ตอนที่ 217

USB:บทที่ 217 ขับสุรา

“คุณก็รู้เรื่องทั้งหมดนี้แล้ว แล้วทำไมคุณถึงไม่ไปสืบเกี่ยวกับบริษัทนี้ล่ะ?” ชิวหนิงช่วงถาม

“ถึงแม้ว่าหลินจื่อเฉิงจะเกี่ยวข้องกับลุงหลี่ แต่พวกเราก็ไม่สามารถที่จะเหมารวมได้ว่าลุงหลี่นั้นทำผิดกฎหมาย เปลือกนอกนั้นบริษัทของเขายังคงทำธุรกิจแบบปกติและก็ไม่ได้มีหลักฐานที่จะมัดตัวพวกเขาด้วย” เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว

ชิวหนิงช่วงพยักหน้า สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการจับตัวหลินจื่อเฉิงให้ได้ ตามคำให้การของทั้งสองคนนั้น หลินจื่อเฉิงคนนี้เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดและไม่ว่าเขาจะทำอะไรให้กับลุงหลี่หรือไม่ก็ตาม พวกเขาก็จะไขข้อสงสัยได้หลังจากที่จับตัวหลินจื่อเฉิงมาสอบสวนได้

แต่ตอนนี้ได้มีคนมาขอประกันตัวพวกเขาทั้งสองคนออกไป ซึ่งชิวหนิงช่วงไม่เห็นด้วยเลยและก็เป็นไปตามคำพูดของชิวหนิงช่วง เพราะคนๆนั้นได้กลับไปมือเปล่า

ในตอนแรก ลุงหลี่ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากนัก เขาเพียงแค่ต้องการเอาตัวคนของเขาออกมาให้ได้เสียก่อนค่อยหารืออีกที

แต่เขาก็ไม่คาดคิดเลยว่าคนของเขาที่ถูกส่งไปที่สถานีตำรวจจะกลับมาโดยประสบความสำเร็จ ซึ่งเขาไม่ได้เห็นคนทั้งสองนั้นเลย

จากนั้นลุงหลี่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงเริ่มให้ความสนใจกับเรื่องนี้

จากนั้นเขาก็เริ่มใช้เส้นสายเพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

"อะไรนะ ลูกสาวของท่านชิวเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้? และเกือบถูกฆ่างั้นเหรอ?" โอเค หัวหน้าแผนกลี ขอบคุณมาก เอาไว้ฉันมีเวลาฉันจะเลี้ยงข้าวคุณนะ"

หลังจากวางสายแล้ว หน้าตาของลุงหลี่ก็ดูค่อยไม่ดีนัก เขาไม่คาดคิดว่าไอ้เจ้าสวะสองคนที่แส่หาเรื่องนั้นจะเป็นลูกสาวของท่านชิวจริงๆ

แล้วท่านชิวก็เป็นหัวหน้าตำรวจทั้งหมดในมณฑลชิงแห่งนี้ แล้วลูกสาวของเขากลับมามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และเกือบจะถูกฆ่า

ไม่ต้องคิดเลยว่าจะต้องสอบส่วนเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลุงหลี่ก็รู้ดีว่าเขาคงไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง เขาจึงรีบโทรหาถงเฉียนจุ้นในทันที

เพราะว่าเขาเป็นคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับเรืืองนี้ ไม่เช่นนั้นหากตำรวจยังคงสอบสวนต่อไป เขาจะถูกเปิดโปงอย่างแน่นอน

"โอย ฉันปวดหัวจริงๆ ผู้หญิงบ้าคนนั้นช่างแสบจริงๆ ฉันก็แค่ตะโกนใส่เธอแค่นั้นเอง แต่เธอกลับทำให้ฉันเมากลิ้งอยู่บนโต๊ะเสียได้”

