ตอนที่ 477

USB:บทที่ 477 รู้ตัว

“ เอ๊ะ พวกเขารู้สถานะของผมแล้วหรอ?” ฮวงเฟิงถาม

“ แค่พวกเขาคงไม่รู้ว่านายเป็นคนฆ่าคนของพวกเขา” สุดท้ายทั้งเธอและหลี่เหวยหมินร่วมกันช่วยปกปิดสถานะของฮวงเฟิงในตอนนี้แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่กว่าพวกเขาจะค้นพบสถานะของฮวงเฟิงได้รวดเร็วขนาดนี้

"แต่ยังไง คนพวกนั้นคงต้องมาเมืองเจียงแน่ ปกติแล้วพวกมันจะตามเก็บคนที่ฆ่าพวกพ้องเสมอ ซึ่งนั่นก็คือ นาย!"

ฮวงเฟิงพยักหน้าเนื่องจากเขาทราบมานานแล้วว่าพวกเขาจะกลับมาแก้แค้นอย่างแน่นอน ดังนั้น เขาจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้มากนักแต่เมื่อต้องตกเป็นเป้าของบุคคลอันตรายเหล่านี้อีกครั้งมันก็ทำให้ฮวงเฟิงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเช่นกัน

นอกจากนี้เนื่องจากฮวงเฟิงยังไม่เปิดเผยสถานะของตนเองจึงเป็นไปไม่ได้ที่ไป๋เสี่ยวโหรวจะได้จัดคนมาให้เขาเพื่อให้ความปลอดภัยแก่เขา

สิ่งที่ทำให้ฮวงเฟิงรู้สึกหดหู่มากยิ่งขึ้นก็คือตอนนี้หลี่ปิงอวิ้นบังเอิญอยู่ในเมืองเจียงตอนนี้ด้วย หากอีกฝ่ายพยายามก่อกวนเธออีกครั้ง เธอก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายอีกครั้งได้

ในขณะที่ฮวงเฟิงและไป๋เสี่ยวโหรวกำลังคิดวิธีการรับมืออยู่ก็ได้มีรถประมาณสองสามคันเร่งความเร็วขึ้นบนถนนทางหลวง รถพวกนี้มุ่งหน้าไปยังเมืองเจียงและภายในรถนอกจากคนขับที่เป็นคนจีน คนอื่น ๆ ล้วนเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด

“ กัปตันครับ การที่พวกเรามาในครั้งนี้ไม่คิดว่าเราทำเกินกว่าเหตุไปเหรอครับ? เพราะยังไงอีกฝ่ายก็เป็นแค่รปภ.”ในรถคันแรก ชายรูปร่างกำยำผิวสีแทนพูดกับชายวัยกลางคนที่กำลังพักสายตาพร้อมลูปสามง่ามที่อยู่ในมือที่กระทบกับแสงแดดจนเกิดแสงสะท้อนด้วยความรู้สึกกระหายเลือด

"อย่าเพิ่งสบประมาทเขา มันฆ่าพวกพ้องของเราไปตั้งเท่าไหร่และนั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามันไม่ได้อ่อนแออย่างที่เราคิด หากเราเกิดประมาทขึ้นมา แกจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที่!" แม้ชายวัยกลางคนจะไม่ได้แม้แต่จะลืมตาขึ้นมาแต่คำตอบที่เขาพูดออกไปสมารถกดดันผู้ถามได้อย่างเหลือเชื่อ

คนกลุ่มนี้เป็นคนจากกองทหารรับจ้างปีศาจจากต่างประเทศ พวกเขาไม่รู้ถึงสถานะของฮวงเฟิงเหมือนที่ไป๋เสี่ยวโหรวรู้ ในความเป็นจริงแล้วตอนที่พวกเขายังอยู่ต่างประเทศ พวกเขาได้สืบมาก่อนแล้วว่าฮวงเฟิงคือคนที่สังหารคนของพวกเขาและเป็นเพียงพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกด้วย

