ตอนที่ 544

USB:บทที่ 544 การต่อสู้จากจักรวรรดิ

อย่างน้อยก็ดีกว่าที่พักที่เขาอาศัยอยู่ในตอนนี้ แน่นอนว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ไม่สามารถอยู่ได้นาน เนื่องจากเขาไม่สามารถออกจากคฤหาสน์หลังนั้นได้ ต่อให้มันจะหรูหราสักเพียงใด มันก็ไม่ต่างไปจากคุกดี ๆ นี่เอง อีกอย่างมันก็ไม่มีทางที่ฮวงเฟิงจะอยู่ที่ตลอดไปได้ด้วย หลังจากที่เขาเดินสำรวจห้องชั้นบนแล้ว ฮวงเฟิงก็กลับออกมาจากมิตินั้น

เมื่อภาพตรงหน้าเปลี่ยนไป ฮวงเฟิงก็กลับมาอยู่ที่พักของตัวเองแล้ว เขาได้ยินเสียงนำไหลเบา ๆ ดังออกมาจากห้องน้ำ ไป๋เสี่ยวโหรวยังคงอาบน้ำ ตอนที่เขายังคงอยู่ในคฤหาสน์อีกมิติหนึ่ง ตอนนั้นก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว หลังจากที่เขาอยู่ที่นั่นได้สักพัก  แต่เวลาในโลกแห่งความเป็นจริงกลับหยุดนิ่งไปในช่วงขณะที่เขาอยู่ในมิติอื่น  การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการยกระดับของกล่องจักรวาลสร้างพึงพอใจให้กับฮวงเฟิงเป็นอย่างมาก หลังจากที่ไป๋เสี่ยวโหรวอาบน้ำเสร็จ เขาก็เข้าไปอาบน้ำแล้วพักผ่อน

ในขณะที่ฮวงเฟิงปี่ยมไปด้วยความสุขอยู่นั้น  ผู้นำฉีอู่ (ชิว)ผู้ซึ่งมีชีวิตอยู่ในอีกมิติหนึ่งนั้นอารมณของเขาก็ไม่ได้แช่มชื่นน้อยไปกว่าฮวงเฟิงเลย เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งเข้าโจมตีและยึดครองเมืองเม่ยได้ และตอนนี้ราชสำนักได้ส่งกองกำลังตะวันตก โดยมีเกอรุยเป็นนายพลผู้บัญชาการกองทัพไปโค่นล้มกองกำลังของผู้นำฉีอู่ เกอรุยเป็นชายหนุ่มไร้ซึ่งทักษะใด ๆ  นอกจากเขาไม่สามารถสังหารผู้นำฉีอู่ได้แล้ว ตัวเขาเองยังถูกผู้นำฉีอู่ฆ่าในสนามรบ อย่งน้อยการตายของเขาก็ถือได้ว่าเป็นการเสียลละอย่างที่เขาได้ฝันเอาไว้

หลังจากสงครามในครั้งนั้น ชื่อเสียงของนำฉีอู่ได้เป็นที่เลื่องลือ ขจรออกไปไกล ชาวบ้านที่อยู่ทั้งใกล้ ไกล ต่างพากันมาเข้าร่วมสวามิภักดิ์ต่อพวกเขา อีกทั้งยังมีกลุ่มคนที่ไม่พอใจในราชสำนักก็เริ่มทยอยพากันมาเข้าร่วมกับกองกำลังของผู้นำฉีอู่ ที่สอง สามกลุ่ม ผู้นำฉีอู่ใช้โอกาสนี้นำกองกำลังบุกเข้าโจมตีเมืองต่างที่มีอาณาเขตติดต่อกับเมืองเม่ย  และซึ่งทุกที่ที่เขานำกองกำลังเข้าโจมตีก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเขา และนั่นก็ทำให้เขตกการปกครองของผู้นำฉีอู่ได้ขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ  เดิมทีเขากองกำลังของเขามีไพร่พลอยู่เพียงแค่หมื่นกว่า ๆ เท่านั้น

แต่ตอนนี้ไพร่พลของเขาได้เพิ่มมากขึ้นมากเป็นจำนวนนับแสน!  แน่นอนว่าในจำนวนไพร่พลมากมายเหล่านั้นย่อมมี เด็ก สตรี และคนชรา ที่ไร้ซึ่งความสามารถในการสู้รบรวมอยู่ด้วย  ยิ่งไปกว่านั้นคนพวกนั้นยังขาดแคลนอาวุธ ดังนั้นในความเป็นจริงแล้วผู้นำฉีอู่มีกำลังทหารที่สามารถเข้าร่วมทำสงครามได้เพียงแค่หนึ่งแสนนายเท่านัน  อย่างไรก็ตามจากชัยชนะที่มีมาอย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้เชื่อว่ากำลังทหารที่เขามีอยู่นี้ก็มากพอที่จะสามารถบุกเข้าโจมตีเมืองหลวงได้ อย่างไรก็ตามจำนวนไพร่พลที่เพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ วัน ทำให้ผู้นำฉีอู่ถึงกับต้องกุมขมับ เมื่อตอนนีัดขามีอำนาจชี้เป็นชี้ตายชีวิตผู้คนนับแสนซึ่งจากเดิมเขามีกำลังคนใต้ปกครองอยู่เพียงแค่พันคนเท่านั้นเอง

หลังจากที่ผู้นำฉีอู่เข้ายึดเมืองต่างอื่น ๆ ได้อีกสองสามเมือง  เขาได้มีคำสั่งระงับสงครามลงชั่วคราว เพื่อหาความสำราญให้กับตัวเอง และใช้ชีวิตหรูหราอย่างที่เขาไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อน  ด้วยความแข็งแกร่งของกลุ่มกองกำลังผู้นำฉีอู่ทำให้มีหัวหน้าชุมชนกลุ่มเล็ก ๆ พากันเข้าสวามิภักดิ์ต่อเขา แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จำนำพาซึ่งสิ่งเลวร้ายมาสู่ตัวเขา เนื่องจากชาวบ้านพวกนั้นเป็นเพียงแค่ชาวนาชาวไร้ธรรมดา ที่ไม่รู้ประสีประสาอะไร ก่อนหน้านี้เขาจำต้องต่อสู้กับคนของราชสำนักก็เพียงเพื่อความอยู่รอด  และในสายตาของราชสำนักชาวบ้านพวกนี้ต้องถูกปราบปราม แต่ตอนนี้ชีวิตของพวกเขาไม่ต้องตกอยู่ในอันตรายอีกต่อไป อีกทั้งยังมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงยินดีที่จะเข้าร่วมกับกองกำลังของผู้นำฉีอู่ด้วยความเต็มใจ

ถึงแม้ว่าการเข้าร่วมดังกล่าวนั้นจะสร้างความยุ่งยากให้ผู้นำฉีอู่อยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่คิดจะใส่ใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ภายในเมืองเม่ยมักจะเกิดเหตุปล้น ฆ่า อยู่บ่อย ๆ  ดังนั้นสำหรับผู้นำฉีอู่แล้วการมีไพร่พลลักษณะนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อเขาเลย หากทว่าไม่มันไม่ต่างอะไรกับการต้านทานลมพายุที่โหมกระหน่ำ แต่ผู้นำฉีอู่กลับไม่คิดเช่นนั้น  เขายังคงมองโลกในแง่ดี เขายังคงเชื่อว่าการมีกองกำลังขนาดใหญ่เช่นนี้เรื่องดี

อย่างไรก็ตามราชสำนักก็ไม่อาจนิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ และทนยอมให้ผู้นำฉีอู่ยังคงสามารถขยายอำนาจและดินแดนได้อีกต่อ ตอนนี้ผู้นำฉีอู่ได้กลายเป็นกองกำลังกบฏกลุ่มใหญ่ไปแล้ว และนั่นก็ทำให้ราชสำนักไม่ให้ความสนใจกับกองทัพที่ถูกตีจนแตกพ่ายกลับไป แต่ยังคงมีคำสั่งให้กองทัพตะวันตกยังคงทำหน้าโค่นล้มกองกำลังของผู้บัญชาการฉีอู่ต่อไป ราชสำนักได้ส่งนายพลผู้บัญชาการกองทัพตะวันตกคนใหม่มาแทนเกอรุยนายพลผู้ไร้ความสามารถที่ถูกสังหารในสนามรบ และนายพลคนใหม่นั่นก็คือซั้วไค่

