ตอนที่ 729

USB:บทที่ 729 โลภ

ฮวงเฟิงชักกระบี่ของเขากลับมาในขณะที่เขายังคงนั่งอยู่บนหลังม้า แล้วกวาดตามองดูผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ตัว คนเหล่านี้ทำให้ฮวงเฟิงรู้ยุ่งยากใจนิดหน่อย  และเมื่อพวกเขามองมายังกระบี่นั้น ดวงตาของพวกเขาก็ส่องแสงแปล่งประกายระยิบระยับขึ้น

"อย่างที่บอกไปแล้วว่าข้าไม่ใช่คนของตระกูลโอวหยาง ข้ากำลังจะเดิน ได้โปรดหลีกทางให้ด้วย!" ฮวงเฟิงพูดขึ้นกับทุกคน

ปาก์เก่อในช่วงเวลานี้เขาได้เป็นหัวหน้ากลุ่มกองกำลังทหารรับจ้าง บุกล้อมและเข่นฆ่าผู้คนจากตระกูลโอวหยาง ไม่ว่าจะเป็นสาขาใหญ่หรือสาขาย่อย หรือแม้กระทั่งหรือแม้แต่คนรับใช้ธรรมดา เขาก็จะไม่ปล่อยให้คนเหล่านี้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว เขาต้องการให้พวกคนของตระกูลโอวหยางได้รู้ว่าไม่สามารถคุกคามคนของกองกำลังทหารรับจ้างโลหิตสีชาดได้ง่าย ๆ  และวันนี้เขาก็ได้รับข่าวมากว่ากลุ่มคนงานของตระกูลโอวหยางกำลังจะผ่านมาทางนี้ ดูเหมือนว่าเพื่อที่จะทำการคนส่งสินค้า ดังนั้นเขาจึงพาคนมาดักซุ่มโจมตี และสามารถสังหารพวกเขาทั้งหมดได้อย่างราบรื่น เพียงแต่ในขณะที่เขาเตรียมตัวจะออกจากที่นั้น เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ที่บริเวณป่าโดยรอบ เขาจึงเตรียมการซุ่มโจมตีขึ้นอีกครั้ง และฮวงเฟิงก็ได้มาถึงในไม่ช้า  และสิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็นเมื่อฮวงเฟิงปรากฏตัวขึ้น นั่นก็คือเสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่นั้นเป็นชุดของบ่าวรับใช้ในตระกูลโอวหยาง เช่นนั้นแล้วปาก์เก่อจึงมั่นใจว่าฮวงเฟิงเป็นผู้ช่วยดูแลกิจการร้านค้าของตระกูลโอวหยาง เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มคนเหล่านั้น

เหนือสิ่งอื่นใดปาก์เก่อไม่เคยเห็นมาที่ฮวงเฟิ่งกำลังขี่อยู่มาก่อน เพียงแค่แวบแรกที่ชำเลืองมองก็สามารถบอกได้เลยว่ามันใช่เพียงแค่ม้าธรรมดา เพราะเช่นนี้แล้วคนที่มีฐานะธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถมม้าดี ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? นอกจากนั้นฮวงเฟิงยังสามารถใช้กระบี่ของเขาได้อย่างคล่องแคล่วอย่างไม่น่าเชื่อ ในตอนแรกปาก์เก่อคิดว่ามันเป็นเพียงแค่กระบี่ทั่ว ๆ ไป ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นกระบี่ที่คมกริบ แทบจะไม่ต่างจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เขาเคยเคยเห็นมาก่อน ปาก์เก่อคิดในว่าถ้าหากเขาสามารถเป็นเจ้าของกระบี่นี่ ประกอบกับพลังแห่งนักรบที่อยู่ในตัวเขา เช่นนี้แล้วความแข็งแกร่งของเขาจะไม่เพิ่มพูนจนถึงขีดสุดหรอกหรือ?

