ตอนที่ 171

USB:บทที่ 171 มือใหม่

หนิววาจื่อทำตัวเยี่ยงทหารที่ผ่านศึกสงครามมาแล้ว และมันก็เป็นสิ่งที่ทหารเก่าควรจะทำก็คือการดูแลพวกทหารเกณฑ์ใหม่

นี่คือสิ่งที่ลุงอู๋ได้เคยบอกเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้และมันก็เป็นสิ่งที่เขาได้ทำลงไป

ฮวงเฟิงรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ ถึงแม้ว่า ผู้บังคับกองพลที่อยู่ตรงหน้าของเขานี้จะยังเด็ก แต่เขาก็ปฏิบัติตัวเช่นผู้บังคับกองพลได้อย่างแท้จริงและร้องขอให้เขาทำเช่นเดียวกัน

ถึงแม้ว่าหนิววาจื่อจะยังไม่อยากจากไป เขายังคงยื้อทำหน้าที่ของเขาต่อไป แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะจากไป เขาก็ดึงฮวงเฟิงเข้ามาและพูดว่า “ฉันยังไม่รู้จักชื่อของนายเลย”

“ฉันชื่อว่าฮวงเฟิง” ฮวงเฟิงกล่าว

“ฮวงเฟิง นายเป็นเพียงคนเดียวในกองพลที่สองของเราที่สามารถที่จะต่อสู้ได้ในตอนนี้ ฉะนั้นจงอย่าทำให้กองพลที่สองของเราต้องขายหน้านะ!” หนิววาจื่ออธิบาย

“เข้าใจแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะไม่ทำให้กองพลที่สองของเราต้องขายหน้า” ฮวงเฟิงกล่าว

“จริงๆ แล้ว ถ้านายจะแอบไปร้องไห้มันก็คงจะไม่น่าอายสักเท่าไรหรอก” อยู่ๆ หนิววาจื่อก็พูดขึ้นมาเบาๆ กับฮวงเฟิง

ในตอนแรกที่เขาเข้าสู่สนามรบ เขาเองก็ร้องไห้และลุงอู๋ก็ได้บอกเขาว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะเขารู้ว่านี่ก็เป็นครั้งแรกของฮวงเฟิงนั่นเอง

ฮวงเฟิงรู้สึกขบขันและซึ้งใจในเวลาเดียวกัน

ในที่สุด หนิววาจื่อก็ยังคงยื้อเอาไว้ และไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของเขานั้นสาหัสหรือไม่

ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้ มันเห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ได้รับการรักษาที่ดี

ฮวงเฟิงเองก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น เขานอนลงกับพื้นอีกครั้งและมองไปยังศัตรูที่อยู่ตรงหน้า

ฮวงเฟิงสังเกตุเห็นว่าพลังการยิงของทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน

อาวุธของพวกเขานั้นเห็นได้ชัดว่าขาดแคลนอยู่มากโข แต่ความตั้งใจของพวกเขานั้นเด็ดเดี่ยวมาก คนอย่างหนิววาจื่อที่ไม่ยอมจากไปแม้จะได้รับบาดเจ็บมีให้เห็นอยู่ทุกหนทุกแห่ง

และเป็นเพราะเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถปกป้องสถานที่แห่งนี้เอาไว้ได้

บางทีฮวงเฟิงอาจจะมีพรสวรรค์ในการยิงปืน แต่เขาเพิ่งเคยสัมผัสกับอาวุธปืนเช่นนี้

พลังลมปราณที่เขาเคยเรียนรู้มาก่อนและความช่วยเหลือของเวทมนต์ก็มีจำกั เขาทำได้เพียงทำให้จิตใจสงบลง

ดังนั้นจึงไม่มีความแตกต่างระหว่างเขากับทหารเกณฑ์ใหม่ เพียงแต่ว่าเขาอารมณ์ดีขึ้น

“จิมูระซัง ทหารจีนอีกด้านยังคงต้านทานเอาไว้อยู่ มันคงจะยากมากที่คนของเราจะเข้าไปได้”

ผู้บัญชาการแห่งอาณาจักรหวอที่อยู่อีกด้านของสนามรบกำลังมองดูการสู้รบจากทางด้านข้าง

"แบค!" นี่เป็นเรื่องน่าโมโหมาก แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนพวกแกก็ยังไม่โจมตี ผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยนี้คือ จิมูระ ที่ยืนอยู่ตรงกลางซึ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ตอนนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะโมโห

คงเป็นเรื่องแปลกถ้าเขาจะอารมณ์ดี หลังจากที่ถูกศัตรูต้านทานเอาไว้เป็นเวลานาน โดยศัตรูที่ด้อยกว่ากองทัพของเขาเอง

เขาระดมกำลังเพื่อทำการโจมตีอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่มีผลมากนัก

ข่าวดีอย่างเดียวก็คือกระสุนของศัตรูใกล้จะหมดแล้ว และการบาดเจ็บล้มตายนั้นแย่ยิ่งกว่าของพวกเขามาก

อย่างไรก็ตามในสถานการณ์เช่นนี้ หากพวกนั้นสามารถต้านทานเขาได้ เขาก็จะยิ่งโกรธ

เมื่อเห็นว่าเขาสงบลงแล้ว จึงมีคนก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า "ท่านครับ นี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว คนที่อยู่อีกด้านคงจะไม่สามารถต้านทานอยู่ได้นาน พวกเราสามารถส่งบางคนไปดูลาดเลา และหลังจากนั้น พอมืดแล้วพวกเราน่าจะจับพวกมันได้ในบัดดล! "

“ฉันไม่ต้องการฟังอะไรที่เรียกว่า ควรจะ สำหรับฉันต้องใช้คำว่า ต้อง! คำว่า ต้อง เท่านั้น!”

