ตอนที่ 709

USB:บทที่ 709 โชคร้าย

แน่นอนว่าคนที่โชคร้ายไม่ได้มีเพียงแค่รองผู้บัญชาการอู๋ แต่รวมถึงทุกคนที่ถูกจับกุมตัวมา

เพราะว่าคนเหล่านี้ได้ถูกส่งไปโดยผู้จัดการหยวนและพรรคพวกและพวกเขาก็ยังทำงานอย่างหนักอีกด้วย

ในเมื่อผู้บัญชาการหวังได้ตัดสินใจแล้วที่จะทำข้อตกลงที่ดีกับฮวงเฟิง ดังนั้นเขาต้องสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่แล้ว

“ฮ่าฮ่า มาซะที นี่ท่านจะมาปล่อยผมใช่ไหม?” เมื่อผู้บัญชาการหวังกลับมาอีกครั้งภายในห้องสอบสวน เขาก็เริ่มหัวเราะด้วยความพอใจ

จากมุมมองของเขาเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วสำหรับผู้คนทั้งหลาย ผู้บัญชาการหวังจะต้องรู้สึกกดดันและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอย่างแน่นอน และจากนั้นเขาก็จะไม่เป็นไร

ใครจะไปรู้ว่าผู้บัญชาการหวังจะยิ้มให้เขาแล้วส่งสัญญาณไปทางด้านหลัง หลังจากนั้นก็มีคนสองคนเข้ามา สองคนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมมีกระดาษและปากกาอยู่ในมือ เมื่อเห็นสีหน้าของพวกเขาแล้วรองผู้บัญชาการอู๋ก็ไม่รู้สึกคุ้นเคยอีกต่อไป มันคือเครื่องแบบที่พวกเขาสวมตอนที่สอบปากคำนักโทษนั่นเอง

“ผู้บัญชาการหวัง นี่ท่านหมายความว่ายังไง?” รองผู้บัญชาการอู๋กล่าวด้วยความตื่นตระหนก

“ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจนักหรอก มันก็เป็นแค่กระบวนการธรรมดา อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้เรื่องนี้” ผู้บัญชาการหวังกล่าวว่า “นอกจากนี้ คุณควรมีความชัดเจนเกี่ยวกับกฎของที่นี่ ผมขอแนะนำให้คุณซื่อสัตย์กับตัวเอง ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะเป็นคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานเสียเอง!”

“ผมพูดอะไร!?” ผมไม่มีอะไรจะพูดไอ้ รปภ. คนนั้นทำร้ายผม เขาทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มันก็แค่เรื่องธรรมดา! แทนที่ท่านจะไปไล่ตามจับตัวเขามา แต่กลับมาจับผมแทน นี่ท่านโง่หรือเปล่า? "รองผู้บัญชาการอู๋โวยวาย

“ผมรู้ว่าต้องทำอย่างไร คุณควรจะซื่อสัตย์กับตัวเองและตอบคำถามของตัวเองว่าทำไมคุณถึงได้ขัดขวางไม่ให้สมาชิกขององค์กรความมั่นคงแห่งชาติจัดการเรื่องนี้ มีความลับที่พูดไม่ได้หรือเปล่า?!” ผู้บัญชาการหวังกล่าว

รองผู้บัญชาการอู๋รู้สึกสับสน “ผมไม่เข้าใจที่ท่านพูด”

“ถ้าไม่เข้าใจก็คิดใหม่อีกที พอคิดได้แล้วก็คายออกมาให้หมด!” หลังจากที่ผู้บัญชาการหวังพูดจบ เขาก็หันหลังและเดินออกจากห้องสอบสวน ไม่ว่ารองผู้บัญชาการอู๋จะตะโกนอย่างไร เขาก็เพิกเฉย

หลังจากนั้น ผู้บัญชาการหวังไปที่ห้องสอบสวนอีกห้องหนึ่ง เพื่อดูสถานการณ์การสอบสวนของคนอื่น หลักฐานของคนเหล่านี้ง่ายกว่ารองผู้บัญชาการอู๋ เพราะพวกเขารับเงินว่าจ้างแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสำนึกผิด เดิมทีพวกเขาหวังว่าหลังจากมาถึงกรมตำรวจแล้ว สิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่หลังจากที่มาถึงนานขนาดนี้แล้ว ผู้บัญชาการหวังก็ยังสบายดี และอันที่จริงก็มีคนมาช่วยพวกเขาแต่ได้ถูกห้ามไว้โดยผู้บัญชาการหวังซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกกลัวมากยิ่งขึ้น

เมื่อคนหนึ่งทนไม่ได้ คนอื่นๆ ก็ต้องปริปากบอกเช่นกัน และให้การว่าพวกเขาถูกว่าจ้างและจงใจที่จะหาเรื่องเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ป

ส่วนคนอีกส่วนหนึ่งที่บอกว่าตนเองถูกวางยาพิษโดยเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ป พวกเขาก็ยอมรับเช่นกันว่าพวกเขายังรับเงินอีกด้วย และผู้หญิงที่บอกว่าตนเองถูกวางยาพิษ จริงๆ แล้วไม่ได้ถูกวางยาพิษเลย พวกเขาเพียงต้องการสร้างเรื่องให้ใหญ่โตพวกเขาไม่ได้ถูกวางยาพิษจริงๆ ดังนั้น เมื่อพวกเขามาถึงกรมตำรวจและพบว่าทำอะไรไม่ได้แล้วหญิงสาวจึงเริ่มรับสารภาพ ในตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมที่จะส่งเธอไปตรวจที่โรงพยาบาล และเมื่อถึงเวลาที่ความจริงปรากฎหากพบว่าเธอแกล้งทำเธอก็จะยิ่งมีโทษเพิ่มขึ้น

