ตอนที่ 144

USB:บทที่ 144 ช่วยจัดการคนคนหนึ่ง

"เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว" ลุงหลี่พยักหน้าและกล่าวว่า "ไม่ต้องห่วง ปล่อยให้ฉันจัดการเอง แล้วเขาจะเป็นขี้ข้าที่ไม่ติดอันดับอีกต่อไป ฉันรับประกันว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเขาจะไม่สามารถทำตัวหยิ่งยะโสได้เลย"

ลุงหลี่พูดเรียบๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้เห็นพี่เปียวอยู่ในสายตา ไม่น่าแปลกใจเลยเพราะพี่เปียวเป็นเพียงเด็กน้อยเมื่อเทียบกับลุงหลี่ผู้มาใหม่ ย้อนกลับไปตอนที่ลุงหลี่กำลังรุ่งเรือง พี่เปียวยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ

ดังนั้นในสายตาของลุงหลี่ อิทธิพลของพี่เปียวนั้นคือความว่างเปล่า

“ งั้น ฉันต้องขอขอบคุณลุงหลี่ล่วงหน้าเลยนะ” พ่อของเขาเคยบอกเขาก่อนหน้านี้ว่าเขาต้องมีมารยาทกับลุงหลี่ให้มาก นั่นคือเหตุผลที่ถงเฉียนไม่กล้าที่จะหยิ่งผยองใส่เขา

“เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องห่วง” เขาและพ่อของถงเฉียน ที่ชื่อ ถงเฉียนจุ้นมีมิตรภาพที่ลึกซึ้งต่อกันมากและทั้งสองคนก็เป็นพี่น้องกันในตอนนั้น

ต่อมาเมื่อถงเฉียนจุ้นล้างมือจากวงการและทำไปธุรกิจที่เหมาะสม แต่ลุงหลี่ก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ นี้

แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าที่มณฑลชิงของเขาซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงร่ำรวยที่สุด

“อ้อ ใช่ ลุงหลี่ จะช่วยผมอีกสักเรื่องได้ไหม?” ทันใดนั้นถงเฉียนก็นึกถึงฮวงเฟิงขึ้นมาได้ ไอ้คนที่ทำให้เขารู้สึกขยะแขยง ไอ้คนที่กล้าหยุดรถของเขาในมณฑลชิง และนี่เป็นครั้งแรก

แล้วเหลาหยูก็ยังทำเรื่องล้มเหลว เขาไปทำร้ายฮวงเฟิงไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงคิดหาหนทางและลุงหลี่ที่อยู่ตรงหน้าของเขานี้ก็คือคนที่ใช่

“อะไรหรือ?” ลุงหลี่ถาม

“คือมันเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้มี รปภ.ต๊อกต๋อยคนหนึ่งที่ทำให้ฉันเสียหน้าและไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา แล้วก็ยังหยิ่งยะโสอีกด้วย

ดังนั้นฉันจึงอยากจะขอให้ลุงหลี่ช่วยดูแลเรื่องไอ้ รปภ. คนนั้นหลังจากที่เสร็จงานแล้วให้ฉันด้วย” ถงเฉียนกล่าว

“รปภ.ต๊อกต๋อยงั้นหรือ?” ลุงหลี่สงสัย เขาไม่คิดว่าคนอย่างถงเฉียนจะไปรู้จักกับ รปภ. แบบนั้นได้ยังไง แต่จากที่ดูแล้วเจ้า รปภ.คนนั้นคงจะทำให้เขาเสียหน้าเป็นแน่

“ใช่ ไอ้หมาเฝ้าบ้าน!” ถงเฉียนกล่าวพร้อมกับขบฟัน

“ได้สิ ไม่มีปัญหา แค่บอกรายละเอียดมา” การจัดการกับ รปภ.ตัวน้อยไม่ใช่เรื่องใหญ่ และมันง่ายยิ่งกว่าการจัดการกับพี่เปียวเสียอีก ซึ่งไม่มีเหตุผลที่ลุงหลี่จะปฏิเสธเรื่องนี้

“ขอบคุณมาก ลุงหลี่” ถงเฉียนกล่าวอย่างพอใจ ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพน่าอนาถเพราะโดนทำร้ายมา