แน่นอนว่าซั้วไค่ไม่ใช้คนไร้ความสามารถเหมือนอย่างเช่นเกอรุย  ซั้วไค่คนนี้เป็นเริ่มเข้ารับราชการเป็นทหารรักษาการชายเแดน ใช้เพียงแค่ไม่กี่ปีด้วยความสามารถในทางทหารทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้น และสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ  จนที่สุดก็ได้เป็นถึงนายพลผู้บัญชาการกองทัพ กองทัพของเขาเป็นกองทัพที่จัดตั้งขึ้นใหม่ไม่เคยมีประสบการณ์การรบในส่งครามมาก่อน ซึ่งปกติแล้วจะใช้ในการปราบกลุ่มกองโจรเท่านั้น แต่สำหรับซั้วไค่แล้วการใช้ของทัพที่จัดตั้งที่เพิ่งจัดก่อตั้งขึ้นของเขา บุกเข้าปราบปรามกองกำลังไร้ความสามารถพวกนั้นก็ไม่ได้มีอุปสรรคแต่อย่างใด

คร้ังนั้นการที่เขาแต่งตั้งเกอรุยน้องชายภรรยาของเขาเป็นนายพลผู้บัญชากองทัพ ก็เพื่อต้องการให้อีกฝ่ายได้แสดงความสามารถ แต่คาดไม่ถึง เขาไม่เพียงแค่จะไม่มีโอกาสได้ความสามารถเท่านั้น แต่เขากลับต้องมาตายในสนามรบ เวลานี้ราชสำนักต้องการล้มล้างผู้นำฉีอู่อีกครั้ง ดังนั้นซั้วไค่จึงรับอาสาด้วยตัวเอง เพื่อแก้ไขความผิดพลาดและล้างแค้นให้กับน้องชายของภรรยาอีกด้วย

"กองทัพเป็นอย่างไรบ้าง?" ซั้วไค่ เป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปี แขนห นาที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อกำยำของเขาแทบจะทะลุออกมาจากแขนเสื้อ ท่าทางของเขาดูองอาจ และกล้าหาญ มีคำร่ำลือกันว่าเมื่ออยู่ในสนามรบนั้นเขาทั้งกล้าหาญและดุดัน เมื่อครั้งที่เขาเป็นผู้นำกองทหาร เขาได้สังหารฝ่ายข้าศึกมากมายนับไม่ถ้วน

ต่อมาถึงแม้ว่าเขาจะได้เลื่อนขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นแล้ว  แต่เขาก็ยังคงนำทัพออกรบด้วยตัวเอง เขาพร้อมที่จะร่วมต่อสู้ เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับพลทหารตัวเล็ก ๆ และนี่คือเหตุผลที่กองกำลังตะวันตกสามารถพัฒนาจนแข็งแกร่งขึ้นได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ทั้งหมดเป็นเพราะซั้วไค่ผู้นี้พร้อมที่จะเสี่ยงชีวิต

"ท่านนายพลครับ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กองทัพของเราพร้อมที่จะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้" ทหารรับใช้ข้างกายนายพลคนหนึ่ง ยกมือขึ้นทำความเคารพแล้วรายงาน

"ดี" ซั้วไค่พยักหน้ารับรู้

ถึงแม้ว่าเขาจะดุดันในสนามรบ แต่เมื่อเวลาที่เขาอยู่บ้านเขากลับเกรงกลัวภรรยาผู้ซึ่งเป็นพี่สาวของเกอรุย ไม่อย่างนั้นแล้วเกอรุยคงไม่มีทางได้มีโอกาสรับตำแหน่งเกินตัวเช่่นนั้น  โชคร้ายที่เรื่องไม่เป็นอย่างที่คิด เกอรุยที่ดูเหมือนกำลังจะมีอนาคตที่สดใสกลับต้องมาตายไปเสียก่อน ไม่เพียงแค่นั้นพี่สาวของเขาก็ไม่อาจทำใจกับเรื่องการสูญเสียครั้งนี้ได้  เธอเอาแต่ร่ำให้ทุกวัน และขอให้ซั้วไค่ไปแก้แค้นให้กับน้องชายของเธอ นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ซั้วไค่อาสานำทัพด้วยตัวเอง อีกเหตุผลที่เห็นได้ชัดเจนว่าซั้วไค่เองก็รู้สึกไม่พอใจกับผู้นำฉีอู่ ซึ่งเป็นผู้ทำลายกองทัพของเขา ทำให้ทหารเขาต้องสูญเสียทหารใต้บังคับไปจำนวนมาก