ตอนที่ 404

USB:บทที่ 404 บาร์

"แล้วพวกเราจะไปที่ไหนต่อล่ะ?" ในรถของเจิ้งฉ่วย ฮวงเฟินจ้องมองอีกฝ่ายขณะเอ่ยปากถาม หมอนี่ช่างไม่มีมารถยาทเลยจริงๆ

ในตอนนี้ ฮวงเฟิงไม่รู้ตัวเลยว่าสองสาวที่เขาเพิ่งแยกทางกำลังพูดคุยกันโดยมีเขาเป็นหัวข้อในการสนา เพราะเขามัวแต่ตั้งคำถามว่าดึกป่านนี้แล้วเจิ้งฉ่วยจะพาเขาไปไหน

"ไปถึงเดี๋ยวนายก็รู้" เจิ้งฉ่วยตอบขณะแสยะยิ้ม

ฮวงเฟิงยักไหล่และล้มเลิกความคิดที่จะถามต่อ ไม่คิดเลยว่าเจิ้งฉ่วยจะวางมาดใส่เขาอยู่ นอกจากนี้ หากอีกฝ่ายยังคงทำแบบนี้อยู่ได้อีกสักกี่น้ำ แต่ว่าใครจะรู้ล่ะ ไม่แน่หมอนี่อาจจะวางมาดจนหมดวันเลยก็ได้?

แม้ว่างานเลี้ยงจะจบลง แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตกลางคืนนั้นกลับต่างกันออกไป พวกเขาชื่นชอบชีวิตกลางคืนที่แสนวิเศษเหมือนกับเพิ่งเริ่มต้นวันใหม่

ด้วยเหตุนี้ ทั่วทั้งเมืองชิงจึงคึกครื้นไปด้วยเสียงเพลงและความหรรษา

หลังจากขับรถไปราวๆ 20 นาที เจิ้งฉ่วยก็บอกว่าเขามาถึงที่หมายแล้ว ฮวงเฟิงจึงเบนสายตาไปมองด้านนอกกระจกรถและก็ได้พบความจริงที่ว่าจุดหมายของพวกเขาคือบาร์จริงๆ

"ที่ๆนายอยากจะพาฉันมาคือที่นี่เองสินะ?" ฮวงเฟิงถามขณะก้าวลงจากรถ

"ใช่แล้ว! ฉันเป็นเจ้าของบาร์เล็กๆแห่งนี้เองแหละ พี่ชาย คืนนี้ พวกเรามาดื่มกันให้หนำใจกันไปเลย!" เจิ้งฉ่วยตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ฮวงเฟิงมองดูบาร์ตรงหน้า เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าคนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้จะเป็นคนไม่มีทุน

ก่อนหน้านี้เจิ้งฉ่วยบอกกับเขาว่า อีกฝ่ายเปิดบาร์เล็กๆที่ไม่ใหญ่มากเพราะเขาอยากสร้างมันเล่นๆ ไม่ต่างจากคนมักน้อยและพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี

"ยินดีต้อนรับค่ะ อ๊ะ! บอส กลับมาแล้วเหรอคะ?" ในขณะเดียวกัน สายตาของอีกฝ่ายก็ไปสะดุดกับร่างของฮวงเฟิงเข้า

การที่ผู้หญิงคนนี้สามารถสวมกอดเจิ้งฉ่วยได้อย่างใกล้ชิดขนาดนี้ แสดงว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นคนใกล้ชิดของเขาอย่างแน่นอน

และเธอก็คงจะอยากเห็นหน้าฮวงเฟิงชัดๆ ส่วนเหตุผลก็คือเธออยากรู้ว่าฮวงเฟิงเป็นใคร และครั้งต่อไป หากฮวงเฟิงได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง เธอจะได้จำเขาได้นั่นเอง

เพราะถ้าหากเธอดันเผลอทำให้คนรู้จักของเจ้านายรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เธอจะต้องเตรียมรับมือกับปัญหาที่กำลังจะตามมาอย่างแน่นอน และแน่นอนว่าเธอไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น