ในขณะเดียวกันจากประสบการณ์ของปาก์เก่อ เขาได้ค้นพบบางสิ่งบางอย่างทีทำให้หัวใจเต้นรัวขึ้น เมื่อจู่ ๆ ฮวงเฟิงได้ชักกระบี่ออกมา แม้ว่าคนของเขาจะไม่สังเกตเห็นอย่างไรก็ตามปาก์เกอกลับมองไปที่นิ้วมือของฮวงฟิงทันที แน่นอนว่าเขาเห็นแวนธรรมดาเรียบง่ายวงหนึ่ง

วงแหวนมิติเป็นสมบัติล้ำค่า แม้แต่บุคคลสำคัญยังไม่สามารถครอบครองสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ได้ ปาก์เก่อคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้เขาจะพบเห็นมันจริง ๆ เช่นนี้แล้วมีหรือที่เขาจะยอมปล่อยให้มันหลุดลอยไป?   แม้แต่ตัวปาก์เก่อเองยังคิดไม่ถึงว่าในตอนแรกเขาเพียงแค่เตรียมการซุ่มโจมตีที่นี่เพื่อความปลอดภัย แต่สุดท้ายแล้วเขากลับได้พบใครคนหนึ่ง ผู้ที่พรั้งพร้อมไปด้วยสมบัติล้ำค่า

"ไม่ว่าเจ้าจะพูดยังไงก็ช่าง คนของตระกูลโอวหยางสังหารพวกเรากองกำลังทหารโลหิตสีชาด มิหนำซ้ำยังขโมยของบางอย่างไปด้วย เพราะฉะนั้นเราจะไม่ปล่อยให้พวกมันเหลือรอดแม้แต่คนเดียว!" แม้ว่าปาก์เก่อจะมั่นใจแล้วว่าฮวงเฟิงไม่ใช้คนของตระกูลโอวหยาง แต่เมื่อเขาต้องการฉกชิงของพวกนั้นฮวงเฟิงแน่นอนว่าปาก์เก่อจะไม่มีวันปล่อยเขาไป

"เอาละ แต่ถ้าแกยอมทิ้งของพวกนั้นไว้ บางที่พวกเราอาจจะยอมปล่อยเจ้าไป!" ปาก์เก่อยังคงพูดขึ้นเอง จุดประสงค์ของผู้ชายคนนี้เพื่อท่ะแย่งชิงสมบัติล้ำค่าจากฮวงเฟิง ไม่ได้สนว่าจะฆ่าฮวงเฟิงหรือไม่ นอกจากนั้นเมื่อฮวงเฟิงได้เปิดเผยความแข็งแกร่งออกมา ทำให้ปาก์เก่อรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา ถ้าหากเขาลงมือปล้นเอาซึ่ง ๆ หน้า เชื่อฝ่าฝ่ายตนเองจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

ฮวงเฟิงมองเห็นความโลภที่ส่องทะลุออกมาจากแววตาของปาก์เก่อ เข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายอยากได้สิ่งของบางอย่างจากตัวเขา ไม่ว่าเขาจะพยายามอธิบายอย่างไร อีกฝ่ายก็จะไม่ยอมเชื่อเป็นแน่

"แล้วถ้าข้าไม่ยอมมอบมันให้กับเจ้าละ?" ฮวงเฟิงพูดขึ้น

"ถ้าอย่างนั้นก็จะโทษพวกเราที่จำเป็นต้องล่วงเกินแล้ว!" ปาก์เก่อกล่าว แม้ว่าเขาจะไม่ต้องใช้กำลังเพื่อแย่งชิง แต่ในเมื่อฮวงเฟิงไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น ปาก์เก่อบอกให้ฮวงเฟิงยอมมอบสิ่งที่เขาต้องการมาให้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ฮวงเฟิงไม่มีวันยอมเช่นกัน

"มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามีความสามารถแค่หรือไม่!" ฮวงเฟิงชำเลืองมองอีกฝ่ายด้วยหางตาเล็กน้อยขณะที่เขาพูดขึ้น ขณะเดียวกันสายตาของเขาก็มองเห็นกลุ่มคนที่อยู่รอบ ๆ ตัว พร้อมกับคิดว่าจะหาทางออกอย่างไรดี

"ฆ่ามันทุกคน ฆ่าไอ้เศษสวะตระกูลโอวหยางคนนี้ซะ!" ปาก์เก่อสั่งขึ้นพร้อมกับโบกมือขวาขึ้น โดยที่เขาไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง ทว่ากลับนิ่งรอ เขาอยากเห็นความสามารถที่แท้จริงของฮวงฟิงก่อนที่จะลงมือบุกเขาไปชิงของ

"ฆ่า!"

"ฆ่ามัน แก้นแค้นให้กับรองหัวหน้า!"