เมื่อมาถึงจุดนี้ พวกเขาได้ข้อสรุปแล้ว คนเหล่านี้ถูกใครซักคนสั่งให้มาก่อเรื่องและคนที่สั่งพวกเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกลุ่มคู่แข่งของเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปนั่นเอง แต่เนื่องจากไม่ได้มีผลที่ตามมามากจนเกินไป และคนเหล่านั้นก็ยังสั่งคนพวกนี้ให้สร้างปัญหา ตราบใดที่สามารถจัดการกับกลุ่มคู่แข่งของเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปได้ มันก็คงจะไม่ง่ายนักสำหรับผู้บัญชการหวังที่จะดำเนินการ เพราะว่าบริษัทเหล่านี้ไม่ใช่บริษัทเล็กอีกทั้งยังมีคนหนุนหลังอีกมากมาย

อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช พวกเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นความก้าวหน้าในอนาคตของคนเหล่านี้ก็จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้นอีกต่อไปเพราะว่า พวกเขามีมลทินเสียแล้ว

แน่นอนว่ามันก็ไม่ใช่ว่าเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปจะไม่สูญเสียอะไรเลย เพียงแต่ความประทับใจของผู้นำทั้งสามแผนกในเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปนั้นไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าคนของพวกเขาจะทำผิด แต่วิธีการของ เฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปก็ยังคงทำให้พวกเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่กล้าที่จะไปแก้แค้นเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปในตอนนี้เช่นกัน ตอนนี้ทุกคนเข้าใจว่ามีคนปกป้องเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปอยู่เบื้องหลัง และคนที่คอยหนุนหลังนั้นมีอำนาจมากมาย

คนที่สอบปากคำเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่ากล่าวว่าการกระทำของเขาส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเคลื่อนไหวขององค์กรความมั่นคงแห่งชาติ พวกเขาสงสัยในแรงจูงใจของเขาและรองผู้บัญชาการอู๋ก็ปฏิเสธที่จะยอมรับ แต่เพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่าโจร รองผู้บัญชาการอู๋จึงยอมรับโดยสมัครใจว่าเขาได้รับความไว้วางใจจากใครบางคนให้เข้าจับกุมฮวงเฟิงและเหตุผล เหตุผลที่เขาตกลงกับคนนั้นก็เพราะว่าคนๆ นั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาและเคารพเขา

แม้ว่ารองผู้บัญชาการอู๋จะไม่ยอมรับสารภาพก็ตาม องค์กรความมั่นคงแห่งชาติและกรมตำรวจสำนักงานใหญ่กล่าวว่าเขาได้ชะลอการพิจารณาคดีออกไป ดังนั้นหากเขายังคงเพิกเฉยเขาก็จะยังคงถูกเก็บไว้แต่เขาไม่อาจที่จะรักษาตำแหน่งของเขาในฐานะรองผู้บัญชาการของกรมตำรวจเอาไว้ได้และถูกย้ายไปที่อื่นแทน ในขณะที่ผู้บัญชาการหวังก็ได้รับประโยชน์ ภายในกรมตำรวจนั้นในที่สุดก็ไม่มีใครไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขาซึ่งนั่นทำให้เขาอารมณ์ดีมาก

ผู้บัญชาการหวังอารมณ์ดี แต่คนอื่นๆ อารมณ์ไม่ดี ผู้จัดการหยวน และคนอื่นๆ ให้ความสนใจกับสถานการณ์ของกรมตำรวจมาโดยตลอด และพวกเขาก็เตรียมที่จะใช้ความสัมพันธ์เพื่อกำจัดผู้บัญชาการหวังและทำลายเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปไปพร้อม ๆ กัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง ความก้าวหน้าของกรมตำรวจก็มาถึงขีดสุดแล้ว ต้องขอบคุณการทำงานหนักของผู้บัญชาการหวัง คนเหล่านั้นไม่ได้ขัดขืนและพวกเขาทั้งหมดได้รับคำสั่งและรองผู้บัญชาการอู๋ซึ่งพวกเขาเคยตั้งความหวังไว้ก่อนหน้านี้ก็ไร้ประโยชน์เสียแล้วและเขาจะต้องถูกลงโทษ

พวกเขาไม่คาดหวังผลลัพธ์เช่นนั้นเลยจริงๆ สิ่งนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากที่พวกเขาได้จินตนาการไว้ และเกี่ยวกับเรื่องขององค์กรความมั่นคงแห่งชาติและกรมตำรวจสำนักงานใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับชิวหรือผู้บัญชาการหวัง พวกเขาก็ไม่คิดที่จะเปิดเผยเรื่องต่อสาธารณะชน ดังนั้นผู้จัดการหยวนและคนอื่นๆ ต่างก็พากันสับสน พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมผู้นำของเมืองและมณฑลต่างๆ จึงปล่อยให้ผู้บัญชาการหวังกระทำการอย่างอุกอาจและไม่จัดการกับเขา