ตอนที่ 232

USB:บทที่ 232 นายชอบภาพนี้งั้นหรอ?

เนื่องจากวัตถุโบราณที่ฮวงเฟิงส่งมาขายที่นี่ส่วนใหญ่เป็นของเก่าแก่ และราคาของวัตถุโบราณนั้นแตกต่างกันมาก ถ้าวัตถุโบราณที่ฮวงเฟิงขายเป็นของเก่าที่ทรงคุณค่า เขาอาจได้รับเงินจำนวนมากถึงขนาดขอลาออกจากบริษัท ด้วยเหตุนี้ ในใจของซูหยูโม่จึงเต็มไปด้วยความสงสัย เธออยากรู้ว่าทำไมฮวงเฟิงถึงได้ครอบครองวัตถุโบราณ ทั้งๆที่เธอไม่จำเป็นต้องคิดมากกับเรื่องนี้เลย

"ก็แค่ของเล็กๆน้อยๆน่ะ" ฮวงเฟิงตอบ จริงๆเขาก็ไม่รู้ว่าภาพวาดผืนนั้นจะขายได้กี่ราคา เขาเลยไม่อยากพูดถึงมันมากนัก

ฮวงเฟิงมีแค่ความคิดที่ว่าเขาจะไม่ลาออกและไม่ขายวัตถุโบราณแสนล้ำค่าอีก สำหรับฮวงเฟิง เขาไม่จำเป็นต้องทำงานในตำแหน่งรปภ.ที่บริษัทเลยสักนิด โดยเฉพาะตอนที่ผู้จัดการหยวนเรียกเขาก่อนหน้านี้ ทั้งรปภ.ด้านซ้ายและขวา ก็ยากที่จะปกป้องหัวใจของฮวงเฟิงได้

เมื่อได้ยินดังนั้น ซูหยูโม่จึงหันไปมองฮวงเฟิงแล้วถามว่า "นายอยากลองเปลี่ยนตำแหน่งบ้างไหม? ถ้าอยาก นายก็บอกฉันได้เลยนะ ถึงงานที่ทำจะต่างกัน แต่ฉันเชื่อว่านายทำได้"

ความตั้งใจของซูหยูโม่ชัดเจนมาก ตราบใดที่ฮวงเฟิงต้องการเปลี่ยนตำแหน่ง เธอก็จะช่วยเขาจัดการเรื่องนี้ แม้ว่ามันจะเป็นงานที่ฮวงเฟิงไม่เคยทำมาก่อนก็ตาม

"เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ฉันว่างานรปภ.ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่" ฮวงเฟิงไม่คิดว่านอกจากงานรักษาปลอดภัยแล้ว คงไม่มีตำแหน่งไหนในบริษัทเฮฟเว่นไพร์ที่จะเหมาะสมกับเขามากเท่างานนี้

“งั้น ถ้าอยากลองเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้เลยนะ” ซูหยูโม่ว่า

ฮวงเฟิงพยักหน้ารับคำ

หลังจากงานเลี้ยงจบลง แขกทุกคนยังไม่กลับ พวกเขาไปยังห้องโถงที่จะมีการจัดงานประมูล

ฮวงเฟิงได้ที่นั่งข้างซูหยูโม่ บังเอิญอะไรขนาดนี้

"ผมขอกล่าวขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานประมูลในวันนี้ ผมหวังว่าทุกท่านจะได้รับสิ่งที่ทุกท่านปรารถนาครับ" ผู้จัดการเหวินขึ้นไปบนเวทีและกล่าวคำสั้น ๆ จากนั้นก็เดินกลับไป และมีคนที่เหมือนจะเป็นนักประมูลขึ้นมาแทนที่

ทุกคนที่อยู่ด้านล่างมีหนังสือเล่มเล็กอยู่ในมือ หนังสือเล่มนั้นจะแนะนำรายการทั้งหมดที่ใช้ประมูลในค่ำคืนนี้ ภาพวาดของฮวงเฟิงก็อยู่ในหนังสือเล่มเล็กเช่นกัน นอกจากนั้นก็เป็นสิ่งของอื่น ๆ จำนวนหนึ่ง

