ตอนที่ 652

USB:บทที่ 652 ฝ่า (2)

“ท่านผู้นำสิ้นแล้ว!”

“ทุกคนหนี ท่านผู้นำสิ้นแล้ว!”

ขณะที่ทหารรักษาการณ์ของผู้นำยังคงสับสน กลุ่มคนที่ยืนล้อมฮวงเฟิงและลูกน้องก็ร้องตะโกนเสียงดัง แม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่าการจู่โจมของหัวหน้านั้นอันตรายอย่างยิ่ง แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วปานนี้

พวกเขาได้เห็นฝีมือของฮวงเฟิงก่อนหน้านี้และผิดแปลกไปจากเดิม ฮวงเฟิงสามารถหาจังหวะในขณะที่เกิดความวุ่นวายจากนั้นก็ปลิดชีพเป้าหมายทันที ผู้นำถูกฮวงเฟิงสังหารในสถานการณ์เช่นนี้

หากไม่ปล้ว พวกเขาคงไม่นิ่งเฉยแม้จะได้รับคำสั่งจากท่านผู้นำ และในเวลานี้ เมื่อเห็นว่าท่านผู้นำถูกฮวงเฟิงปลิดชีพได้อย่างง่ายดาย พวกเขาก็ยอมแพ้ โยนอาวุธในมือทิ้งและวิ่งหนีไปทันที

หัวหน้าองครักษ์คนนั้นเรียกสติและหันหลังวิ่งหนี แม้ว่าพวกเขาล้วนเป็นองครักษ์ทั้งหมด แต่ก็เป็นทหารที่ตำแหน่งสูงกว่าเพียงเล็กน้อย แทบไม่ต่างจากทหารธรรมดาเลย

ฮวงเฟิงแอบไม่เข้าใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าเขาจะสามารถฆ่าผู้นำได้จริงๆ นี่เป็นครั้งที่สามที่เขาสังหารผู้นำ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะเป็นผู้ปลิดชีพท่านผู้นำไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ฮวงเฟิงไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขายกดาบขึ้นและเริ่มปลิดชีพคนที่มีปฏิกิริยาช้าอีกครั้ง จากนั้นรอการมาถึงของกองทัพหลัก

ไม่นาน หวังต้าหนิวก็คนกลุ่มหนึ่งไป ขณะที่ซุนเหลียงยังคงอยู่ด้านหลังควบคุมเชลยให้พวกเขาค่อยๆเดินไปข้างหน้า

เมื่อ หวังต้าหนิวมาถึงประตูเมือง ทางด้าน ฮวงเฟิงนอกเหนือจากเขาแล้ว มีเพียงโหลเท่านั้น ต้องรู้ว่าเมื่อพวกเขามาก่อนหน้านี้ มีคนมากกว่าร้อยคนแล้ว และด้วยการต่อสู้ที่เข้มข้นขึ้น แม้ว่า ฮวงเฟิงสามารถรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ถูกฆ่า มันเป็นเรื่องปกติมากสำหรับพวกเขาที่จะเสียสละตัวเองภายใต้ ล้อมศัตรูไว้มากมาย

และผลลัพธ์ที่ได้ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจ พวกเขาปกป้องประตูเมืองและแม้กระทั่งทำให้ศัตรูทิ้งศพหลายร้อยศพไว้ข้างหลัง แม้ว่าส่วนใหญ่เป็นเพราะฮวงเฟิงราคาที่พวกเขาจ่ายก็มีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน

ในเวลานี้ ผู้คนในเมืองไม่มีแรงต้านทานอีกต่อไป หากพวกเขาสามารถนำประตูเมืองกลับคืนมาจากเมืองก่อนหน้านี้ พวกเขาอาจจะคิดหาวิธีที่จะอดทนอยู่พักหนึ่ง แต่ตอนนี้ ประตูเมืองหายไปแล้ว จำนวนของพวกเขาน้อยกว่า ฮวงเฟิงและคนอื่นๆ ที่สำคัญที่สุด หัวหน้าของพวกเขาก็ถูก ฮวงเฟิงฆ่าเช่นกัน

ส่งผลให้ฮวงเฟิงและหวังต้าหนิวนำผู้คนที่เหลืออยู่สังหารคนไปพลางจับเชลยไปพลางและไม่มีผู้ใดขวางพวกเขาได้ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่เนื่องจากมีเชลยมากเกินไป พวกเขาจึงทำงานจนถึงดึกดื่นแล้วจึงหยุดมือ เท่ากับว่าในเวลานี้ พวกเขาได้ยึดเมืองทั้งเมืองเรียบร้อยแล้ว

ทั้งเมืองมีกองทัพพันธมิตรทั้งหมดจำนวนห้าหมื่นคน แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ถูกสังหารโดยคนของฮวงเฟิง อาจมีเพียงสองถึงสามพันคนที่ถูกสังหาร ทว่าตอนที่พวกเขาหนีเข้าไปในหุบเขาลึก กองทัพพันธมิตรเหล่านี้ได้ลงมือสังหารพวกเดียวกัน และพวกเขาก็ฆ่าพวกพ้องไปจำนวนมาก

ดังนั้นในท้ายที่สุด กองทัพพันธมิตรหนีรอดไปได้อาจมีเพียงห้าถึงหกพันคนเท่านั้น โดยที่มีผู้เสียชีวิตกว่าหมื่นคน ส่วนที่เหลือถูกจับเป็นเชลยทั้งสิ้น ฮวงเฟิงและคนที่เหลือสามารถจับเชลยได้เกือบสามหมื่นคน!