อย่างไรก็ตาม ถงเฉียนก็นึกถึงความเป็นจริงที่ว่าคนของพี่เปียวได้พ่ายแพ้สองครั้งในทันที แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะความจริงที่ว่าคนของพี่เปียวนั้นมีความแข็งแกร่งโดยเฉลี่ย แต่ฮวงเฟิงนั้นคงจะมีทักษะบางอย่าง

“ถูกต้องแล้วลุงหลี่ แม้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวน้อยคนนั้นจะเย่อหยิ่ง แต่ดูเหมือนเขาจะมีทักษะบางอย่าง ก่อนหน้านี้เหลาหยูก็ได้ส่งคนไปสั่งสอนเขา แต่พวกเขาก็ล้มเหลวถึงสองครั้งไม่เช่นนั้นฉันคงไม่ต้องลำบากลุงหลี่” ถงเฉียนเตือน

"ไม่เป็นไร รปภ. ต๊อกต๋อยจะแข็งแรงแค่ไหนกันเชียว" ในทางกลับกันลุงหลี่ไม่สนใจ เขาเคยเห็นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แล้วใครจะไปกลัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงแค่คนเดียว?

ถงเฉียนพยักหน้าเห็นด้วย จู่ๆ ในตอนนี้เขาก็นึกถึงบางอย่างและมันก็เป็นเพียงแค่การพูดถึงเรื่องนี้

แต่ในใจของเขา เขาไม่คิดว่าฮวงเฟิงจะแข็งแกร่งขนาดนั้น

เขาพูดได้แค่ว่าลูกน้องของพี่เปียวนั้นเป็นสวะ เมื่อนึกถึงว่าเขาถูกไอ้พวกสวะนั้นทุบตีอย่างไร ถงเฉียนก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจพี่เปียวมากขึ้นเท่านั้นและหวังเพียงว่าเขาจะสอนบทเรียนให้กับพวกเขาได้

ลุงหลี่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและที่รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับพี่เปียวจากถงเฉียนแล้ว

เขาก็เรียกคนที่อยู่ด้านล่างมาจัดการ ดังนั้นสำหรับพวกอันธพาลตัวน้อยเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าไม่จำเป็นที่เขาจะต้องไปจัดการด้วยดัวเอง

พี่เปียวกำลังดื่มอยู่ที่บาร์ขลุ่ยปิศาจ เดิมทีเขาจะต้องได้รับเงินอีกก้อนหนึ่งหลังจากที่เขาไปส่งคนไปสั่งสอนฮวงเฟิง แต่เขาไม่คาดคิดว่าฮวงเฟิงจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก

ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะฮวงเฟิงได้เขาก็จะไม่สามารถรับเงินของ เหลาหยูได้

อย่างไรก็ตามพี่เปียวก็ไม่ได้สนใจมากนัก ตราบใดที่เขายิ่งใหญ่ขึ้นเขาจะมีโอกาสมากมายในการหาเงินและลูกน้องของเขาก็ได้ไปสั่งสอนเหลาหยูไปแล้ว

ดังนั้นในที่สุดความแค้นในใจก็ลดลงไปเล็กน้อย แน่นอนว่าความแค้นที่เขามีต่อฮวงเฟิงและเทียนจุ้นยังไม่ได้หายไปง่ายๆ แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้

"พี่เปียว พี่ไม่ได้ไปเห็นด้วยตัวเองว่าเหลาหยูมันยโสมากแค่ไหน ในที่สุดฉันทั้งชกและทั้งเตะมัน และมันก็คุกเข่าลงขอร้องให้ฉันยกโทษให้ ฉันบอกมั้นว่ามันเป็นปรปักษ์กับพี่เปียวและมันสายเกินไปแล้วที่จะมาร้องขอความเมตตา แต่ในที่สุดมันก็โดนฉันตีซะตาเขียวเลยนะ ฮ่าฮ่า” ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำกลุ่มยืนอยู่ถัดจากพี่เปียวกำลังคุยโวเกี่ยวกับความสำเร็จของเขา

