ตอนที่ 696

USB:บทที่ 696 ภารกิจ (5)

" ฉันจะบุกเข้าไป!" อานเจี้ยพูดขึ้น ขืนยิงกันอยู่แบบนี้เปลืองกระสุนเปล่า ๆ

ทุกคนเห็นด้วยกับความคิดของเขา ดังนั้นทุกคนจึงคอยยิงคุ้มกันให้กันในขณะที่บุกเข้าไปข้างหน้า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเหล่านี้ออกปฏิบัติการณ์ร่วมกัน ดังนั้นพวกเขาจึงสามัคคีรวมกันเป็นหนึ่ง ในขณะที่ฮวงเฟิงและไป๋เสี่ยวโหรวไม่คุ้นเคยกับการปฏิบัติการของสมาชิกกลุ่มนี้มากนัก ดังนั้นเขาทั้งสองคนจึงได้คอยตามประกบอยู่ด้านข้าง และไม่ก่อกวนพื้นฐานรูปแบบปฏิบัติการณ์ของพวกเขา ในที่สุดพวกเขาก็สามารถบุกฝ่าไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น แม้ว่าศัตรูจะอยู่อีกฝากหนึ่ง แต่อาวุธหนักของพวกมันที่อานเจี้ยเคยเกริ่นเอาไว้ยังไม่ได้ถูกนำออกมาใช้ ในเวลานั้นเองเหยี่ยวที่ฮวงเฟิงปล่อยออกมาก็ได้บินโฉบมาส่งข่าวกับฮวงเฟิง

"ระวัง มันซุ่มโจมตีระหว่างทาง!" ฮวงเฟิงไม่กล้าเพิกเฉยกับข่าวที่เขาได้รับ ดังนันเขาจึงบอกกับอานเจี้ยและคนอื่น ๆ ทันที

และเนื่องจากการที่ฮวงเฟิงสามารถป้องกันพวกเขาจากการซุ่มโจมตีของศัตรูเมื่อครั้งที่แล้วได้ ดังนั้นจึงไม่มีกล้ากล้าชะล้าใจกับคำเตือนของเขา อานเจี้ยส่งสัญญาญให้ทุกคนหยุดในทันที แล้วทุกคนก็หยุดเดินอย่างพร้อมเพรียงกัน รักษาตำแหน่งของตัวเองคอยสอดส่องป้องกันศัตรู กระชับปืนในมือพร้อมที่จะเหนี่ยวไกทุกขณะ

"ทุกคนรออยู่ตรงนี้ก่อน ผมจะออกมุ่งหน้าไปดูฝ่ายตรงข้ามก่อน" อาศัยเหยี่ยวส่งข่าว ฮวงเฟิงพอจะคาดเดาตำแหน่งที่ซุ่มของศัตรูได้

"ฉันจะไปกับนาย!" ไป๋เสี่ยวโหรวรีบพูดขึ้นทันที

เดิมทีฮวงเฟิงต้องการไปเพียงลำพัง ทว่าเมื่อเห็นไป๋เสี่ยวโหรวยืนกรานเช่นนั้น ในตอนนี้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเขาจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ดังนั้นฮวงเฟิงและไป๋เสี่ยวโหรวจึงลอบเข้าไปสังเกตตำแหน่งการซุ่มโจมตี ทว่าฮวงเฟิงไม่กล้าเข้าใกล้มากจนเกินไปนัก เพราะหากเข้าใกล้เกินไปศัตรูอาจรู้ตัวได้

"พวกมันอยู่นั่น!" ฮวงเฟิงชี้ไปที่กลุ่มคนที่พรางตัวเป็นอย่างดี และเมื่อไป๋เสี่ยวโหรวมองไปตามทิศทางที่ฮวงเฟิงบอก แต่เธอกลับมองไม่สิ่งผิดปกติ แต่ในช่วงขณะนั้นสำหรับเธอแล้วเลือกที่จะเชื่อคำพูดของเขาดีกว่า ดังนั้นฮวงเฟิงและไป๋เสี่ยวโหรวได้โยนระเบิดมือลงไปบนกองหญ้าแต่ละกอง

เนื่องจากคำสั่งหยุดอย่างกะทันหันของอานเจี้ยทำให้ผู้ก่อการร้ายได้สูญเสียเป้าหมายไปแล้ว ดังนั้นในตอนนี้พวกมันจึงไม่ได้ระวังตัวกันมากนัก พวกมันเพียงแต่เฝ้ารอเวลา และเมื่อไหร่ที่อานเจี้ยและทีมบุกฝ่าเข้ามา พวกมันก็จะทำการซุ่มโจมตีในทันที ทว่านึกว่าพวกมันจะถูกโจมตีด้วยระเบิดมือสองลูกเป็นเหตุให้หนึ่งในสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายเสียชีวิตและบาดเจ็บไปอีกสาม อย่างไรก็ตามพวกมันไม่รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ในเมื่ออานเจี้ยยังอยู่ไกลจากพวกมันมาก อีกทั้งในป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ที่มีใบหน้ารกทึบ ร่องรอยของพวกมันไม่น่าที่จะถูกเปิดเผย แต่ด้วยระเบิดทั้งสองลูกที่ถูกขว้างเข้ามานั้นก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วอีกฝ่ายค้นพบร่องรอยของพวกมันแล้ว ดังนั้นสามคนที่ได้รับบาดเจ็บจึงลุกขึ้นหนี้เพื่อจะหนีออกจากจุดพรางตัวแต่ทว่าทันทีที่พวกมันลุกขึ้นก็ต้องพบกับห่ากระสุนที่สาดเข้าใส่พวกมันทันที ฮวงเฟิงและไป๋เสี่ยวโหรวเล็งไปปืนคนที่เดินออกมาจากที่จุดพรางตัวในทันที หลังจากนั้นเสียงปืนก็ดังรัวขึ้นราวเสียงฟ้าร้อง และด้วยเหตุนี้นักซุ่มยิงของกลุ่มผู้ก่อการร้ายทั้งสามจึงถูกสังหารหมดทุกคน ไป๋เสี่ยวโหรวใช้เพียงแค่ปืนพกที่เธอนำติดตัวมา ในขณะที่ฮวงเฟิงมีปืนกลที่อานเจี้ยมอบให้  แต่สุดท้ายสิ่งที่เห็นนั้นพิสูจน์ให้เห็นว่าศักยภาพทางด้านการยิงปืนของฮวงเฟิงนั้นยังห่างชั้นกับไป๋เสี่ยวโหรวอยู่มาก

แม้ว่าในตอนนี้หญิงสาวจะไม่มีกำลังภายในมากนัก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการยิงปืนของเธอลดน้อยลงแต่อย่างใด ในขณะที่ฮวงเฟิงนั้นเพิ่งจะได้สัมผัสปืนไม่นานมานี่เอง ถึงแม้ว่าเขาจะมีทักษะในการต่อสู้ที่ดีเลิศแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทักษะการแม่นปืนของเขาสามารถเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาสั้นได้เช่นกัน แม้ว่าฮวงเฟิงจะยิงโดนเป้าหมายแต่ทว่ากระสุนของเขาไม่ได้ยิงโดนจุดสำคัญจนทำให้อีกฝ่ายถึงแก่ความตายได้ หลังจากที่ไป๋เสี่ยวโหรวลั่นไกใส่ผู้ก่อการร้ายทั้งสามจนแน่ใจว่าพวกมันตายหมดแล้ว เธอก็หันมามองฮวงเฟิงราวกับว่าต้องการจะถามว่าเขารู้ได้อย่างไร แต่เมื่อดูจากสภาพที่เกิดขึ้นนั้นเธอก็ไม่ได้นึกสงสัยในความคิดของฮวงเฟิงอีก

"ไปกันได้แล้ว ที่นี่ไม่มีใครเหลือรอดแล้ว ทั้งหมดมีกันสี่คน หนึ่งคนตายก่อนหน้านี้แล้ว และอีกสามคนก็เพิ่งตายไปเมื่อกี้นี่" ฮวงเฟิงกล่าว

ไป๋เสี่ยวโหรวพยักหน้า จากนั้นทั้สองก็เดินกลับไปกาอานเจี้ยที่รั้งรออยู่อีกด้านหนึ่ง ขณะที่อานเจี้ยกำลังนั่งพักอยู่นั้นเมือได้ยินเสียงการปะทะกันรหว่างไป๋เสี่ยวโหรวและฝ่ายตรงข้ามนั้น แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายมีกำลังมากแค่ไหน แต่การปะทะที่เกิดขึ้นอีกครั้งนี้ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าฮวงเฟิงคิดถูก เมื่อทั้งสองคนกลับมาถึงไป๋เสี่ยวโหรวก็พยักหน้าให้กับอานเจี้ย เมื่อเห็นดังนั้นอานเจี้ยก็ส่งเสียงคำรามขึ้นในลำคอก่อนที่จะส่งสัญญาณให้ทุกคนมุ่งต่อไป

ตลอดการเดินทางในช่วงนี้ไม่มีการซุ่มโจมตีอีก ดังนั้นทำให้ทุกคนสามารถบุกฝ่าวงล้อมการป้องกันของอีกฝ่ายได้อย่างราบรื่น เห็นได้ชัดว่าคนที่เหลืออยู่ทางด้านหน้านั้นเป็นเพียงแค่เหยื่อล่อเท่านั้น พวกมันเพียงแค่ต้องการล่อให้ฮวงเฟิงและพวกบุกเข้าไปสังหารพวกมันเพียงไม่กี่คน เป็นธรรมดาที่เมื่อฮวงเฟิงและพวกเห็นศัตรูเพียงไม่กี่คนอยู่ตรงหน้าก็จะต้องไม่รีรอที่จะบุกเข้าไปโจมตีในทันที อย่างไรก็ตามในขณะที่อานเจี้ยและพวกกำลังจะจัดการกับศัตรูเพียงไม่กี่คนที่อยู่ตรงหน้านั้นได้อย่างราบคาบ จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาทันที

"ระวังมันปล่อยจรวด!" เมื่อเสียงของอานเจี้ยตะโกนขึ้น ในขณะนั้นสมาชิกของเขาบางคนก็ได้คลานอยู่กับพื้นแล้ว และในตอนนี้เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็พบกับคนกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากพวกเขา

"พวกนายอยู่รออยู่นี่ สองคนมากับฉัน ไปสำรวจดูรอบ ๆ แล้วจัดการพวกมันให้สิ้นซาก!" อานเจี้ยกล่าว

ครั้งนี้ฮวงเฟิงไม่ได้เสนอตัวเหมือนอย่างเช่นที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้การที่เขาขันอาสานั้นเป็นเพราะว่าเขารู้ตำแหน่งที่ซ่อนของศัตรู นอกจากนั้นถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะอาสาเป็นผู้นำแต่คนอื่นต้องไม่เห็นด้วยแน่ แม้ว่าฮวงเฟิงและไป๋เสี่ยวโหรวจะเคยช่วยเหลือพวกเขาไว้ก็ตาม เนื่องจากพวกเขามีผู้นำที่แท้จริงของพวกเขาอยู่แล้ว ดังนั้นครั้งนี้อานเจี้ยจึงเป็นคนอาสานำคนบุกเข้าไปโจมตีศัตรูด้วยตัวเอง และไม่นานหลังจากนั้นเครื่องปล่อยจรวดก็เกิดไฟลุกไหม้ขึ้น แน่นอนว่าพวกมันถูกอานเจี้ยและสมาชิกของเขาฆ่าตาย

หลังจากนั้นทุกคนก็สามารถบุกไปข้างหน้าได้มากขึ้นอีก ในที่สุดพวกเขาก็พากันมาถึงจุดที่อาจเจี้ยสืบรู้มาว่าเป็นถ้ำที่หลบซ่อนของผู้ก่อการร้าย ตอนนั้นพวกเขาได้สังหารผู้ก่อการร้ายเพิ่มขึ้นอีกสองสามคน เมื่อรวมจำนวนผู้ก่อการร้ายที่พวกเขาสังหารไปแล้วทั้งหมดก็ตรงกับจำนวนของกลุ่มสมาชิกผู้ก่อการร้ายที่อานเจี้ยสืบรู้มาก่อนหน้านี้