แม้ว่านักโทษบางคนจะเป็นชาวนาที่เพิ่งเข้าสู่สนามรบครั้งแรกและไม่ค่อยมีทักษะการต่อสู้ แต่ก็มีบางคนมีประสบการณ์การต่อสู้และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้นำฉีอู่ คนเหล่านี้มีทักษะการต่อสู้อีกทั้งยังจำซูเผยได้ เนื่องจากเขาต่างจากแม่ทัพใหญ่ที่ต้องการสู้กับซูเผยเพื่อแย่งชิงอำนาจ

ดังนั้น เมื่อได้รับการชักชวนจากฮวงเฟิง ซุนเหลียงและพวกพ้อง คนเหล่านี้จึงตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย นอกจากนี้ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้มีคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุลมุนไม่มากนัก เนื่องจากพวกเขามีสติมากกว่ากองทัพอื่น ดังนั้นจึงเหลือคนกว่าหมื่นคน

ส่วนผู้นำทุกคนล้วนถูกสังหารโดยฮวงเฟิงและซุนเหลียง ในเวลานี้ พวกเขาไม่ต้องการหนีจากอันตรายที่ตามมาอีกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงขัดขืนเล็กน้อย เพราะหากไม่มีผู้นำเหล่านี้ พวกเขาก็สามารถปราบทัพธรรมดานี้ได้ง่ายขึ้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าชีวิตคนในยุคมืดนั้นไร้ค่าเพียงใด แม้แต่ฮวงเฟิงที่มาจากอีกโลกก็สามารถฆ่าคนได้อย่างง่ายดาย

หลังจากที่ฮวงเฟิงและพวกพ้องจัดการทหารหลวงเสร็จ พวกเขาก็เริ่มจัดการทหารธรรมดาต่อ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ต้องการเกณธ์คนทุกคน เขาต้องการเพียงผู้ที่มีอายุตามเกณฑ์เท่านั้น ส่วนผู้ที่มีอายุมากกว่าเกณฑ์และต่ำกว่าเกณฑ์จะถูกปล่อยตัว จะได้ไม่เป็นภาระแก่พวกเขาในภายหลัง

ทุกคนในที่นี้ล้วนทำไปเพราะพวกเขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ตั้งแต่แรก สำหรับคนที่ก่อกบฏ โดยพื้นฐานจึงไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก ตราบเท่าที่พวกเขายังมีข้าวให้กิน พวกเขาก็ยินดีติดตามฮวงเฟิงและกองทัพไป

ในที่สุด ฮวงเฟิงและกองทัพเกณฑ์เชลยทั้งหมดได้สำเร็จ แต่เพื่อความปลอดภัย ฮวงเฟิงแยกพวกเขาทุกคนออกจากกันแล้วจัดกลุ่มใหม่ให้พวกเขา พยายามแยกคนที่คุ้นเคยไปมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในตอนที่ฮวงเฟิงจัดการทุกอย่างเสร็จ ท้องนภาก็สว่างแล้ว ถึงเวลาที่พวกเขาจะแยกกันไปพัก และในขณะเดียวกันก็ส่งคนไปรายงานเรื่องให้ซูเผยทราบ และให้เขาตัดสินใจว่าจะให้เขาทำอย่างไรต่อจากนี้

ตกบ่าย เมื่อฮวงเฟิงและคนอื่นๆ ฟื้นคืนพลังจนเต็มเปี่ยม ผู้ที่ขี่ม้าไปส่งข่าวให้ซูเผยก็กลับมาพอดี เขาได้นำสารจากซูเผยกลับมาด้วย

"อะไรนะ? เจ้าบอกว่ากองทัพพยัคฆ์คำรามที่อยู่ไม่ไกลจากมณฑลอู่และกลุ่มของติงเหวินฉางกำลังรบกันอย่างนั้นรึ!? " ฮวงเฟิงจ้องมองผู้ที่รายงานข่าวให้เขาทราบด้วยความตกใจพลางถาม แม้แต่ซุนเหลียงและหวังต้าหนิวที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าตกใจเช่นกัน

ในตอนที่พวกเขาออกจากมณฑลหลี่ ทั้งสองฝ่ายได้ห้ามไม่ให้ส่งข่าวเกี่ยวกับมณฑลอู่ พวกเขาไม่คิดว่าทั้งสองฝ่ายจะเปิดศึกกันเร็วขนาดนี้!

“ผู้นำซูกล่าวเช่นนั้น” คนผู้นั้นกล่าว “อีกทั้งยังรับสั่งว่าให้นายพลฮวงนำกองทัพกลับไปที่มณฑลอู่ทันที และให้ท่านรอที่นั่นและหาโอกาสลงมือ ดูว่าจะมีโอกาสลงมือได้หรือไม่”