ใบหน้าของพี่เปียวเผยให้เห็นรอยยิ้มที่พึงพอใจ เขาไม่แปลกใจเลยที่เหลาหยูจะร้องขอความเมตตา

นายน้อยหนุ่มที่ร่ำรวยเหล่านี้เป็นเพียงกระดูกที่น่ารังเกียจ โดยปกติแล้วเพราะมีเงินพวกเขาจึงหยิ่งผยองมาก แต่หลังจากโดนชกแค่ไม่กี่ครั้ง เขาก็จะเชื่อฟังและกลัวความตายมากกว่าคนอื่นๆ

"ในตอนนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ข้างๆ มันที่ตะโกนใส่ฉันและยังขู่จะฆ่าฉันทั้งครอบครัวด้วยฮ่าๆ มันคิดว่ามันเป็นใคร ถึงกล้าบอกว่าจะฆ่าฉันยกครัว ฉันก็เลยเตะมันออกไป" การอวดอ้างของชายหนุ่มยังคงดำเนินต่อไป

“ยังมีคนรอบๆ เหลาหยูงั้นหรือ แกรู้ไหมว่ามันเป็นใคร?” พี่เปียวถามเสียงเรียบ

“ฉันไม่รู้” ชายหนุ่มส่ายศรีษะ “ฉันได้ยินเหลาหยูเรียกเขาว่า นายน้อยถง เขาคงจะเป็นลูกหลานคนรวย แต่ตอนที่ฉันเตะมันไอ้นั่นมันกลัวยิ่งกว่าเหลาหยูเสียอีก ฉันเกือบจะให้มันเรียกฉันว่าคุณปู่แล้ว”

“นายน้อยถง?” เมื่อพี่เปียวได้ยินดังนั้น หัวใจเขาก็กระตุก เขารู้ดีว่าในจังหวัดเจียง ซึ่งอยู่ในมณฑลชิง มีคนรวยรุ่นที่สองที่มีชื่อเสียงที่มีนามสกุล ถง และเขาไม่ควรจะไปเป็นปรปักษ์ด้วย

“ใช่แล้ว ฉันได้ยินเหลาหยูเรียกมันหลังจากนั้น แต่ฉันก็ไม่รู้จักชื่อเต็มของมัน ไอ้เจ้านี่มันหยิ่งยโสมาก มากกว่าเหลาหยูเสียอีก” ชายหนุ่มกล่าว

ทันใดนั้นพี่เปียวก็รู้สึกตระหนกเล็กน้อย มันคงจะไม่ใช่นายน้อยถงนั่นหรอกนะ ถ้าเป็นเรื่องจริงชายหนุ่มที่อยู่ข้างเขาก็กำลังนำความหายนะมาสู่เขาแล้ว

อย่างไรก็ตามพี่เปียวก็สั่นศรีษะทันที เขารู้สึกว่ามันคงเป็นไปไม่ได้และมันก็คงจะไม่บังเอิญขนาดนั้น

เพราะว่าจังหวัดเจียงนั้นกว้างใหญ่และมณฑลชิงนั้นกว้างใหญ่ยิ่งกว่า พวกเขาจะบังเอิญมาพบกันเช่นนี้ได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย เขากลัวว่าถ้าลูกน้องของเขาได้ไปทำร้ายนายน้อยถงเข้าจริงๆ เขาก็คงจะติดร่างแหไปด้วยเช่นกัน

“จำไว้นะ ต่อไปถ้าแกเจอใครที่มีนามสกุลถง ให้แกเลี่ยงไปซะ ฉันไม่อยากจะเป็นปรปักษ์กับเขา เข้าใจไหม? นี่ฉันพูดจริงๆ นะ!”

พี่เปียวเตือน เขาไม่อยากให้ลูกน้องของเขาต้องไปเป็นปรปักษ์กับคนทีไม่สามารถจะต่อกรด้วยได้

“ทำไมล่ะ?” ชายหนุ่มยังคงสงสัย

“ก็เพราะว่าคนตระกูลถง พวกเราไม่ควรจะไปเป็นปรปักษ์ด้วย ไม่อย่างนั้นต้องเกิดปัญหาตามมาแน่ๆ” พี่เปียวกล่าว