ผู้คนจากกองกำลังทหารรับจ้างกลุ่มโลหิตสีชาดพวกนั้นพากันกรูเข้าไปหาฮวงเฟิงทันที

ฮวงเฟิงสามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าออกมาจากคนเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ล้วนเคยฆ่าคนมาก่อน ซึ่งนี่ก็แสดงเป็นอีกอย่างที่แสดงให้เห็นว่าในเวลานี้ที่มิตแห่งนี้อันตรายมากแค่ไหน อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงยังพอรู้สึกเบาใจได้บ้าง เนื่องจากพวกมันมีกันไม่เพียงไม่กี่คน ในกลุ่มคนที่มีจำนวนประมาณ 20 คน ไม่มีใครที่เป็นนักเวทย์แม้แต่คนเดียว เนื่องจากฮวงเฟิงไม่รู้สึกถึงกระแสพลังเวทย์มนตร์ในตัวคนเหล่านี้ นอกจากนั้นแล้วอาวุธของพวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นดาบ ค้อน และอื่น ๆ

เช่นนี้แล้วมันก็จะยิ่งง่ายขึ้นสำหรับฮวงเฟิง เขาพึมพำบางอย่างเบา หลังจากนั้นสองสามคนที่วิ่งนำหน้าคนอื่น ๆ ก็ต้องสะดุดกับอะไรบางอย่าง แต่การเคลื่อนไหวของฮวงเฟิงยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วหลังจากที่เขาพูดจบลง กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังรู้สึกเหมือนดาบลมกระจ่ายผ่านร่างพวกเขา ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงพากันหลบไปยังด้านข้างทันที

"ท่าไม่ดีแล้ว เขาคือนักเวทย์!" ใครคนหนึ่งตะโกน

"ไม่ต้องห่วง เขายังอยู่ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น พลังเวทย์ของยังแข็งแกร่งไม่มากพอ!" ปาก์เก่อซึ่งคอยสังเกตุการณ์อยู่ข้างหลังพูดขึ้น เป็นธรรมดาที่เขาจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าเขาเองจะรู้สึกค่อนข้างแปลกใจเมื่อพบว่าแท้จริงแล้วฮวงเฟิงคือนักเวทย์ เพียงแต่มีพลังเวทย์ยังอยู่ในขั้นพื้นฐานเท่านั้น อีกทั้งพลังยังได้กระจัดกระจาย ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ต้องห่วงจนเกินไป ด้วยระดับความแข็งแกร่งของพวกเขา ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวต่อนักเวทย์ที่อยู่ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น  เพียงแค่คนเหล่าได้สัมผัสถึงพลังเวทย์ของฮวงเฟิงด้วยตัวเองก็รู้ได้ว่ามันเป็นเพียงแค่พลังเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วความตื่นตกใจของพวกเขาเหล่านั้นก็ได้สลายไป จากนั้นทุกคนก็บพุ่งเข้าโจมตีฮวงเฟิงอีกครั้ง

ส่วนฮวงเฟิงเองก็รู้ดีว่าพลังเวทย์ของเขาไม่ได้ส่งผลอะไรต่อคนพวกนี้มาก นี่ไม่ใช่โลกแห่งความจริง ซึ่งที่นั่นนอกจากเขาและชิวหนิงชวงแล้วก็ไม่มีนักเวทย์คนอื่นอีก ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครสามารถต้านทานฮวงเฟิงได้ จึงทำให้ฮวงเฟิงสามารถสร้างประสบความสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า ในทางกลับกันที่นี่คือมิติแห่งเวทย์มนตร์ เป็นสถานที่ดำรงอยู่ของนักเวทย์ ถึงแม้ว่าผู้คนที่อยู่ตรงหน้าฮวงเฟิงในตอนนี้จะไม่ใช้นักเวทย์ แต่คนพวกนี้ก็ให้ความสนใจเกี่ยวกับเวทย์มนต์ก่อนหน้า ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้จักวิธีการต่อต้านนักเวทย์ ดังนั้นจึงต้องคอยจับตามศัตรูของพวกเขาแล้วโจมตีไปที่จุดเริ่มต้นพลังวิเศษของฮวงเฟิง ถึงแม้ว่าจะทำได้ยากแต่พวกเขาก็ไม่มีวิธีอื่นอีก ในฐานะที่พวกเขาเป็นคนของกองกำลังทหารรับจากกลุ่มโลหิตสีชาด คนเหล่านั้นจึงรีบพุ่งไปขวางหน้าฮวงเฟิงไว้ ในขณะนั้นฮวงเฟิงก็สามารถมองเห็นความชั่วร้ายบนใบหน้าของพวกเขา และเมื่อคนเหล่านั้นพุ่งเข้าไปจวนใกล้จะประชิดถึงตัวเขา