ตอนที่ 247

USB:บทที่ 247 รวมพล

“น่าสนใจจริงๆ” ห่างออกไปไม่ไกล อันจื่อชิงกำลังพึมพำกับตัวเอง

เขาเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรวมถึงเหตุการณ์ตอนที่โอวหยางซิงเหวินไปหาเรื่องคนพวกนั้น แต่เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด

เนื่องจากหมอนั่นดันไปพูดจาเหยียดหยามทหารรับจ้างพวกนั้นเข้า และความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจเป็นเหตุให้อีกฝ่ายชักดาบออกมาสู้ได้ แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นฆ่าแกงกัน  แต่อย่างน้อยร่างกายของโอวหยางซิงเหวินจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ตามที่เขาเข้าใจ โอวหยางซิงเหวินคนนี้ก็คงไม่ยินดีที่จะยอมรับความพ่ายแพ้นี้อย่างแน่นอน ยิ่งเป็นถิ่นของตัวเองแล้ว หมอนี่ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ

และด้วยความแข็งแกร่งของทหารโลหิตสีชาด ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำคนนั้นเป็นถึงผู้ใช้พลังระดับสูง แต่พวกพ้องของเขาดูท่าจะประมาทเกินไป ถึงได้ประเมินความคิดที่จะแก้แค้นของโอวหยางซิงเหวินต่ำไป ด้วยเหตุนี้การใช้ประโยชน์จากพวกเขาจึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี

กับทหารโลหิตสีชาด อันจื่อชิงไม่อยากยุ่งด้วย เพราะความสามารถของคนเหล่านั้นไม่ธรรมดา และผู้คนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่ผู้ใช้พลังทุกคน หากเขาทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองขึ้นมาละก็ หลังจากนี้จะต้องมีเรื่องปวดหัวตามมาอย่างแน่นอน

อันจื่อชิงนึกถึงแหวนมิติก่อนหน้านี้ ดูท่าวันนี้จะประจวบเหมาะพอดี เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เขาก็หันไปสั่งการลูกน้องที่อยู่ข้างๆเสียงเบา

"ไปสังเกตความเคลื่อนไหวของตระกูลโอหยางให้ดู ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ให้รีบบอกข้าทันที"

ถ้าโอวหยางซิงเหวินถูกทำให้เสียหน้าต่อหน้าสาธารณชน เขาจะต้องหาทางเอาคืนอีกฝ่ายแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นจากที่เขาบอกไปเมื่อกี้ เหมือนกับว่าเขากำลังสนใจสมบัติที่อีกฝ่ายครอบครองไม่น้อย ด้วยเหตุนี้ เขาจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

“ขอรับ นายน้อย” คนรับใช้รับคำแล้วจากไปทันที

ในทางกลับกัน หลังจากที่โอวหยางซิงเหวิกลับมาถึงบ้าน เขาก็ไปรวบรวมกองกำลังทั้งหมดในตระกูล คนพวกนี้เป็นองครักษ์ประจำตระกูลของเขามีทั้งนักดาบและผู้ใช้พลัง หากแต่จำนวนของผู้ใช้พลังนั้นมีไม่มากเท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโอหยางเทียนไม่ได้อยู่ที่นี่ และเขาก็เป็นลูกชายคนเดียวของเขา เรื่องที่เขาเรียกตัวองครักษ์ ทำให้พวกเขาลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมมาตามคำสั่งของผู้เป็นนาย

ในความคิดของพวกเขา อีกไม่นาน โอวหยางซิงเหวินก็จะได้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อจากโอวหยางเทียน และถ้าหากพวกเขากล้าขัดคำสั่งของเจ้านายในตอนนี้ เกรงว่าในอนาคตพวกเขาจะถูกเจ้านายคนนี้หมายหัวแน่นอน

ในตอนที่โอวหยางซิงเหวินเห็นว่าทุกคนมารวมตัวกันเพราะคำสั่งของเขา มันทำให้เขาพอใจและมีความสุขมากที่สามารถสั่งคนพวกนั้นได้

นอกจากนี้ เขาที่ต้องการเป็นผู้นำตระกูล จึงรู้สึกชิงชังหวังเอ้อที่ขโมยยาเสริมความฉลาดไปอย่างมาก

แต่ตอนนี้ถึงเขาจะชิงชังมันไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะทั้งหมดที่มันสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือการชดเชย ทั้งแหวนมิติและยาเสริมความฉลาด เขาไม่มั่นใจว่าตนจะสามารถนำมันกลับมาได้หรือไม่

ดังนั้น เขาจะต้องคิดหาวิธีในการรักษาตำแหน่งผู้สืบทอดเอาไว้

แต่ก่อนเขาอาจจะยังรู้สึกลังเลอยู่บ้าง แต่เมื่อได้เห็นเหล่าองครักษ์ที่อยู่ตรงหน้า เขาก็ได้ตัดสินใจแล้ว

“คืนนี้ ให้ทุกคนควรกลับไปพักผ่อนให้เพียงพอ แล้วค่อยออกไปจัดการพวกมันในวันพรุ่งนี้!” โอวหยางซิงเหวินกล่าว

"รับทราบขอรับ!" ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่เข้าใจ แต่เพราะพวกเขาเป็นองครักษ์ และโอวหยางซิงเหวินเป็นเจ้านาย แม้จะสงสัย แต่ถ้าถามออกไปเกรงว่าจะไม่เหมาะเท่าไหร่นัก

เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายพักอยู่ที่ไหน มิหนำซ้ำเขายังรู้มาว่าคนจากกรมทหารโลหิตสีชาดไม่ได้มาที่นี่ทุกคน มีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่มา และส่วนคนที่เหลือ หลังจากที่ออกมาจากป่าแห่งหมอกแล้ว พวกเขาต้องเดินทางไปยังเมืองอื่น เนื่องจากว่ามีเรื่องที่ต้องจัดการจึงไม่ได้ตามมาที่นี่ด้วย

"ในที่สุด สวรรค์ก็เข้าข้างข้าแล้ว!" โอวหยางซิงเหวินกล่าวด้วยความตื่นเต้น เขาไว้วางใจในความสามารถของซุนจื่อในการจัดการเรื่องต่างๆ ในที่สุด ผู้ชายคนนี้ก็จะได้ออกโรงแล้ว

ในตอนกลางคืน โอวหยางซิงเหวินนำผู้ใต้บังคับบัญชาที่สวมชุดดำมารวมตัวกันและมุ่งหน้าไปยังที่พักของกลุ่มทหารโลหิตสีชาด

"นายน้อยขอรับ โอวหยางซิงเหวินพาคนออกไปแล้วครับ ข้าคิดว่าเขากำลังเดินทางไปยังที่พักของพวกทหารโลหิตสีชาด" หลังจากที่โอวหยางซิงเหวินออกเดินทางไปไม่นาน อันจื่อชิงก็ทราบเรื่อง

ทหารโลหิตสีชาดเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียง เรื่องที่พวกเขาพักอยู่ที่ไหนจึงไม่ใช่ความลับอะไร

“เหอะ ไอ้งั่งนั่นทำเรื่องโง่ๆอีกแล้ว!” ถึงปกติแล้วเขาจะชอบออกไปเล่นกับโอวหยางซิงเหวินแต่ก็ไม่ได้แปลว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโอวหยางซิงเหวินจะดีนัก

ในความเป็นจริง เขาดูหมิ่นโอหยางซิงเหวินไม่น้อย และเหตุผลที่เขายอมออกไปกับอีกฝ่ายเพราะเขาต้องการให้หมอนั่นแสดงความโง่เขลาของตนออกมา น่าเสียดายที่ โอวหยางซิงเหวินผู้น่าสงสารยังคงไม่ทราบเรื่องนี้

หมอนั่นคงโง่เกินไปที่ชอบทำอะไรโดยไม่ใช้สมอง แถมยังไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเลยด้วยซ้ำ!

แม้ว่าตระกูลโอวหยางของเขาจะเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเฮ่าเทียน แต่ถ้าเทียบกับทั่วอาณาจักรแล้ว ตระกูลของเขาก็ไม่ใช่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่อะไร ด้วยเหตุนี้การตั้งตนเป็นปรปักษ์กับทหารโลหิตสีชาดนั้นจึงไม่ใช่การตัดสินใจที่ชาญฉลาด

"หลังจากวันนี้ นับจากนี้ไปไม่ช้าก็เร็ว เมืองเฮ่าเทียนก็จะไม่มีสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ เหลือเพียงแค่สามตระกูลเท่านั้น!" อันจื่อชิงแหงนมองขึ้นไปบนที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ห่างไกลและพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็หันกลับมาสั่งการเหล่าลูกน้องของตน

ตระกูลของเขามีผู้ทั้งใช้พลังและนักดาบ แต่สถานการณ์ในคืนนี้ เขาควรใช้งานนักดาบมากกว่าใช้ผู้ใช้พลัง

“ไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดดำแล้วไปที่บ้านตระกูลโอวหยาง การป้องกันของพวกเขาอ่อนแอมาก พวกเจ้าไปช่วยชีวิตคนคนนี้มา” และคนที่เขาต้องการช่วยชีวิตคือ หวังเอ้อ

แต่มันไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนที่มีเมตตาจึงสงสารหวังเอ้อ หรือเป็นเพราะความสัมพันธ์อันดีระหว่างเขากับอีกฝ่าย เพราะสิ่งที่เขาสนใจมีเพียงแหวนมิติที่หวังเอ้อขโมยไปเท่านั้น ส่วนชีวิตและความตายของหวังเอ้อนั้นเขาไม่สนมันเลยสักนิด

หลังจากอธิบายรูปลักษณ์และตำแหน่งของหวังเอ้อให้กับนักดาบ นักดาบรับคำสั่งแล้วออกไปทันที ในทางกลับกัน อันจื่อชิงก็ได้เดินฮัมเพลงกลับไปที่ห้องเพื่อดื่มไวน์รอข่าวดี

"พวกมันพักอยู่ที่นี่ใช่ไหม?" ด้านนอกโรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง โอวหยางซิงเหวินเอ่ยถามซุนจื่อเสียงเบา

"ใช่แล้วขอรับ นายน้อย ข้าเห็นพวกมันพักอยู่ที่นี่" ซุนจื่อกล่าว

"ดี!" โอวหยางซิงเหวินว่า จากนั้นก็หันไปมองคนที่อยู่ข้างหลังล้วพูดว่า "เข้าไปข้างใน พวกมันครอบครองสมบัติเอาไว้ในกำมือ ไปนำมันมาให้ข้า ถ้าใครกล้าขัดขืนก็ฆ่าทิ้งซะ!"

ทันใดนั้น โอวหยางซิงเหวินก็นึกถึงตอนที่พวกสารเลวพูดเยาะเย้ยเขาอย่างหยาบคายที่โรงเตี๊ยม ถ้าพวกมันจับได้ว่าเขาขโมยสมบัติของพวกมันไป แสดงว่าครั้งนี้เขาเป็ยฝ่ายผิดเต็มๆ เพราะฉนั้นเขาจึงไม่คิดจะรุกรานพวกมันอีก