อย่างไรก็ตามมีผู้เข้าร่วมประมูลอยู่ไม่น้อย คนเหล่านี้ถ้าถูกใจก็จะประมูลสิ่งนั้น ถ้าไม่ถูกใจก็จะประมูลชิ้นถัดไป และถังมู่เสวี่ยก็เป็นหนึ่งในคนที่ต้องการสร้างความประทับใจให้กับผู้อื่นในการประมูล

ถังมู่เสวี่ยต้องการตั้งหลักปักฐานที่เมืองชิง งานประมูลในคืนนี้จึงถือเป็นโอกาสที่ดีไม่น้อย

ก่อนหน้านี้ ถังมู่เสวี่ยได้ใช้ประโยชน์จากงานเลี้ยงทำความรู้จักกับแขกคนอื่นๆในงาน ตอนนี้ถ้าเธอได้เข้าร่วมการเสนอราคา เธอก็จะสร้างความประทับใจให้แขกคนอื่นได้อีกครั้ง และแสดงให้พวกเขาเห็นว่าเธอไม่ได้มาเล่นๆ

ฮวงเฟิงหันมองไปทางถังมู่เสวี่ยอยู่ไม่ไกลกำลังทำหน้ามุ่ย คนพวกนี้รวยมากจริงๆ ของดียังไม่มา ราคาก็เกินหลักหมื่นจนเกือบจะถึงหลักแสนแล้ว

ถังมู่เสวี่ยใช้เงินมากกว่าสองแสนซื้อนาฬิกาคลาสสิกหนึ่งเรือน และที่สำคัญคือ นาฬิกาเรือนนี้มีไว้สะสมเท่านั้น เห็นได้ชัดว่ามันไม่เหมาะกับเธอเลยสักนิด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะประมูลของอะไร ช่างเป็นคนที่รวยอะไรขนาดนี้

ในขณะที่ ซูหยูโม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ มองดูการประมูลด้วยท่าทางจริงจัง แม้ว่าเธอจะไม่ได้ประมูลออกไปเลยสักครั้ง

“นี่ มีของที่นายสนใจบ้างหรือเปล่า?” ในตอนที่ฮวงเฟิงกำลังคิดอะไรบางอย่าง ซูหยูโม่ก็เอ่ยถามอีกฝ่ายเสียงเบา

"...ไม่มี" ฮวงเฟิงส่ายหน้า "ฉันไม่ค่อยสนใจพวกของสะสมน่ะ ของสะสมก็เป็นได้แค่ของสะสม นำมาประโยชน์ไม่ค่อยได้"

ซูหยูโม่ยิ้ม ที่นายพูดมาก็ถูก ในสายตาของคนที่ไม่ได้ชื่นชอบของสะสม สิ่งของที่นำมาประมูลในคืนนี้ล้วนนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้

เวลาผ่านไปไม่นาน ในที่สุดก็มาถึงภาพวาดของฮวงเฟิง เนื่องจากเขาไม่ทราบว่าใครเป็นผู้วาด บริษัทประมูลจึงไม่ประเมินราคาให้สูงนัก และเป็นไปไม่ได้ที่ของชิ้นนี้จะเป็นชิ้นสุดท้าย เพราะเวลาที่ใช้ในการประมูลยังดำเนินไปไม่ถึงครึ่งทางของกำหนดการ

"แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน โปรด ดูที่ภาพวาดนี้ให้ดีครับ" แขกทุกคนมองภาพที่ฉายอยู่บนจอโปรเจคเตอร์ หลังจากผู้ประมูลอธิบายภาพเสร็จ ผู้ที่สนใจภาพนี้สามารถขึ้นไปชมมันอย่างใกล้ชิดบนเวทีได้ แต่ห้ามสัมผัสภาพวาดโดยเด็ดขาด

"ผู้ที่วาดภาพนี้ขึ้นมาคือ อู๋ทงจื่อ ทุกท่านอาจจะรู้สึกไม่คุ้นเคยกับภาพนี้ ด้วยความสัตย์จริง ผมเองก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อนเช่นกันครับ..." หลังจากผู้ประมูลกล่าวจบ เขายกยิ้มแล้วกล่าวต่อว่า "อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่านักวาดคนนี้จะไม่มีชื่อเสียงเลื่องลือ แต่นั่นก็ไม่ได้ปิดบังความจริงที่ว่า ภาพนี้มีความโดดเด่นที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความตั้งใจ ทักษะที่ใช้ในการวาดภาพนั้นแปลกใหม่มากและเป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน"

