USB:บทที่ 646 ทูต
"วันนี้ ข้าเรียกทุกท่านมาเพื่อหารือเรื่องการขยายอำนาจในวันหน้า"
ในห้องทำงาน ซูเผยนั่งตำแหน่งสูงสุดและคนที่พูดกับเขาคือฮวงเฟิงรองหัวหน้าแห่งกองทัพพันธมิตร แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในกองทัพพันธมิตรเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดเพิกเฉยต่อการดำรงอยู่ของเขา
"ระหว่างนี้ พวกเราทำได้ดีทีเดียว" ซูเผยคลี่ยิ้มและกล่าว
อาจกล่าวได้ว่ากองกำลังของกองทัพพันธมิตรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่ไกลจากมณฑลเมย แม้ว่าการทำสงครามทั้งสองครั้งนี้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในขั้นตอนการฟื้นฟู
การกอบกู้สถานการณ์ในตอนนี้นับว่าไม่แย่ สาเหตุหลักเป็นเพราะสองผู้นำสูงสุดของกองทัพพันธมิตร ซูเผยและฮวงเฟิงต่างคิดถึงคนในพื้นที่และไม่ก่อกวนพวกเขาจนเกินเหตุ
ดังนั้น กองทัพพันธมิตรจึงได้รับการสนับสนุนจากคนในพื้นที่มากขึ้น ทำให้ให้การฟื้นฟูดำเนินไปอย่างราบรื่น
ในขณะเดียวกัน เขาก็รายงานเรื่องที่ได้สอบถามจากพื้นที่ต่างๆ
“จากข้อมูลที่ได้รับ มณฑลอู่ทางตะวันตกมีทหารรักษาการณ์สองหมื่นนาย แต่ปัญหาการจ่ายเบี้ย เราอาจหาทหารหนึ่งหมื่นนายได้จากที่นั่น แต่ไกลออกไปอีกสิบกิโลเมตรมีกองทหารรักษาการณ์ของจักรวรรดิ เป็นที่ทราบกันว่ากองทัพพยัคฆ์คำรามมีความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาและอาจแข็งแกร่งกว่าในอดีต มีแม่ทัพคนหนึ่งชื่อเหว่ยกวง แต่เขาไม่ใช่แม่ทัพแห่งกองทัพพยัคฆ์คำราม เขาเพียงแค่รู้จักกับคนพวกนั้น ด้วยเหตุนี้ ความสามารถของเขาไม่อาจรู้แน่ชัด ฟังความจากผู้อื่นอาจเชื่อถือไม่ได้มาก"
การทำงานอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้พวกเขาได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทัพมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงข้อมูลของแม่ทัพใหญ่ แม้ว่าข้อมูลที่พวกเขาได้รับจะไม่ละเอียดเพราะผ่านไปตามกาลเวลา แต่ก็นับว่าดีกว่าครั้งที่ผ่านมา
“ข้าได้ยินมาว่าผู้นำกองทัพพันธมิตรมีนามว่าติงเหวินฉาง เขาเป็นนักวิชาการที่มีความรู้ด้านวรรณศิลป์ แต่ข้าคิดว่าทหารในกองทัพพันธมิตรนี้แท้จริงแล้วประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นนาย อีกทั้งความสามารถในการสู้รบของพวกเขานั้นต่างกับจำนวนไพร่พลเป็นเท่าตัว ดังนั้นแม้จะมีความต่างของกองกำลังทั้งสองฝ่าย แต่ก็ยากที่จะบอกว่าฝ่ายไหนจะชนะในแง่ของปรมาณ" ซูเผยพูดต่อ
กองทัพของติงเหวินฉางมีทหารหนึ่งแสนห้าหมื่น ดังนั้นกองทัพของเขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่าย แม้ว่าพวกเขาจะรวบรวมทหารจากกองทัพตะวันตกมาร่วมกองทัพ แต่เพราะทหารทั้งหมดที่พวกเขามีไม่ถึงหนึ่งแสน ด้วยเหตุนี้กำลังพลของพวกเขาจึงด้อยกว่าฝ่ายศัตรู
ไม่ใช่ว่าฝ่ายฮวงเฟิงจะเสียเปรียบเพียงเพราะกำลังพลที่น้อยกว่า ทว่ากองทัพของพวกเขายังมีทหารมากมากมายอีกทั้งยังมีประสบการณ์การรบกับกองทัพจักรวรรดิ นอกจากนี้พวกเขายังมีกองทัพจักรวรรดิอีกด้วย
“ส่วนเมืองทางเหนือ มีทหารรักษาการณ์หนึ่งหมื่นห้าพันนาย แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับเบี้ยหวัดตามเวลา การคุ้มกันจึงลดลงไปมาก พวกเขามิอาจทราบได้ว่าพวกเขาควรใช้จัดกองกำลังมากน้อยเพียงใด อีกทั้งยังมีภูเขาสูงอยู่ไม่ไหว ด้วยเหตุนี้จึงมีหินมากมายจึงถูกเก็บไว้ภายในเมือง” ซูเผยพูดต่อ
ทุกคนเข้าใจเรื่องประโยชน์ของหินในการล้อมเมือง เพราะนี่คือวิธีที่พวกเขาใช้จัดการกับกองทัพตะวันตก และทุกกองทัพที่อยู่ในมณฑลอื่นของกองทัพจักรวรรดิ
ด้วยเหตุนี้ อาวุธที่พวกเขามีย่อมแข็งแกร่งกว่ากองทัพพันธมิตรในอดีต และมือธนูอาจเป็นยอดฝีมือ หากเป็นเช่นนี้ ทหารรักษาการณ์ประจำเมืองที่ถอนตัวก็ต้องมีฝีมือเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังทำความเข้าใจ ซูเผยจึงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าว “ส่วนทางใต้ถูกกองทัพพันธมิตรยึดไปแล้ว เพราะกองทัพของพวกเขาอ่อนแอมาก พวกเขาไปที่นั่นเพื่อสืบข่าวในเมือง ชาวบ้านต่างไม่พอใจทหารท้องถิ่น จึงให้การสนับสนุนกองทัพพันธมิตรเป็นเหตุให้เมืองถูกยึด ตอนนี้มีคนอ้างว่าพวกเขามีทหารสามหมื่นนาย แต่ข้าว่าพวกเขามีทหารไม่ถึงหมื่นนายและไม่มีอาวุธสงคราม"
สถานการณ์ทั้งสามเมืองได้รับการอธิบายอย่างละเอียด และไม่มีผู้ใดเข้าใจว่าศัตรูทางใต้เป็นเป้าหมายที่ดีที่สุดในการทำสงคราม แต่ถึงอย่างไรผู้ที่ครอบครองพื้นที่นั้นก็คือเหล่าทหารที่เป็นกบฏ
ศัตรูทางตะวันตกนั้นทำศึกด้วยยากที่สุด ไม่ใช่เพราะการป้องกันที่แน่นหนาของมณฑลอู่แต่เป็นกองทัพพยัคฆ์คำรามล้อมรอบมณฑลอู่ทำให้รับมือด้วยยาก
แม้เป้าหมายของพวกเขาคือกองทัพของติงเหวินฉาง แต่หากมณฑลอู่ถูกโจมตี พวกเขาจะไม่นิ่งดูดายและไม่ลงมือเช่นนี้
ส่วนมณฑลหลิวเซียนทางตอนเหนือ แม้การป้องกันของพวกเขาจะไม่แน่หนาแต่ก็มีความได้เปรียบในแนวป้องกัน ดังนั้น การทำศึกกับพวกเขาจึงไม่ใช่เรื่องยาก แม้จะวางแนวป้องกันแต่ก็ได้รับความเสียหายในระดับหนึ่ง
หลังจากซูเผยพูดจบ เขาไม่รีบร้อนถามความคิดเห็นจากผู้อื่นและรอให้พวกเขาคิดไตร่ตรองอยู่เงียบๆ
ในความคิดของเขา คนพวกต้องเลือกโจมตีทางใต้เพราะมีแนวป้องกันอ่อนแอที่สุด แต่เมืองยังคงถูกกองทัพพันธมิตรยึดครอง
ขณะที่ทุกคนกำลังใช้ความคิด จู่ๆ ผู้ใต้บังคับบัญชาก็เข้ามารายงานโดยบอกว่ากองทัพกบฏจากทางใต้ได้ส่งตัวแทนมาที่นี่และต้องการพบซูเผย
“ส่งตัวแทนมาหมายความว่าอย่างไร พวกเขาต้องการแสร้งเป็นพันธมิตรกับเราอย่างนั้นหรือ?” ซูเผยกำลังสงสัย ทว่าคนที่เหลือไม่สามารถเดาได้ว่าคนพวกนั้นกำลังวางแผนอะไร แม้ทุกคนล้วนเป็นทหารผู้ซื่อสัตย์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันบ่อยครั้ง อีกทั้งยังไม่มีฝ่ายไหนเต็มใจยอมรับให้อีกฝ่ายเป็นผู้นำ นี่อาจเป็นความคิดบ้องตื้นของทหารผู้ภักดีโดยเฉพาะทหารที่ตกที่นั่งลำบาก
"ให้เขาเข้ามา" ซูเผยกล่าว
เชียงชั่วครู่ ตัวแทนที่ถูกส่งมาก็ก้าวเข้ามาในห้อง ทว่าท่าทางของเขาทำให้แม่ทัพคนอื่นต่างขมวดคิ้ว คนคนนั้นปั้นหน้าอวดดีขณะจ้องมองพวกเขา ชายคนนี้แทบจะใช้จมูกมองพวกเขาอยู่แล้ว นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงได้โอหังเช่นนี้! แม้แต่ฮวงเฟิงยังหน่ายกับท่าทีของตัวแทนผู้นี้
“ท่านคือแม่ทัพซูเผยใช่หรือไม่ ท่านหัวหน้ารับสั่งให้ข้ามาบอกท่านให้ยอมตกลงแผนการของเราโดยเร็วที่สุด ในภายภาคหน้า ท่านต้องฟังคำสั่งของท่านผู้นำ หาไม่แล้วเราจะนำทัพมาถล่มเมืองให้สิ้นซาก!" เมื่อชายคนนั้นเห็นซูเผยเขาก็ตะโกนออกมาสุดเสียงโดยไม่รอให้ซูเผยได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมา
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved