?”

“และคุณเองก็คงจะชอบพี่ฮวงเหมือนกันสินะ” กัวเมิ่งหานกล่าว

“ใครบอกกันล่ะว่าฉันชอบเขา ฉันก็แค่รู้สึกผิดที่เขาช่วยเอาตัวบังกระสุนให้ เพราะงั้นฉันถึงต้องเป็นห่วงเป็นใยเขาสิ ความจริงแล้วพวกเราเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานเลย” ถังมู่เสวี่ยอธิบายอย่างกังวล

“งั้นเหรอ?” กัวเมิ่งหานเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อที่เธอพูด “ในเมื่อที่นี่ก็มีแค่พวกเราสองคน และพี่ฮวงก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เพราะงั้นทำไมคุณถึงได้กลัวว่าเขาจะมาได้ยินล่ะ?”

“ฉันไม่ได้กลัวว่าเขาจะมาได้ยินนะ ฉันไม่ได้ชอบเขาจริงๆ เขาน่ะน่าเกลียดจะตายและเขาก็เป็นคนทะลึ่งด้วย ฉันไม่ได้ชอบเขาเลย” ถังมู่เสวี่ยกล่าว

“จริงเหรอ?” กัวเมิ่งหานกล่าว “แต่ฉันเห็นตอนที่คุณมองเขามันไม่เหมือนกับว่าคุณกำลังมองไอ้คนทะลึ่งเลยนะ”

“ฉันน่ะ ฉันก็แค่เป็นห่วงเขา” ถังมู่เสวี่ยยังคงยืนกราน “เพราะว่าเขาบาดเจ็บก็เพราะฉัน”

“ไม่เป็นไรหรอกน่าไม่ว่าคุณจะชอบเขาหรือเปล่า คุณก็รู้อยู่แก่ใจนั่นแหละนะ” กัวเมิ่งหานกล่าว

ถังมู่เสวี่ยนั้นได้กลับมาสู่ความเป็นจริงแล้ว เธอควรจะเป็นคนที่ถามกัวเมิ่งหานแต่ตอนนี้กลับเป็นกัวเมิ่งหานเสียเองที่มาคาดคั้นเอากับเธอ?

“พวกเราเป็นแค่เพื่อนธรรมดากันจริงๆ อย่างไรก็ตามฉันเองก็ยอมรับว่าฉันมีความรู้สึกดีๆ กับฮวงเฟิงแต่ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้คู่ควรกับเขาและพี่ฮวงก็ไม่รู้ด้วยว่าฉันชอบเขา” ถ้าอยู่ต่อหน้าของฮวงเฟิงกัวเมิ่งหานก็คงจะไม่กล้ากล่าวคำเหล่านี้ออกมา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าถังมู่เสวี่ยคนที่ก็ชอบฮวงเฟิงเหมือนกันแต่ไม่อาจที่จะเป็นผู้หญิงของเขาได้ กัวเมิ่งหานจึงรู้สึกว่าพวกเธอช่างมีหลายอย่างที่เหมือนกัน อย่างน้อยก็เรื่องของฮวงเฟิง มีหลายสิ่งที่สามารถที่จะเอ่ยออกมาได้แต่พวกเธอต่างก็เข้าใจความรู้สึกของกันและกันถึงแม้ว่าตัวถังมู่เสวี่ยนั้นจะไม่ยอมรับว่าเธอเองก็ชอบฮวงเฟิง

ถังมู่เสวี่ยมองดูกัวเมิ่งหานและในตอนนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เธอไม่คิดว่ากัวเมิ่งหานจะกล้ายอมรับออกมา ซึ่งนั้นทำให้เธอรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก

ความจริงแล้วถังมู่เสวี่ยเองก็เข้าใจตัวเองดี เดิมทีเธอไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ ต่อฮวงเฟิงเลย อย่างมากเธอก็เป็นแค่เพื่อนธรรมดา แต่ที่มีเรื่องเข้าใจผิดในห้องครัวในคืนนั้นก็ทำให้เธอคิดต่างออกไปและความรู้สึกที่มีต่อฮวงเฟิงก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย เพราะว่านั่นเป็นจูบแรกของเธอซึ่งเธอได้ทะนุถนอมเก็บไว้มาตั้งหลายปี

และในวันนี้ เมื่อเขาเอาตัวเข้าบังกระสุนให้กับถังมู่เสวี่ยอย่างไม่ลังเลใจ ในใจของถังมู่เสวี่ยก็สั่นไหวอย่างแรง ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะบอกว่าเจ้าคนนั้นต้องการที่จะมาฆ่าเขาและเขาก็เป็นคนที่เข้ามาช่วยชีวิตเธอเอาไว้อย่างไม่ลังเลซึ่งทำให้เธอไม่คิดกับเขาอย่างเพื่อนอีกต่อไป

ถังมู่เสวี่ยเองก็รู้เรื่องนี้อยู่แก่ใจ มุมมองที่มีต่อฮวงเฟิงนั้นได้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง เธอไม่ได้คิดอย่างเพื่อนธรรมดาอีกต่อไปแล้วแต่เป็นคนที่เธอมีความรู้สึกดีๆ ด้วย

ความรู้สึกของผู้หญิงนี้ช่างประหลาดนัก เธออาจจะไล่ตามเขามาเป็นเวลานานโดยไม่ได้แตะต้องเขาเลย หรืออาจจะชอบเขาในตอนที่ถูกสัมผัส ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอและฮวงเฟิงนั้น "ได้รับจูบของเขา" ก่อนหน้านี้ ความรู้สึกนี้จึงแตกต่างออกไปโดยธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม เธอรู้ว่าความสัมพันธ์นี้จะไม่สิ้นสุด ไม่ต้องพูดถึงครอบครัวที่อยู่ข้างหลังของเธอ แม้แต่ตัวตนของฮวงเฟิงในฐานะแฟนของพี่หยูโม่ก็ทำให้เธอกลัวที่จะเปิดเผยความคิดของเธอ เพราะถ้าเป็นคนอื่น เธอก็ยังคงสามารถฉกเอาไปได้

นั่นเป็นเพราะว่าถังมู่เสวี่ยคิดว่าเธอได้ซ่อนเจตนาที่แท้จริงไว้อย่างแนบเนียนแล้วและไม่เปิดเผยความคิดใดๆ ของเขา อย่างไรก็ตาม ไป่เสี่ยวโหรวและกัวเมิ่งหานต่างก็เป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นพวกเธอจึงค้นพบสถานการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ถังมู่เสวี่ยต้องระมัดระวังตัว เธอต้องระวังตัวไม่ให้เปิดเผยความคิดนี้ต่อหน้าพี่หยูโม่ ไม่เช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามคนก็คงจะยุ่งเหยิง

เมื่อลิฟต์ขึ้นมาอีกครั้ง ถังมู่เสวี่ยก็เข้าไปในลิฟท์และกัวเมิ่งหานก็ทำเช่นเดียวกัน เธอมองไปที่ถังมู่เสวี่ยและพูดว่า: "บางทีเราสองคนคงจะสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ"

"ฉันก็คิดเหมือนกัน" ถังมู่เสวี่ยกล่าว สิ่งที่เธอคิดเกี่ยวกับฮวงเฟิง เธอไม่สามารถที่จะบอกเพื่อนสนิทของเธอหรือเพื่อนสนิทของเขาได้ แต่สำหรับกัวเมิ่งหานคนที่มีความคิดแบบเดียวกับเธอ เธอสามารถพูดได้อย่างอิสระ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรต่อหน้าเธอ เธอก็จะไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด

ดังนั้นคนสองคนนี้ที่เพิ่งพบกันและเป็นศัตรูกันในตอนแรกจึงกลายเป็นเพื่อนที่ดีในลิฟท์ตัวเล็กๆ นี้