“ รปภ. จะไปมีอำนาจมาจากไหนกัน? ผมรับรองได้เลยว่ามันต้องไม่มีอยู่คนเดียวแน่ ๆ ตอนที่สู้กับฝ่ายเราในตอนนั้น มันต้องทำอะไรบางอย่างและต้องมีคนมาช่วยมันแน่ ๆ " ชายชาวแอฟริกันกล่าวอย่างเหยียดหยาม

ความจริงแล้วคำตอบของเขาแสดงให้เห็นความคิดหลายๆอย่างของคนในกองทหารรับจ้างปีศาจ นับตั้งแต่ที่พวกเขารู้ถึงตัวตนของฮวงเฟิงก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาอีกเลยเพราะพวกเขาเชื่อว่าฮวงเฟิงไม่ได้เป็นคนที่สังหารพวกพ้องมากมายของฝ่ายตนด้วยตัวคนเดียวแน่ อีกทั้งยังคิดว่าเขาจะต้องมีคนอื่นเข้ามาช่วยและที่ยิ่งไปกว่านั้นในสายตาของพวกเขาฮวงเฟิงดูเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์คนนึงเท่านั้น ตอนนี้พวกเขาเองยังคงสงสัยว่าคนที่แจ้งเรื่องนี้กับพวกเขาคงถูกหลอกด้วยและคิดว่าฮวงเฟิงคงเป็นเพียงคนที่ถูกโยนออกมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากพวกเขาเพียงเท่านั้น

แน่นอนว่าสาเหตุที่กองทหารรับจ้างคิดเช่นนี้เป็นเพราะพวกเขารู้ตัวตนของฮวงเฟิงในฐานะของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงเท่านั้น โดยที่ไม่รู้ว่าฮวงเฟิงเป็นเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของสำนักงานรักษาความมั่นคงแห่งชาติ

"มีคำกล่าวนึงของจีนกล่าวถึงกระต่ายที่สู้กับสิงโตสุดชีวิต แม้ว่ามันจะเป็นแค่รปภ.ที่ไม่มีความสมารถอะไรเลย แต่ก็ไม่สมารถตัดสินได้ว่าจะไม่มีอำนาจหรือใครหนุนหลังอยู่ " กัปตันกล่าว ในคำพูดของเขาสื่อความหมายได้ว่ากำลังดูถูกฮวงเฟิงอยู่ได้อย่างชัดเจน

“เข้าใจแล้วครับกัปตัน” ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอะไรอยู่ในใจแต่ในเมื่อกัปตันพูดแบบนั้นแล้ว พวกเขาก็ไม่ควรแย้งอะไรอีกต่อไป แต่อย่างไรเสีย ชายผิวสีก็ได้ตัดใจไปแล้วว่าหากเจอฮวงเฟิงเมื่อใด เขาจะหักคอฮวงเฟิงด้วยมือของเขาเอง

เช้าวันรุ่งขึ้น ฮวงเฟิงได้ไปยังบริษัทเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ป แต่ที่ไปนั่นไม่ใช่เพราะเขาไม่ต้องการอยู่กับหลี่ปิงอวิ๋นแต่เป็นเพราะเขารู้สึกสบายใจมากต่างหากที่ได้อยู่กับหลี่ปิงอวิ๋น

"เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ทำไมนายถึงมาเร็วจัง?" ในขณะที่ฮวงเฟิงกำลังเข้าบริษัท เขาก็ได้รับแจ้งมาว่าให้ไปที่ออฟฟิศของเซี่ยเมิ่งเจียว

ในออฟฟิศของเซี่ยเมิ่งเจียว ฮวงเฟิงเห็นว่าซูหยูโม่อยู่ที่นั่นด้วยแต่โดยปกติแล้วสองคนนี้จะไม่ค่อยอยู่บริษัท วันนี้จึงเป็นเรื่องแปลกสำหรับเขาที่เห็นทั้งสองมาแต่เช้า

อย่างไรก็ตาม ฮวงเฟิงเองก็สังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าบรรยากาศในออฟฟิศดูแปลกไป เพราะทั้งซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวสีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

"ลองดูที่นี่สิ" ซูหยูโม่ส่งหนังสือพิมพ์สองสามฉบับให้กับฮวงเฟิง ในยุคปัจจุบันเช่นนี้ มีน้อยคนนักที่ยังอ่านหนังสือพิมพ์พวกนี้ อีกอย่างเรื่องราวในหนังสือพิมพ์ล้วนมีอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตทั้งสิ้น

ฮวงเฟิงหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาพร้อมกับอ่านมันและเมื่อเห็นตัวหนังสือนั้นบนหนังสือพิมพ์เพียงครั้งเดียวเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมทั้งซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวถึงมีสีหน้าไม่ดีเช่นนี้

บนหนังสือพิมพ์มีข้อความกล่าวถึงพนักงานของบริษัทเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปทำร้ายผู้คนซึ่งแสดงให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรงของบริษัทและบริษัทไม่แม้แต่จะขอโทษด้วยซ้ำ อีกทั้งพวกเขายังยกเลิกสัญญาระหว่างทั้งสองฝ่ายโดยที่ยังไม่ได้รับความยินยอนของอีกฝ่ายอีกด้วย ส่วนโฆษณาที่เริ่มถ่ายทำไปในตอนแรกก็ถูกเปลี่ยนโดยไร้เหตุผลและจนถึงตอนนี้บริษัทเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปก็ไม่ได้ออกมาพูดอะไรเกี่ยวกับค่าเสียหายอีกด้วย

ฮวงเฟิงยังสังเกตเห็นอีกว่าในอีกหน้าหนึ่งสื่อได้รายงานเกี่ยวกับฉากที่ถ่ายทำโฆษณากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตัวนักแสดงอีกด้วยและมันก็ไม่ใช่เรื่องปกติที่พวกเขาจะเป็นแค่เพื่อนกัน รายงานข่าวบทนี้สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้เป็นอย่างมากราวกับว่าผู้เขียนเองอยู่ในสถานการณ์นั้น

อย่างไรก็ตามรายงานข่าวนี้ไม่ได้มีภาพถ่ายแม้แต่ภาพเดียว เรื่องราวทั้งหมดถูกอธิบายโดยอีกฝ่ายโดยใช้จินตนาการของผู้เขียนเองทั้งสิ้น

“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กล่าวถึงในหนังสือพิมพ์ คือคุณใช่ไหม?” ซูหยูโม่กล่าวขณะที่เขามองไปที่ฮวงเฟิง

“ก็คงจะเป็นผม แต่ยังไงผมก็ไม่ได้สนิทสนทกับคุณหลี่ขนาดนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการใส่ร้าย” ฮวงเฟิงรีบกล่าวขึ้นทันที

ในที่สุดฮวงเฟิงก็เข้าใจว่าคนพวกนี้ไม่เพียงแต่พยายามจะทำลายชื่อเสียงของบริษัทเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปแต่ยังทำลายชื่อเสียงของหลี่ปิงอวิ๋นอีกด้วย แม้ว่าในบทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับหลี่ปิงอวิ๋นจะไม่ได้บอกสื่อใดเป็นคนปล่อยข่าว แต่ฮวงเฟิงก็รู้ทันทีได้ว่าต้องเป็นฝ่ายของพ่อหนุ่มหน้าหวานคนนั้นแน่

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เซี่ยเมิ่งเจียวเองก็รับรู้แล้ว เธอจึงได้ให้รองผู้จัดการที่เตรียมไว้มาจัดการเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าทำไมฮวงเฟิงถึงสั่งสอนชายคนนั้นซึ่งเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชายคนนั้นจะไร้ยางอายได้ขนาดนี้

แม้ว่าตัวหนุ่มหน้าหวานจะไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับฮวงเฟิงโดยตรงแต่ฮวงเฟิงก็ได้เอาเรื่องนี้มาแจ้งให้กับเซี่ยเมิ่งเจียวทราบถึงความผิดของเขา

"นายคิดว่าเราควรทำยังไงดี" เซี่ยเมิ่งเจียวมองไปที่ฮวงเฟิงพร้อมถาม

"ทำไมเป็นผมล่ะครับ คุณเองก็รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น มันควรเป็นคุณที่เป็นซีอีโอของบริษัทที่เป็นคนตัดสินใจไม่ใช่เหรอครับ?" ฮวงเฟิงกล่าว