ตอนที่ 615

USB:บทที่ 615 ดุเดือด

“ท่านผู้นำ ดูเหมือนว่าจะมีเสียงตะโกนอยู่ด้านนอกนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ที่ลานด้านหลังของจวนผู้นำฉีอู่ หนิงอู่ซวงกำลังพยายามข่มความขยะแขยงในใจของนางขณะที่นางชวนผู้นำฉีอู่พูดคุย และในเวลานี้กองทัพตะวันตกที่อยู่ด้านนอกเมืองก็ได้เริ่มการโจมตีเมืองแล้ว

เหตุผลที่ว่าทำไมหนิงอู่ซวงช่างเป็นหญิงสาวที่ไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับโลกนี้เลย ก็เพราะว่าตระกูลของนางนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ดังนั้นนางจึงไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอก

“ไม่มีอะไรหรอกน่า ก็แค่ไอ้พวกคนถ่อยที่ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และต้องการที่จะมาชิงมณฑลเม่ยคืนไปก็แค่นั้นเอง” ผู้นำฉีอู่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

เมื่อได้ยินคำพูดของผู้นำฉีอู่ นัยน์ตาของหนิงอู่ซวงก็เป็นประกาย ซึ่งถ้ารัฐบาลจักรวรรดิเข้าโจมตีจริงๆ ล่ะก็ จากนั้นนางก็จะสามารถฆ่าผู้นำฉีอู่คนนี้และที่ปรึกษาโกวคนนั้นได้

“อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ คนของข้าต้องสามารถโต้กลับกองทัพจักรวรรดิได้อย่างแน่นอน ทหารที่มาโจมตีในครั้งนี้จะต้องพ่ายแพ้แก่พวกเรา ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลใจเลยแม้แต่น้อย” ผู้นำฉีอู่กล่าวต่อ

หนิงอู่ซวงรู้สึกหดหู่เล็กน้อย นางยังคิดถึงเรื่องนี้ เมื่อตอนที่พ่อของนางยังมีชีวิตอยู่ เขาจะบ่นเป็นครั้งคราวเกี่ยวกับความไร้ความสามารถและความอับอายของรัฐบาลจักรวรรดิต่อหน้านาง นางเชื่อว่ากองทัพจักรวรรดิคงจะทำได้ไม่ดีไปกว่านี้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเอาชนะผู้นำฉีอู่ได้

สิ่งนี้ทำให้หนิงอู่ซวงรู้สึกผิดหวังมาก แม้ว่านางได้ตัดสินใจที่จะสละร่างกายของนางเพื่อแก้แค้นผู้นำฉีอู่และที่ปรึกษาโกวแล้ว แต่ทำไมถึงใช้แผนนี้ได้ง่ายดายนัก? สำหรับที่ปรึกษาโกวเขาเป็นคนที่ผู้นำฉีอู่ไว้วางใจมากในตอนแรก ดังนั้นหากนางพยายามยุยงเขา มันก็อาจจะไม่มีผลใดๆ ในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ

เมื่อดูอย่างผิวเผินแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้นำฉีอู่นางก็ดูเหมือนจะไว้ใจเขาและชอบเขา และต้องการที่จะแต่งงานกับเขา

อย่างไรก็ตามหนิงอู่ซวงยังคงเป็นกังวลอยู่ในใจ เพราะว่ามันเห็นได้ชัดว่านางไม่ใช่คนไร้สมองเลยในเมื่อนางต้องตกอยู่ในสภาพปัจจุบันนี้

บางทีนางคงต้องรออีกหลายปีกว่าที่นางจะมีโอกาสนั้น อย่างไรก็ตามด้วยความเกลียดที่นางมีต่อผู้นำฉีอู่และที่ปรึกษาโกวนางจึงไม่อยากจะรอแม้แต่สักวินาทีเดียว นางต้องการที่จะเห็นทั้งสองตายในเร็ววัน

“ถ้ามีใครสามารถช่วยข้าให้แก้แค้นให้กับท่านพ่อได้ ข้าจะตอบแทนความกรุณาของพวกเขา!”  หนิงอู่ซวงคิดอยู่เงียบๆ ในใจขณะที่นางมองดูผู้นำฉีอู่ที่อยู่ตรงหน้าของนาง

“อ้อ ใช่แล้ว ข้ามีข่าวดีจะบอกเจ้า ในที่สุดข้าก็รู้เหตุผลที่ที่ปรึกษาโกวทำเช่นนั้นและได้ลงโทษเขาสถานหนักแล้ว เมื่อมีโอกาสอีกในครั้งหน้า ข้าจะต้องฆ่าเขาให้ได้!” ผู้นำฉีอู่กล่าวกับหนิงอู่ซวงหลังจากนั้นเขาก็ลอบสังเกตดูหนิงอู่ซวงด้วยหางตาเพื่อที่จะดูปฏิกริยาของนาง

หนิงอู่ซวงยังคงคิดวนเวียนเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองและเมื่อนางได้ยินข่าวนั้นใบหน้าของนางก็เป็นประกายขึ้นและนางไม่ได้ปิดบังความคิดเลย ถึงแม้ว่าที่ปรึกษาโกวจะยังไม่โดนฆ่าทิ้งแต่ในเมื่อผู้นำฉีอู่ได้ลงโทษเขาไปแล้ว นั่นก็หมายความว่าได้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนทั้งสองแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นหลังจากนั้นสักพักนางจะต้องหาโอกาสยุยงให้ผู้นำฉีอู่ฆ่าเขาให้จงได้