ภายในโรงแรง ฮวงเฟิงตื่นขึ้นหลังจากที่หลับไปสองสามชั่วโมง อย่างไรก็ตามเพราะเขาเมามากเกินไปเมื่อช่วงบ่าย เขาจึงยังปวดหัวอยู่และยังไม่ตื่นเต็มตานัก

อย่างไรก็ตาม ในโอกาสเช่นนี้ มันก็ยากที่จะปฏิเสธดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ดื่มเหล้าเข้าไป ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็คงไม่ใช่แค่การปฏิเสธที่จะดื่มเหล้ากับเซี่ยเมิ่งเจียว แต่เป็นการปฏิเสธการดื่มกับเพื่อนร่วมงานทั้งหลายของเขาด้วย

“อ้อ ใช่ นี่ฉันควรใช้กำลังภายในขับสุรานี่นา?” ดูเหมือนว่าในทีวีจะมีการกำลังภายในเพื่อขับฤทธิ์เหล้าออกไปจากตัว” จู่ๆ ฮวงเฟิงก็คิดได้ว่าเขารู้วิธีใช้กำลังภายในและละครเทพเซียนเหล่านั้นก็ใช้กำลังภายในเพื่อขับไล่แอลกอฮอล์ออกจากร่างกายของเขา

ดังนั้น ฮวงเฟิงจึงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง พยายามไหลเวียนกำลังภายในของเขาและบีบอัดฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่างกายของเขาเข้าด้วยกัน

หลังจากนั้นเขาก็รวบมันไว้ที่มือขวาและเห็นว่ามีหยดน้ำปรากฏอยู่บนนิ้วของเขาและค่อยๆ หยดลง

“เป็นไปได้จริงเหรอเนี่ย?!” ฮวงเฟิงตะโกนด้วยความประหลาดใจหยดน้ำพวกนี้ที่ถูกขับออกจากร่างกายแท้จริงแล้วเป็นแอลกอฮอล์

แต่เนื่องจากฮวงเฟิงไม่ได้ฝึกฝนกำลังภายในของเขามาเป็นเวลานานแล้ว และเนื่องจากกำลังภายในร่างกายของเขาเพิ่งฝึกฝนได้ไม่นานนัก ดังนั้นอัตราการปลดปล่อยแอลกอฮอล์จึงไม่เร็ว

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฮวงเฟิงไม่รู้ก็คือไม่ใช่ทุกคนที่ฝึกฝนกำลังภายในที่จะสามารถใช้กำลังภายในเพื่อขับไล่แอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้

ทักษะกำลังภายในแบบธรรมดาไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ และกังฟูไร้พ่ายของดาวเคราะห์ทั้งเจ็ด ที่เขาฝึกฝนมาก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน

แต่เนื่องจากเขาได้ฝึกฝนเวทมนตร์ไปด้วยในเวลาเดียวกันดังนั้นพลังเวทย์มนตร์และกำลังภายในจึงก่อให้เกิดพลังงานใหม่ซึ่ง ทำให้เขาทำเช่นนี้ได้

หลังจากใช้เวลาประมาณสิบนาที ฮวงเฟิงก็บังคับให้แอลกอฮอล์ออกจากร่างกายของเขาไปจนหมด ตอนนี้เขาตื่นเต็มที่แล้วและหัวของเขาก็ไม่ปวดอีกต่อไป

“เฮ้ย นี่ฉันยังต้องไปบ้านประมูลตอนบ่ายนี่นา” จู่ๆ ฮวงเฟิงก็นึกขึ้นได้ว่าเขาได้ตกลงกับผู้อาวุโสชิวไว้แล้วเมื่อวานนี้เพื่อไปที่บ้านประมูลศาลาสมบัติเพื่อประมูลภาพวาดของเขา

ดังนั้น ฮวงเฟิงจึงลุกขึ้นจากเตียงอย่างเร่งรีบโดยไม่สนใจที่จะถามว่าใครเป็นคนพาเขามาที่โรงแรม เขารีบขึ้นรถแท็กซี่และไปที่ถนนสวนตะวันตกในทันที

"ฉันขอโทษด้วย อาวุโสชิว ฉันมาสาย" ภายใน "ศาลาสมบัติ" ฮวงเฟิงได้เห็นอาวุโสชิวได้มาถึงก่อนแล้ว สำหรับผู้เฒ่าเฟิงนั้นดูเหมือนว่าเขาจะกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมการประเมินราคา

อาวุโสชิวมองดูฮวงเฟิงพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย

เหตุผลที่เขาช่วยฮวงเฟิงเอาไว้เมื่อวานนี้ก็เป็นเพราะมันเป็นเรื่องบังเอิญ และเพราะเขาชอบภาพวาดและไม่อยากที่จะปล่อยให้มันถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น เขาจึงเป็นต้นคิดที่จะติดต่อบ้านประมูลให้กับฮวงเฟิง

อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าวันนี้ฮวงเฟิงจะมาสายและดูเหมือนว่าฮวเงฟิงเป็นคนที่มาขอความช่วยเหลือจากเขา ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ อาวุโสชิวไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก

“คนหนุ่มสาว ต้องรู้จักเวล่ำเวลาหน่อยสิ” อาวุโสชิวกล่าว

"ใช่ ใช่ครับ อาวุโสชิวเป็นความผิดของฉันเองที่ล่าช้า ฉันทำให้คุณต้องรอนาน" ไม่ใช่เพียงเพราะเขาต้องการให้อาวุโสชิวช่วยแนะนำเขา แต่ที่สำคัญกว่านั้นฮวงเฟิงรู้ว่าเขาคิดผิด

"เอาล่ะในเมื่อคุณก็มาแล้ว งั้นก็ไปกันเถอะ" อาวุโสชิวกล่าว แต่เขาไม่ได้เปลี่ยนใจเพราะความล่าช้าของฮวงเฟิง

ฮวงเฟิงรู้สึกขอบคุณอย่างมากอยู่ในใจ เขาไม่ได้สนิทสนมกับอีกฝ่าย และตอนนี้เขาก็มาสายด้วยเหตุผลส่วนตัวซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ช่วยเขา ดังนั้นฮวงเฟิงจึงรู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายอยู่ในใจ

“ขอบคุณครับอาวุโสชิว” ฮวงเฟิงขอบคุณเขาอีกครั้ง

บางทีอาจเป็นเพราะท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตนเสมอของฮวงเฟิง ความโกรธในใจของอาวุโสชิวจึงลดลงเล็กน้อย สีหน้าของเขาจึงดีขึ้นกว่าเดิม

อาวุโสชิวพาฮวงเฟิงไปที่ร้านค้าหลักของบ้านประมูลศาลาสมบัติในมณฑลชิง ร้านค้าหลักแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในศาลากลางของจังหวัดเจียง

สำหรับบ้านประมูลทั้งหลายภายในประเทศ สามารถเรียกได้ว่าที่นี่ติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศ ซึ่งเป็นบ้านประมูลที่มีชื่อเสียงเก่าแก่และเป็นที่ยอมรับของผู้คนมากมาย เมื่อมีการจัดประมูลแต่ละครั้ง ก็จะมีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วมการประมูลนั้น

ทั้งหมดนั้นฮวงเฟิงได้ประจักษ์กับตาแล้วเมื่อวานนี้ หลังจากที่ได้รู้ประวัติของบ้านประมูลศาลาสมบัติแล้ว ก็ทำให้ฮวงเฟิงคาดหวังมากขึ้นว่าภาพวาดของเขาจะขายได้ราคาดี

และแน่นอนว่า เขายิ่งรู้สึกขอบคุณต่ออาวุโสชิวเพราะถ้าไม่ใช่เพราะเขาแล้ว ก็คงจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับฮวงเฟิงที่จะนำภาพวาดนั้นเข้าร่วมการประมูลได้