"อืม" เจิ้งฉ่วยตอบรับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับฮวงเฟิง

หลังจากนั้น ฮวงเฟิงก็เห็นว่าการตกแต่งภายในร้านนั้นดูหรูกว่าข้างนอกร้านมาก นอกจากนี้ บรรยากาศภายในร้านก็นับว่าดีทีเดียว

แม้ว่าขณะนี้จะเป็นเวลากลางคืน แต่ภายในร้านก็มีแขกเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าธุรกิจของเจิ้งฉ่วยไม่มีทางขาดทุนได้แน่นอน

ฮวงเฟิงกลับคิดว่าสิ่งที่เจิ้งฉ่วยพูดแทบไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องจริงเลยสักเรื่อง

"บาร์ของนายไม่เลวเลยสักนิด" ฮวงเฟิงว่าพลางพ่นลมหายใจออกมา ก่อนหน้านี้เขาและเหลียงเคยไปที่บาร์มาหลายแห่ง

ถึงเขาจะไม่กล้าพูดออกมาได้เต็มปากว่าตนนั้นคุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้ แต่จากสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขารู้ว่าบาร์ของเจิ้งฉ่วยดูมีระดับและมีชีวิตชีวามากกว่าบาร์ทุกแห่งที่เขาเคยไป

“ไม่เลวเลย... นี่ นายรู้ไหม เหตุผลที่ฉันสร้างบาร์แห่งนี้ขึ้นมาก็เพราะบรรพบุรุษมักจะพูดเสมอว่า ฉันไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง เอาแต่นอนทอดน่องอยู่บ้าน วันๆไม่ทำอะไร นี่คือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงสร้างมันขึ้นมา โชคดีจริงๆที่บาร์นี้ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังเลยสักครั้ง” เจิ้งฉ่วยตอบ และในตอนนั้นเอง ใบหน้าของเขาก็มีร่องรอยแห่งความภาคภูมิใจ

ในบรรดาคุณหนูคุณชายแห่งเมืองชิง มีไม่กี่คนที่เป็นเจ้าของบาร์ คลับแล้วก็ผับเป็นของตัวเอง แต่ร้านที่ทำกำไรได้นั้นกลับมีไม่มากนัก บาร์พวกเขาส่วนใหญ่สร้างขึ้นมาเพื่อความสุขของเจ้าตัวและพวกพ้อง ดังนั้น พวกเขาส่วนใหญ่จึงเป็นหนี้กันนั่นเอง

ส่วนบาร์ของเขาเป็นที่นิยมอย่างมาก นอกจากที่นี่จะทำให้เขามีที่พักผ่อนแล้ว ยังทำให้เขาทำกำไรได้อีกด้วย

ภายในบาร์มีกระจกกั้นระหว่างห้องโถง เพียงม้วนม่านที่ปิดอยู่ก็ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านในมองเห็นบรรยากาศด้านนอกได้ทันที

แน่นอนว่าคนด้านในสามารถมองเห็นคนด้านนอกก็จริง แต่ทว่าคนด้านนอกนั้นไม่สามารถมองเห็นคนที่อยู่ด้านในได้

เนื่องจากเป็นกระจกชนิดพิเศษที่สามารถเก็บเสียงได้อย่างดี ไม่ว่าคนด้านในจะส่งเสียงดังเพียงใด คนที่อยู่ด้านนอกก็ไม่มีทางได้ยินในสิ่งที่พวกเขาพูดได้

"เป็นไงบ้าง? ที่นี่ใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะ?" เจิ้งฉ่วยเอ่ยถามด้วยท่าทางสบายๆ เขาสร้างห้องนี้ขึ้นมาเพื่อตัวเองโดยเฉพาะ

โดยปกติ เขามักจะมาเล่นสนุกที่นี่ ส่วนเรื่องเงินนั้นเป็นรอง ความสนุกสิต้องมาก่อน! แน่นอนว่าถ้าเขาสามารถทำเงินได้ไปพร้อมกับเล่นสนุก มันจะยิ่งทำให้เขามีความสุขมาก

