ตอนที่ 431

USB:บทที่ 431 รับประทานอาหาร

ฮวงเฟิงอยู่พูดคุยกับเทียนจุ้นอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะจากไปในที่สุด ส่วนเทียนจุ้นนั้นก็ได้แนะนำเขาให้กับลูกน้องสองสามคนของเขาได้รู้จัก ลูกน้องเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เขาไว้ใจได้ทั้งนั้นและสามารถพูดได้ว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาโดยแท้

และหลังจากที่ฮวงเฟิงและเทียนจุ้นแยกทางกันแล้วนั้น พวกเขาก็ไปยังโรงแรมที่ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับให้กับหลี่ปิงอวิ้น ในครั้งนี้ผู้ช่วยของหลี่ปิงอวิ้นไม่ได้ติดตามมาด้วยเพราะว่าเมื่ออยู่ที่นี่หลี่ปิงอวิ้นไม่จำเป็นต้องมีคนคอยคุ้มกันและไม่มีใครที่ดื่มแอลกอฮอล์ดังนั้นผู้ช่วยของหลี่ปิงอวิ้นจึงไม่ได้ติดตามมาด้วย

ส่วนถังมู่เสวี่ยนั้น ฮวงเฟิงไม่ได้พบกับเธอมาสักพักหนึ่งแล้ว เขารู้เพียงแค่ว่าเธอกำลังที่จะมาตั้งรกรากที่เมืองชิงนี้และต้องต่อสู้อย่างหนัก และรวมไปถึงการทำธุรกิจเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ด้วย เมื่อนึกถึงครั้งล่าสุดที่พวกเขาได้พบกันตอนที่ถังมูเสวี่ยแนะนำให้เขาตามจีบซูหยูโม่ และเมื่อเขาได้เธอพบอีกครั้งความคิดแปลกๆ นั้นก็เกิดขึ้นในใจของเขา

ถังมู่เสวี่ยนั้นยังคงสวยและมีเสน่ห์แต่ใบหน้าของเธอนั้นดูเหนื่อยล้านิดหน่อย นี่เป็นสิ่งที่ฮวงเฟิงไม่เคยเห็นปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอมาก่อนและดูเหมือนว่าเธอจะเหน็ดเหนื่อยมาหมาดๆ

อย่างไรก็ตามใบหน้าของถังมู่เสวี่ยนั้นไม่ได้เผยความเศร้าหมองมากนัก เห็นได้ชัดว่าถึงแม้ว่าเธอจะเหนื่อยล้าแต่เธอก็ยังมีพลังอย่างเต็มเปี่ยมและเธอยังสามารถมีความสุขได้แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยประสบมาก่อนแต่เธอก็ยังรู้สึกสดชื่นและกระตือรือร้น

หลังจากที่ซูหยูโม่ได้แนะนำถังมู่เสวี่ยให้กับหลี่ปิงอวิ้นได้รู้จัก ทุกคนก็เริ่มการสนทนาอย่างมีความสุข ฮวงเฟิงกลับพบว่าตั้งเขาเองเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในโต๊ะนี้จึงทำได้เพียงแค่ก้มหน้าทานอาหารต่อไป

อย่างไรก็ตามซูหยูโม่ก็ไม่ได้ลืมฮวงเฟิงและไม่คิดที่จะปล่อยเขาให้นั่งเหงาอยู่คนเดียว ถึงแม้ว่าเธอจะนั่งอยู่ข้างฮวงเฟิงขณะที่พูดคุยกับหลี่ปิงอวิ้นแต่เธอก็ยังหันมาพูดคุยกับเขาอยู่บ้างเป็นบางครั้งบางคราว และบางครั้งก็โยงหัวข้อสนทนามาให้เขาได้พูดคุยด้วย

เดิมทีแล้วซูหยูโม่นั้นกังวลว่าหลี่ปิงอวิ้นจะไม่มีความสุขแต่เธอกลับพบว่าไม่เพียงแต่จะหลี่ปิงอวิ้นจะไม่โกรธแต่ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจในตัวเธอเป็นอย่างมาก

“คุณนี่ช่างมีโชคเรื่องผู้หญิงเสียจริงๆ” ถังมู่เสวี่ยกล่าวกับฮวงเฟิงมาจากอีกทางด้านหนึ่ง

“คุณหมายความว่ายังไง? นี่คุณกำลังเยาะเย้ยผมอยู่ใช่ไหม? ถ้าผมเข้ากันได้ดีกับพวกผู้หญิงแล้วทำไมผมถึงยังได้เป็นโสดมาจนถึงป่านนี้กันล่ะ?” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างรวดเร็ว

“นี่คุณไม่เคยรักใครบ้างเลยเหรอ?” ถังมู่เสวี่ยร้องออกมาด้วยความตกใจ และเพราะว่าเธอตกใจมากเธอจึงเผลอตัวร้องออกมาเสียงดังทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันหันมามอง

ไม่แปลกใจเลยว่าถังมู่เสวี่ยจะแปลกใจได้ขนาดนี้ ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะดูธรรมดาแต่ก็ยังสามารถที่จะดึงดูดความสนใจของซูหยูโม่ได้และสาวๆ คนอื่นด้วยในเวลาเดียวกันแต่ก็ไม่มีใครจะดีไปกว่าซูหยูโม่ที่ได้ใกล้ชิดกับเขา ซึ่งนั่นหมายความว่าเวลาที่เขาอยู่กับผู้หญิงเขานั้นค่อนข้างเก่งเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามในตอนนี้ฮวงเฟิงนั้นกำลังพูดจริงๆ ว่าเขานั้นไม่เคยมีแฟนและยังเป็นโสดมาจนถึงปัจจุบัน จะไม่ให้ถังมู่เสวี่ยช๊อคได้ยังไงกันล่ะ?

ฮวงเฟิงนั้นรู้สึกได้ถึงการจับจ้องด้วยความอยากรู้อยากเห็นจากผู้คนรอบข้างและจากนั้นก็กล่าวขึ้นมาทันทีขณะที่มองไปที่ถังมู่เสวี่ยด้วยความเขินอายเล็กน้อย “แล้วผมจะโกหกไปทำไมกันล่ะ? มันเท่มากนักรึไง?”

ความจริงแล้ว ในสังคมในปัจจุบันนี้คนอย่างฮวงเฟิงไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันท์แฟนกับใครมาก่อนและคนอื่นๆ ที่มีในวัยเดียวกันกับเขาก็ต่างพากันมีแฟนกันหมดแล้วตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย

เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ฮวงเฟิงก็คิดถึงหวังถงถง ก่อนหน้านี้ฮวงเฟิงคิดมาโดยตลอดว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นแฟนสาวของเขาและเขาเองก็เป็นแฟนหนุ่มของเธอแต่ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขานั้นคิดมากจนเกินไป เพราะอีกฝ่ายนั้นไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นแฟนหนุ่มเลยและไม่เคยคิดเกินเลยกับเขาอีกด้วย ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้คิดว่าเขาเป็นแฟนหนุ่มของเธอดังนั้นฮวงเฟิงจึงคิดอยู่แล้วว่าสถานะการณ์ที่โชคไม่ดีของเขาไม่อาจที่จะคิดเป็นอื่นได้ว่าเขานั้นมีแฟนแล้ว

“ฮวงเฟิง นี่คุณไม่เคยมีแฟนมาก่อนจริงๆ งั้นเหรอ?” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวขณะที่มองดูฮวงเฟิงและจากนั้นโดยที่ไม่รอให้ฮวงเฟิงได้พูดอะไร เธอก็กล่าวต่อว่า “คุณทำถูกแล้วล่ะ ก็คนอย่างคุณน่ะ คงจะไม่มีผู้หญิงมาชายตามองมากนักหรอกและส่วนพวกที่มาชายตามองคุณนั่นก็คงจะดีพอสำหรับคุณแล้วล่ะ”

เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวเช่นนี้ไม่ใช่เพราะว่าเขานั้นเป็น รปภ. ที่ยากจน แต่ในใจเธอนั้นความรักนั้นอยู่เหนือสิ่งอื่นใดถึงแม้ว่าจะไม่มีเงินทอง ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะมีสถานะที่แตกต่างกัน ตราบใดที่คนทั้งสองคนรักกันพวกเขาก็ควรจะต้องได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นเซี่ยเมิ่งเจียวยังค่อนข้างที่จะไร้เดียงสานัก

ดังนั้นที่เซี่ยเมิ่งเจียวพูดเช่นนี้กับฮวงเฟิงไม่ใช่เพราะว่าตัวตนของเขาในปัจจุบันแต่เป็นเพราะการกระทำของเขาก่อนหน้านี้ต่างหาก ซึ่งอาจกล่าวได้ว่านั่นเป็นครั้งแรกที่เธอและฮวงเฟิงได้พบกันและก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของฮวงเฟิงที่อยู่ในใจของเธอนั้นถูกตราไว้เช่นนั้นว่าฮวงเฟิงนั้นเป็นเพียงแค่ไอ้คนทะลึ่ง และไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะชอบคนทะลึ่ง

เพียงแต่ว่าเซี่ยเมิ่งเจียวไม่ได้ตระหนักว่าหลังจากที่เธอพูดจบ สายตาของซูหยูโม่และหลี่ปิงอวิ้นที่นั่งอยู่ข้างๆ ต่างก็พากันเป็นประกายและมีสายตาแปลกๆ แวบผ่านสายตาของพวกเธอแต่อย่างไรก็ตามพวกเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ขอบคุณครับผู้อำนวยการเซี่ยที่เป็นห่วง บางทีคงจะมีสักวันที่จะมีผู้หญิงสักคนมาตกหลุมรักผมก็เป็นได้ถ้าเธอคนนั้นตาบอดนะ” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก เขาไม่ได้โกรธคำพูดของเซี่ยเมิ่งเจียวแต่ในความเป็นจริงโดยปกติเซี่ยวเมิ่งเจียวได้บีบเขาหลายครั้งแล้วและยังมีบางครั้งที่ดูไม่น่าฟังมากกว่านี้ แต่เขาก็เคยชินกับมันเสียแล้วและในความคิดของเขาเซี่ยเมิ่งเจียวนั้นเป็นเพียงเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและเกเร

“เมิ่งเจียวเธอคิดผิดแล้วล่ะคราวนี้ มีคนจับจ้องไปที่รปภ. ของเธอคนนี้แล้วจริงๆนะ” ถังมู่เสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ

เมื่อได้ยินคำพูดของถังมู่เสวี่ย ใบหน้าของซูหยูโม่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและเธอก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอคิดว่าถังมู่เสวี่ยกำลังพูดถึงเธอเพราะครั้งหนึ่งเธอเคยยอมรับเรื่องนี้กับถังมู่เสวี่ย แต่การยอมรับต่อหน้าเขาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และการยอมรับต่อหน้าถังมู่เสวี่ยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

"จริงเหรอ มีคนตาบอดจริงๆ งั้นเหรอ?" เซี่ยเมิ่งเจียวถามด้วยความประหลาดใจ

“คุณถัง นี่คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่เหรอ? ทำไมผมถึงไม่เห็นจะรู้เรื่องนี้เลย?” ฮวงเฟิงเองก็ยังถามด้วยความฉงน

ถังมู่เสวี่ยเหลือบตาไปมองซูหยูโม่อย่างมีเลศนัย

ภายใต้สายตาที่อ้อนวอนของอีกฝ่าย เธอหันไปจ้องที่ฮวงเฟิงพูดว่า: "ก็เพื่อนตำรวจจราจรของคุณนั่นไงล่ะ"

“คุณหมายถึงชิวหนิงซวงงั้นเหรอ?” “ ถ้าอย่างนั้นคุณก็คิดผิดแล้วล่ะเราเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา”ฮวงเฟิงตกใจในตอนแรก แต่แล้วก็กล่าวออกมา