อย่างไรก็ตามหนิงอู่ซวงตระหนักได้ทันทีว่านางยังคงอยู่ต่อหน้าผู้นำฉีอู่ ดังนั้นนางจึงรีบกลบเกลื่อนรอยยิ้มของนางและแสร้งตีสีหน้าเป็นกังวลขณะที่กล่าวว่า “ท่านผู้นำ ก่อนหน้านี้ท่านได้ให้สัญญาแก่ข้าแล้ว อย่าให้ข้าต้องเป็นต้นเหตุให้ท่านทั้งสองคนต้องบาดหมางกันเลย”

สีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปก่อนหน้านี้ของหนิงอู่ซวงไม่ได้เล็ดลอดสายตาของผู้นำฉีอู่เลย ที่เขาแจ้งข่าวให้หนิงอู่ซวงทราบก็เพราะว่าเขาต้องการที่จะเห็นปฏิกริยาของนาง ซึ่งเขาก็ไม่ผิดหวังและเป็นไปตามที่คาดคิดไว้เขาได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหนิงอู่ซวง

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาและยังรู้สึกดีใจเสียด้วยซ้ำ เมื่อเขาได้ยินข่าวว่าหนิงอู๋ซวงเคยถูกที่ปรึกษาโกวล่วงเกิน และยังขอร้องไม่ให้เขาลงโทษที่ปรึกษาโกว ผู้นำฉีอู่ก็เลยสงสัยว่าหนิงอู่ซวงอาจจะมีใจให้กับที่ปรึกษาโกวก็เป็นได้ นั่นก็หมายความว่าไม่ใช่แค่ที่ปรึกษาโกวที่หลอกลวงเขาแต่หมายถึงทั้งสองคนรวมหัวกันหลอกเขา

อย่างไรก็ตามผู้นำฉีอู่ก็ไม่ได้สงสัยในตัวนางในตอนนี้เพราะว่าหลังจากที่นางได้ยินว่าเขาได้สั่งลงโทษที่ปรึกษาโกว ในแว่บแรกหนิงอู่ซวงมีสีหน้าดีใจ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นกังวลและประหม่าแทน ซึ่งเห็นได้ชัดว่านางเองก็ต้องการที่จะให้ที่ปรึกษาโกวได้รับโทษแต่เพียงเพราะว่านางต้องการที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างเขาและที่ปรึกษาโกวนั่นเอง

ดังนั้นในที่สุดผู้นำฉีอู่จึงรู้สึกโล่งใจและอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นมาก เขาหัวเราะและกล่าวกับหนิงอู่ซวงว่า “จงวางใจเถิด ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ไม่ได้ลงโทษเขาเพราะเรื่องส่วนตัว ในเมื่อเขาทำผิดก่อนก็จะมาโทษข้าในเรื่องนี้ไม่ได้”

สีหน้าของหนิงอู่ซวงยังคงแสดงให้เห็นว่านางนั้นกำลังตกที่นั่งลำบาก แต่ในใจของนางนั้นกลับรู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าที่ปรึกษาโกวจะยังไม่ตายแต่ในเมื่อนางได้ก้าวเข้ามาใกล้เป้าหมายตั้งก้าวหนึ่งแล้ว จะไม่ให้นางดีใจได้อย่างไรกันล่ะ?

ในขณะที่ผู้นำฉีอู่อยู่กับหนิงอู่ซวงและคิดหาวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายมีความสุข การต่อสู้บนกำแพงเมืองได้มาถึงช่วงที่ร้อนแรงแล้ว มีทั้งเสียงตะโกนจากการต่อสู้ เสียงครวญครางอย่างเจ็บปวด เสียงอาวุธที่เจาะเข้าไปในร่างกาย และแม้แต่เสียงของหนักที่ตกลงมาใส่กำแพงเมือง

แม้ว่าเขาจะเคยประสบกับสิ่งที่คล้ายกันมาก่อน แต่ครั้งนั้น คู่ต่อสู้ของเขาล้วนแล้วแต่เป็นนักศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเขาไม่ได้ต่อสู้กับคนธรรมดาบ่อยนัก และยิ่งไปกว่านั้นนักศิลปะการต่อสู้ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเช่นเขาในตอนนี้

ทหารกบฏที่เคยอยู่ข้างๆ ฮวงเฟิงก่อนหน้าได้เสียชีวิตไปนานแล้ว โดยลูกธนูที่มาจากที่ไหนสักแห่ง ลูกธนูนั้นพุ่งเข้าใส่หน้าอกของเขาอย่างจังและทะลุผ่านหลังของเขาออกไป เมื่อตอนที่ถูกลูกธนูยิงเข้าใส่นั้นเขายังไม่ตาย แต่ฮวงเฟิงมองเห็นความคิดถึงและความสับสนในสายตาของเขา และเห็นได้ชัดว่าเขายังคงลังเลที่จะลาจากโลกนี้และยังไม่อยากตาย ในเวลานั้นฮวงเฟิงเคยคิดจะช่วยเขาแต่หัวใจของเขาถูกเจาะทะลุแล้ว และฮวงเฟิงก็ไม่มีวิธีที่ดีที่จะรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้

ส่วนซูเป่ยนั้นสภาพของเขาตอนนี้ดูดีกว่าลูกน้องเขาเขานิดหน่อย นั่นก็เพราะว่าถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ตายแต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บ แขนข้างขวาของเขาถูกฟันโดยทหารของรัฐบาลจักรวรรดิที่กำลังปีนขึ้นมาบนกำแพงเมืองเป็นเหตุให้เลือดไหลอาบอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล และเมื่อเสียงยิ่งดังอื้ออึงขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ทำได้แค่เพียงพันแผลเอาไว้อย่างลวกๆ ก่อนที่จะเดินหน้าสู้รบต่อไป

ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าที่อยู่ที่มุมนั้นมีเพียงฮวงเฟิงเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด