ตอนที่ 697

USB:บทที่ 697 ภารกิจ (6)

"ภารกิจสำเร็จ!" อานเจี้ยกล่าวด้วยสีหน้าผ่อนคลายขึ้น พวกเขาสังหารศัตรูทั้งหมดได้ ในขณะที่ฝ่ายเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยสองคนและไม่มีใครเสียชีวิต นี่เป็นงานที่มีความสุขจริงๆ

"ครั้งนี้ผมต้องขอบคุณพวกคุณจริงๆ ครับ หัวหน้ากลุ่มไป๋" อานเจี้ยพูดกับไป๋เสี่ยวโหรว ถ้าไม่ใช่เพราะคําเตือนล่วงจากฮวงเฟิงถึงสองครั้งพวกเขาอาจต้องพบกับความสูญเสียมากกว่านี้

"หัวหน้าอาน เกรงใจมากไปแล้ว" ท่าทางของไป๋เสี่ยวโหรวก็ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อยบ้างเหมือนกัน อีกทั้งยังมีรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าหวานของเธอด้วย ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงออกที่เธอสามารถทำได้ดีที่สุดแล้ว แค่เธอสามารถเค้นเสียงหัวเราะออกมาได้ในวันนี้ก็นับว่าดีแล้ว จากนั้นอานเจี้ยก็หันไปมองรอบ ๆ แล้วสายตาของเขาก็หยุดลงที่ฮวงเฟิงแล้วพูดขึ้น "น้องชายของเราคนนี้ช่างน่าทึ่งจริง ๆ " และนี่เองที่ทำให้อานเจี้ยสามารถเดาได้ว่าเพราะเหตุใดหัวหน้าองค์จึงอยากดึงให้ฮวงเฟิงเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กรรักษาความมั่นคงแห่งชาติอย่างเป็นทางการ

จากการประเมินแล้วดูเหมือนว่าปฏิกิริยาฮวงเฟิงจะตอบสนองต่ออันตรายที่อยู่รอบตัวได้อย่างว่อง อีกทั้งเขายังเตือนให้พวกเขารอดจากอันตรายจากการปฏิบัติการในครั้งนี้ได้ถึงสองครั้ง อย่างไรก็ตามสําหรับคนอย่างไรก็ตามความตื่นตัวกับภัยอันตรายของฮวงเฟิงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพบเห็นได้บ่อยหนัก มีเพียงนายพลที่มีประสบการณ์เท่านั้นที่สามารถรู้สึกถึงอันตรายล่วงหน้าดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าคนที่มีความสามารถเช่นนี้มีอยู่ไม่มาก แม้กระทั่งความสามารถในการรับรู้ของเขาเองยังไม่อาจเทียบเท่ากับฮวงเฟิงได้เลย และคนที่มีความสามารถเช่นนี้มีประโยชน์ในการต่อสู้อย่างมาก เพราะมันจะช่วยชีวิตผู้คนในทีมจากสถารการณ์ต่าง ๆ ได้มาก ดังนั้นมันสําคัญมาก เพียงแต่ว่าอานเจี้ยไม่อาจรู้ถึงทักษะที่แท้จริงของฮวงเฟิงได้ เพราะจากภาระกิจที่ผ่านมาฮวงเฟิงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางด้านการรับรู้เพียงแค่ด้านเดียวเท่านั้น

"หัวหน้าอานชมเกินไปแล้ว ผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ" ฮวงเฟิงหัวเราะและพูดขึ้น แต่แล้วเขาก็ขมวดคิ้วและพูดกับทุกคนว่า "มีคนกําลังใกล้เข้ามา!"  ทุกคนที่เริ่มผ่อนคลายแล้วแต่เมือได้ยินคำตอนของฮวงเฟิงในตอนนี้พวกเขานิ่งอึ้งไม่ครู่หนึ่ง ในที่สุดอานเจี้ยก็ถามขึ้นว่า "คุณแน่ใจนะ?"

"ครับ แต่พวกมันมีกันเพียงไม่กี่คน พวกมันอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และเพิ่งผ่านชายป่าเข้ามา" ฮวงเฟิงอยากจะบอกกับทุกคนว่าเหยี่ยวของเขากําลังลาดตระเวนอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งมันทำให้เขารู้รายละเอียดได้มากขนาดนี้ แต่เนื่องจากที่เหยี่ยวบินลาดตระเวนอยู่บนท้องฟ้านั้นอยู่สูงกว่าพื้นดินถึงหมื่นเมตรนั้นเป็นเรื่องยากที่ผู้คนจะมองเห็นมัน

"พวกมันมีกันกี่คน? คุณพอจะบอกได้ไหม" อานเจี้ยกล่าวด้วยสีเป็นกังวล

"ไม่รู้สิ" ฮวงเฟิงพูดขึ้นพร้อมกับส่ายหน้า เยี่ยวไม่สามารถนับจำนวนคนหรือสิ่งของได้ แค่สามารถรายงานข้อมูลเพียงเท่านี้ได้ก็นับว่าดีมากแล้ว

"ยังมีเวลามาทําของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อต้อนรับพวกมัน!" แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าฮวงเฟิงสามารถรับรู้ระยะทางไกลเช่นนี้ได้อย่างไร แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครสงสัยฮวงเฟิงในขณะนี้เพราะคําเตือนพวกนี้เคยช่วยชีวิตพวกเขาไว้ แน่นอนว่าพวกเขาอาจเป็นแค่เพียงคนธรรมดาที่บังเอิญเดินหลงเข้ามาในป่าแห่งนี้ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่อีกฝ่ายจะมาถึงที่นี่ ถ้าหากคนที่เข้ามานั้นเป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาพวกเขาก็จะยอมแพ้ให้การซุ่มโจมตีของอานเจี้ยและสมาชิกองค์กร ภายใต้คําสั่งการของอานเจี้ยทุกคนต่างก็เริ่มยุ่งวุ่นวายกับการตระเตรียมที่ดักซุ่มโจมตี ทำให้ฮวงเฟิงในตอนนี้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีทักษะในเรืองพวกนี้เลย

อย่างไรก็ตามเพราะเขาเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ดังนั้นการที่เข้าไม่มีทักษะเหมือนอย่างพวกเขาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ในเวลานี้กลุ่มคนที่ใกล้เข้ามานั้นคือของกำลังต่างชาติที่เคยถูกฮวงเฟิงและสมาชิกคนอื่นขับไล่ออกไปก่อนหน้านี้  ตอนที่ฮวงเฟิงและคนอื่น ๆ บุกเข้ามาในป่านี่พวกเขาก็ถูกพบเห็นโดยกองกำลังต่างชาติ ดังนั้นพวกมันจึงคิดจะดังซุ่มโจมตีฮวงเฟิงและพวกซึ่งเป็นแผนการตลบหลังอีกทางที่ได้ถูกเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เป็นเพราะว่าคนพวกนั้นไม่คิดว่าสหายร่วมปฏิบัติการก่อการ้ายของพวกเขาจะถูกฮวงเฟิงและสมาชิกองค์กรสังหารจนหมดสิ้นแล้ว จึงไม่ได้เตรียมการป้องกันแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นพวกนั้นไม่รู้ว่ายังมีเหยี่ยวลึกลับที่คอยสอดแนมพวกเขามาจากท้องฟ้าที่อยู่สูงจากพื้นถึงหมื่นเมตร

"ทุกคนหาที่หลบซ่อนตัว รอให้พวกเขามาใกล้ จําไว้ถ้าฉันไม่ยิง ทุกคนก็ห้ามยิง!" ภายในป่าอานเจี้ยสั่งกับทุกคน  ฮวงเฟิงและ ไป๋เสี่ยวโหรวได้รวมอยู่ในกลุ่มหนึ่ง ในขณะที่คนอื่น ๆ กําลังใช้วิธีต่าง ๆ ตามที่ฝึกอบรมการอำพรางตัว เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่อยู่ในวิถีกระสุนของฝ่ายตรงข้าม ส่วนอานเจี้ยก็ได้นอนหมอบอยู่ในพงหญ้าเป็นกองหน้า

"คุณรู้ได้ยังไงว่ากำลังมีคนเข้ามา?" ไป๋เสี่ยวโหรวขณะที่รอให้อีกฝ่ายปรากฎตัวขึ้นเขาก็ได้ถามขึ้นอย่างนึกสงสัย

"เพราะผมมีตาทิพย์" ฮวงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม

"ฉันจริงจัง" ไป๋เสี่ยวโหรวกลอกตามองค้อนฮวงเฟิงแล้วพูดขึ้น แต่เมื่อไม่มีใครอยู่ตรงหน้าเธอแล้วการแสดงออกของเธอจึงดูอ่อนโยนขึ้นมาก

"ทําไมคุณถึงต้องมองผมแบบนี้ด้วย? ทำไมไม่ใช่หน้าแข็ง ๆ แบบทุกครั้งที่เคยทำ ผมรู้สึกไม่ชินเลยจริง ๆ " ฮวงเฟิงแขวะ

"ฉันพอใจจะให้คุณรู้สึกแบบนั้น" ไป๋เสี่ยวโหรวกล่าวอย่างฉุนๆ เธอไม่รู้ว่าทําไม แต่เธอไม่สามารถแสดงสีหน้าแข็งทื่อและเย็นชาใส่เขาได้อีก อย่างไรก็ตามหลังจากที่ถูกฮวงเฟิงขัดขึ้นเช่นนั้น มันไม่เหมาะสมอีกต่อไปที่ไป๋เสี่ยวโหรวจะยังดื้อดึงถามเขาอีก  และในเวลานี้ด้านหน้าก็เริ่มปั่นป่วนขึ้น

"มีคนมาจริงๆ!" ก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นใครปรากฏตัวแต่พวกเขาจะเตรียมการไว้แล้ว พวกเขายังคงมีข้อสงสัยในใจของพวกเขา ท้ายที่สุดฮวงเฟิงก็อยู่ในใจกลางของป่าเช่นเดียวกับพวกเขาแล้วเขารู้ได้อย่างไรว่ามีคนจากด้านนอกเข้ามา? แต่อย่างไรก็ช่าง การที่มีคนจากด้านนอกเข้ามาจริง ๆ นั่นแสดงว่าฮวงเฟิงพูดถูก ที่จริงเขาก็ไม่อยากเปิดเผยมากเกินไปเหมือนกัน แต่ถ้าหากในตอนนั้นเขาไม่ยอมพูดก็จะทำให้ทุกคนตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นทางเดียวที่เขาสามารถเลือกได้นั่นก็คือพูดความจริง  อ้านเจี้ยจ้องมองคนที่กลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามา ถ้าหากคนพวกนี้เป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดา พวกเขาหยุดขั้นตอนการดำเนินการต่อไป

แต่แล้วสิ่งปรากฎขึ้นนั้นราวกับฟ้าผ่า เมื่อกลุ่มคนที่เพิ่งเข้ามานั้นล้วนติดอาวุธครบมือ เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงต้องส่งเสียงเตือนสมาชิกคนอื่น ๆ มือทั้งสองข้างของอานเจี้ยจับปืนไว้แน่น จากนั้นเขาก็ยกขึ้นเล็งไปที่ฝ่ายตรงข้ามตั้งท่าพร้อมที่จะเหนี่ยวไก่ตลอดเวลา