"นอกจากนี้ ผมขอบอกให้ทุกท่านทราบว่าภาพวาดผืนนี้ได้รับการตีราคาจากผู้อาวุโสเฟิงแห่งศาลาสมบัติแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภาพนี้มีค่ามากขนาดไหน" ผู้ประมูลพูดเสริม

มีเสียงคุยกันเบาๆดังมากจากแขกด้านล่างเวลาที เห็นได้ชัดว่ามีเพียงไม่กี่คนที่เคยได้ยินชื่อของผู้อาวุโสเฟิง สิ่งที่เขาตีราคาไม่ค่อยผิดพลาด ด้วยเหตุนี้จึงมีคนจำนวนไม่น้อยแสดงความชอบต่อภาพวาดนี้

"ราคาเริ่มต้นสำหรับภาพวาดนี้คือห้าแสน ในแต่ละการเสนอราคาขั้นต่ำอยู่ที่หนึ่งหมื่น เริ่มการประมูล!"

"หมายเลข 38 ห้าแสนหนึ่งหมื่นครับ"

“หมายเลข 19 ห้าแสนสองหมื่นครับ”

ราคาสูงขึ้นไม่หยุด แต่ในการเพิ่มจำนวนก็ไม่ได้เยอะมากโดยเพิ่มขึ้นทีละหมื่น

ในตอนที่ได้ยินว่ามีเสนอราคา ฮวงเฟิงก็รู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนการประมูลไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงในเร็วๆนี้ และมูลค่าของมันต้องสูงกว่าในเทรเชอร์พาวิลเลียนแน่นอน

"นายชอบภาพนั้นเหรอ?" จู่ๆซูหยูโม่ก็ถามเสียงเบา

แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมซูหยูโม่ถึงถามแบบนี้ นับตั้งแต่ที่อีกฝ่ายเห็นภาพนี้ ความสนใจของฮวงเฟิงก็อยู่ที่ภาพวาดนี้ตลอดเวลา ซึ่งต่างจากการะประมูลที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง เพราะการประมูลก่อนหน้านี้ ฮวงเฟิงแค่มองดูของประมูลแค่ไม่กี่ครั้ง ก็เลิกสนใจมัน

"หืม เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ?" ฮวงเฟิงถามกลับด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้เขามัวแต่สนใจการประมูล เลยไม่ได้ยินที่ซูหยูโม่ถาม เพราะทุกครั้งที่มีการเสนอราคา มันทำให้หัวใจของฮวงเฟิงเต้นไม่เป็นจังหวะ ช่วยไม่ได้ ในการประมูลแต่ละครั้งเพิ่มขึ้นทีละหนึ่งหมื่นหยวน มันมากกว่าเงินเดือนเสียอีก!

ครั้งนี้ ซูหยูโม่ไม่ตอบ เธอยกแผ่นป้ายในมือขึ้น แล้วหันไปส่งยิ้มให้ฮวงเฟิง "เปล่า ไม่มีอะไรจ๊ะ" เนื่องจากซูหยูโม่เห็นว่าฮวงเฟิงถูกใจภาพวาดนี้ เธอก็จะช่วยอีกฝ่ายช่วงชิงมันมาให้ได้

"หมายเลข 35 หกแสนสองหมื่น!" เสียงของผู้ประมูลดังขึ้น และหมายเลข 35 ที่ว่าก็เป็นหมายเลขของซูหยูโม่นั่นเอง!

ฮวงเฟิงหันไปมองซูหยูโม่ด้วยความตกใจแล้วถามว่า "เธอชอบภาพวาดนี้เหรอ?"

ฮวงเฟิงไม่รู้ว่าซูหยูโม่ตั้งใจประมูลมันให้เขาเป็นของขวัญ เขาคิดว่าซูหยูโม่คงชอบภาพวาดนี้ เพราะถ้าไม่ใช่อย่างนั้นเธอก็คงไม่ประมูลมันหรอก