อย่างไรก็ตามเมื่อคิดดูแล้วสิ่งที่ลูกน้องของเขาพูดก็สมเหตุสมผลอยู่

หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานเช่นนี้ ผู้คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งจะต้องเหนื่อยล้า

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยใช้การโจมตีในตอนกลางคืนมาก่อน แต่มันมีผลกระทบบางอย่าง

อย่างไรก็ตามในเวลานั้น ฝ่ายตรงข้ามยังคงเต็มไปด้วยพลังงานและเครื่องกระสุน

แต่ในตอนนี้พวกเขาเป็นกลุ่มทหารที่อ่อนล้า พวกเขาไม่มีกระสุนมากนัก และได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

"อ้อ สั่งพวกเขาให้ถอยทัพก่อน พอมืดแล้ว แกก็พาคนไปด้วยและจับตัวมันมา พวกเราไม่สามารถที่จะลากยาวเรื่องนี้ต่อไปได้อีกแล้ว ถ้าแกทำไม่ได้ก็จงไปขออภัยโทษกับองค์จักรพรรดิ์เองเถอะ!”

"ครับ!" คนๆ นั้นพยักหน้ารับคำสั่ง

"ถอยทัพ พวกมันก็กำลังถอยกลับเหมือนกัน!"

ฮวงเฟิงและคนที่เหลือสังเกตเห็นความผิดปกติของอีกฝ่ายในทันทีและบางคนก็ตะโกนออกมาอย่างมีความสุข

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายโจมตีด้วยความรุนแรงสูงสุดซึ่งทำให้พวกเขาถูกกดดันอย่างมาก

ฮวงเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอก ในช่วงเวลานั้นเขามีส่วนร่วมในการต่อสู้ตลอดเวลา

และหลังจากที่กระสุนทั้งหมดที่เขาพบก่อนหน้านี้ได้ถูกใช้ไปแล้ว

เขาก็กลับไปมองหาเพิ่มอีกสองสามกระบอก แต่เขาก็ได้มาไม่มากนัก

เขายังคิดด้วยซ้ำว่า ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้ามาเขาก็จะต่อสู้กับพวกนั้นด้วยการใช้ดาบปลายปืน

โชคดีที่พวกเขาสามารถป้องกันเอาไว้ได้ และฮวงเฟิงเองหลังจากที่ผ่านการต่อสู้มามากมายในช่วงเวลานี้

แม้เขาจะเริ่มคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่ แต่เขาไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้ มีเสียงปืนที่ดังอยู่ในหูของเขาอย่างต่อเนื่องอย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับว่าพยายามบังคับให้เขาคุ้นเคยกับสถานที่นั้นให้จงได้

ทักษะการยิงปืนของเขาก็ดีขึ้นไม่น้อยเช่นกัน แม้ว่าเขาจะยังคงยิงกระสุนเปล่า แต่มันก็น้อยกว่าเมื่อก่อนมาก

อย่างไรก็ตามมีข่าวร้ายค่อนข้างมากเช่นกัน ประการแรกจำนวนผู้บาดเจ็บของฝ่ายเขายังคงเพิ่มขึ้น และแม้แต่กัปตันเองก็ได้รับบาดเจ็บเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้พวกเขายังคงยึดฐานที่มั่นเอาไว้ได้ แต่คราวนี้มันร้ายแรงยิ่งกว่า

พวกเขาบางคนต้องการที่จะวิ่งไปที่ด้านหน้าของสนามรบเพื่อเก็บเครื่องกระสุน แต่อีกฝ่ายก็ระมัดระวังเกินไปและไม่มีโอกาสเลย

พวกเขาทำได้เพียงรอจนกว่าจะมืดแล้วจึงจะใช้ความมือกำบังกายและไปอีกครั้ง

นอกจากนี้ทุกคนก็ทั้งเหนื่อยล้าทางจิตใจ ท้ายที่สุดพวกเขาต่อสู้มานานกว่ายี่สิบชั่วโมงโดยไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ

ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพึ่งพาความมุ่งมั่นของตนเองเพื่อที่จะอดทน

ดังนั้นหลายคนจึงรู้สึกกดดันมาก

อย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดที่จะถอยออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

สถานการณ์ของฮวงเฟิงนั้นยังคงไม่เป็นอะไร เพราะว่าเขาเพิ่งจะมาถึงและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ และก่อนหน้าที่จะมาเขาก็ได้กินจนเต็มอิ่มแล้ว

หลังจากนั้นฮวงเฟิงก็เดินไปหานักรบอาวุโสสองสามคนและนั่งลงเพื่อทำความรู้จักกับพวกเขา

เขาถือโอกาสทำความเข้าใจข้อมูลบางอย่างของห้วงเวลาและอวกาศนี้อย่างช้าๆ

ในที่สุดฮวงเฟิงก็รู้ว่าประเทศที่เขาอยู่ก็คือจีนเช่นกัน เพียงแต่ก็ยังแตกต่างจากประเทศที่เขาอยู่บนโลกนี้

ตามรอยประวัติศาสตร์แล้วมันก็ขาดไปอยู่นิดหน่อย แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้เป็นคนของอาณาจักรหวอไม่ใช่คนจากประเทศเกาะ (ญี่ปุ่น)

พวกเขาอยู่ในสงครามแห่งการรุกรานเช่นเดียวกัน แต่เวลาที่พวกเขาเริ่มต้นดูเหมือนจะแตกต่างจากตอนที่ประเทศเกาะบนโลกเริ่มต้นขึ้น