"อืม.. ใช้ได้" ฮวงเฟิงตอบ

ในขณะเดียวกัน พนักงานเสิร์ฟก็นำแอลกอฮอล์และของว่างมาเสิร์ฟที่โต๊ะ แน่นอนว่าผู้จัดการบาร์ก็เดินมากับเขาด้วยเช่นกัน เนื่องในโอกาสที่บอสมาที่นี่ จึงไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะไม่มาทักทายอีกฝ่าย

“นายเห็นไวน์พวกนั้นไหม? มันทำกำไรให้กับร้านของฉันได้ตั้งเยอะแน่ะ! ถึงธุรกิจของฉันจะไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น แต่ในแต่ละวันเหล้าขาว ไวน์แดงและเบียร์กลับขายได้หลายขวด ฉันไม่แปลกใจว่าทำไมหมอนั่นถึงได้สนใจธุรกิจนี้นัก"เจิ้งฉ่วยกล่าวขณะที่เขาชี้ไปที่ไวน์หลากขวดที่อยู่ตรงหน้าเขา

แน่นอนว่าฮวงเฟิงทราบเรื่องนี้ เขาเคยไปบาร์มาก่อน ดังนั้นเขาถึงรู้ว่าในแต่ละวันมีคนสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นจำนวนมากขนาดไหน

“เสี่ยวฮั่น จะเสร็จรึยัง?”

ห่างออกไปไม่ไกลจากตัวห้อง มีผู้หญิงสองคนกำลังพูดคุยกัน คนหนึ่งเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่แต่งหน้าจัด ส่วนอีกคนเป็นหญิงสาวหน้าตาใสซื่อ ดูจากรูปลักษณ์แล้วอีกฝ่ายไม่น่าจะอายุเยอะ แต่ก็มากพอที่จะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

"พร้อมแล้วค่ะ" ใบหน้าของเด็กสาวหงิกหงอขณะกัดฟันพูดออกมา แต่ภายในดวงตากลมๆที่ดูใสซื่อนั้นกลับมีร่องรอยของความดื้อรั้นและความสิ้นหวังซ่อนอยู่

“เฮ้อ ฉันหวังว่าเธอจะไม่มานั่งเสียใจภายหลังนะ” หญิงวัยกลางคนถอดถอนใจไปหนึ่งเฮือกแล้วพูดต่อว่า

“วันนี้ บอสมาที่ร้านและพาคนอื่นมาด้วย อีกฝ่ายน่าจะเป็นแขกของบอส เธอก็รู้ว่าบอสเป็นใคร แขกที่บอสพามาด้วยต้องรวยมากแน่ๆ หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้วนะ!"

"เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ พี่หวัง" หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขณะโค้งศีรษะลง

พี่หวังที่ยืนอยู่ข้างสังเกตเห็นว่าร่างกายของเธอกำลังสั่นเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะแอบรู้สึกสงสารอีกฝ่ายขนาดไหน เธอก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้

"พี่หวัง วันนี้บอสเข้าร้านนะ เขาบอกให้พี่หาเด็กไปนั่งดื่มกับเล่นกับเขาสักสองสามคนน่ะ" จากนั้นผู้จัดการที่ออกมาจากห้องของเจิ้งฉ่วยและฮวงเฟิงก็พบพี่หวังและบอกเรื่องสำคัญกับอีกฝ่าย

"ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว" ผู้จัดการหันหลังกลับและเดินจากไปทันที

แต่หลังจากที่เขาจากไป เขาก็หันไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายพี่หวังแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขารู้จักหญิงสาวคนนี้ เพราะเธอก็เป็นหนึ่งในพนักงานเสิร์ฟของที่นี่ แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมวันนี้เธอถึงได้มาอยู่ตรงนี้กับพี่หวังได้ล่ะ

"พวกเราก็ไปกันเถอะ รีบเดินตามฉันมาเร็วๆ ตอนนี้ เธอมีโอกาสแล้วนะ" พี่หวังหันไปพูดกับหญิงสาว

“ค..ค่ะ..” หญิงสาวตอบรับด้วยเสียงสั่นเครือ