USB:บบที่ 641 ประชุม
“นายพลซุน เชิญเจ้าพูดก่อน” ฮวงเฟิงเห็นว่าซูเผยกำลังมองมาที่เขาจึงพูดต่อว่า "ความจริงคือข้าไม่ได้อยู่ในกองทัพมาสักพักแล้ว ข้าไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าไหร่"
ฮวงเฟิงกล่าวตามจริง เนื่องจากเขาไม่ได้อยู่ที่นี่มานาน เขาจึงไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกนี้มากนัก
เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงต้องการให้เขาอธิบาย ซุนเหลียงไม่ได้ปฏิเสธและตอบกลับไปว่า "ถ้าอย่างนั้นข้าจะบอกว่าข้ามีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้"
ในตอนนั้น พวกเราทำได้เพียงมองดูยอดฝีมือทั้งสองต่อสู้กัน แม้ว่าสุดท้ายแล้วเราจะเป็นผู้ชนะ ทว่าเราก็ได้สูญเสียพลังไปไม่น้อย ในตอนนี้เราต้องหยุดพักและฟื้นพลัง อีกทั้งกองทัพจักรวรรดิยังถูกพวกเราโจมตี ดังนั้นในเวลาสั้นๆ ตราบใดที่พวกเรายังไม่เคลื่อนไหว ฝ่ายจักรวรรดิก็ไม่มีพลังเพียงพอที่จะควบคุมพวกเราได้ ดังนั้นตอนนี้พวกเรายังคงปลอดภัย
เมื่อซุนเหลียงกำลังอธิบายสิ่งที่เขาคิด ซูเผยฟังเขาเงียบๆโดยไม่แสดงความเห็นใดๆ ในขณะที่คนรอบข้างพากันส่งเสียงร้อง มีหลายคนเห็นด้วยกับความคิดของซุนเหลียง หลังจากที่มีการต่อสู้กันระหว่างสองกองกำลังกองทัพพันธมิตรของพวกเขาได้สูญเสียกองกำลังไปไม่น้อย อีกทั้งทหารที่สามารถยืดหยัดสู้ต่อไปได้นั้นมีน้อยกว่าสี่หมื่นนาย นับเป็นจำนวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับครั้งก่อน
ความจริงแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์ลงเอยเช่นนี้เป็นเพราะการรบกับกองทัพฝั่งตะวันตก แม้ฮวงเฟิงจะรบชนะกองทัพฝั่งตะวันตก แต่ก็ได้สูญเสียกองกำลังไปเกือบหมื่นคน
พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ตายจากไป แต่ขอถอนตัวจากกองทัพอีกทั้งยังพาลูกน้องของพวกเขาไปด้วย ท้ายที่สุด ไม่ใช่ทุกคนที่ไว้วางใจซูเผย นอกจากนี้ หากซูเผยสามารถเป็นอิสระได้ คนอื่นๆ ก็สามารถเป็นอิสระได้เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้นำหลายนายจากกองทัพพันธมิตรนำผู้ใต้บังคับบัญชาเดินทางออกจากมณฑลเม่ยหลังจากเมืองถูกทำลาย
แม้จะมีทหารบางส่วนมาสมทบซูเผยที่มณฑลหลี่หลังจากที่กองทัพพันธมิตรต่างกระจัดกระจายและหลบหนีไปจากมณฑลเมย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทำให้กองกำลังกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง บอกได้แค่ว่ากองทัพพันธมิตรของพวกเขาได้ถอนตัวออกจากกองทัพโดยผู้นำฉีอู่อีกทั้งจำนวนคนก็ค่อนข้างมาก
ดังนั้น สถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้จึงขาดทั้งกองกำลังและอาวุธ แต่ในสงคราม พวกเขาสามารถเอาชนะศัตรูได้หากจิตใจของพวกเขาหนักแน่นและเข้มแข็งพอ
แต่เพราะจิตใจของพวกเขาไม่เข้มแข็งพอที่จะเปลี่ยนแปลงผลแพ้ชนะ เพราะฉนั้นที่ซุนเหลียงพูดมาจึงถูกทั้งหมด
หลังจากได้ยินสิ่งที่ซุนเหลียงพูด ซูเผยยังคงไม่แสดงความเห็น แต่กลับหันไปมองฮวงเฟิง แสดงให้เห็นว่าเขากำลังรอความเห็นจากอีกฝ่าย
ฮวงเฟิงไหวไหล่แล้วพูดว่า “เจ้าช่วยอธิบายให้ข้าเข้าใจมากขึ้นได้ไหม?
เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงไม่เข้าใจสถานการณ์ของเขาจริงๆ ซูเผยจึงช่วยอธิบายให้ฮวงเฟิงเข้าใจมากขึ้น "ได้ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง"
ต้องบอกว่าตอนนี้ภูมิภาคต่าง ๆ ยังไม่สงบสุข เพราะมีการก่อกบฏเหมือนพวกเราอยู่มาก ทั้งกบฏกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ แต่เพราะมีกบฏมากเกินไป คนของจักรวรรดิจึงไม่สามารถจัดการพวกเขาได้ทั้งหมด
ตอนนี้ พวกเขาทำได้เพียงรับมือกับกลุ่มกบฏที่มีขนาดใหญ่กว่าเท่านั้น ส่วนการทำศึกขนาดย่อมนั้น พวกเขาไม่สน
“ถ้าหากว่าเราไม่เข้ายึดมณฑลเมย และหยุดพักที่มณฑลหลี่หรือเมืองเล็กๆ บางแห่ง คนของจักรพรรดิก็จะเลิกสนใจพวกเรา ดังนั้น หากเราใจเย็นสักหน่อย คนของจักรพรรดิอาจทำตามที่นายพลซุนพูดและเลิกสนใจพวกเราชั่วคราว เพราะพวกเขายังมีกบฏที่ต้องปราบปรามไม่น้อย”
“ในกองทัพฝ่ายกบฏ มีไม่ต่ำกว่าสิบกลุ่ม โดยที่แต่ละกลุ่มจำนวนมากกว่าหนึ่งแสนคน ดังนั้น จำนวนคนของเราจึงไม่ดึงดูดความสนใจของจักรวรรดิ”
“นอกจากนี้ ลับหลังพวก อาณาจักรของจื่อเฟิงได้บุกรุกและเข้ายึดชายแดนได้มากกว่าสิบแห่งแล้ว ขณะที่ฝั่งตะวันตก พวกจันทร์ดับก็กำลังวางแผนต่อกรกับเราเช่นกัน” ซูเผยกล่าว
เมื่อได้ยินซูเผยพูดแบบนั้น ฮวงเฟิงก็ลอบถอนใจ ราชวงศ์ในตอนนี้ช่างน่าสังเวชจริงๆ ทั้งการก่อกบฏภายในและการบุกรุกจากภายนอก นี่เป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังจะถูกล้างอำนาจ!
ในประวัติศาสตร์จีน ทุกครั้งที่ราชวงศ์ต่างๆถึงคราวอวสานก็มักจะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเสมอ บางคนถึงกับเป็นทุกข์ยิ่งกว่าเขาเสียอีก ไม่แปลกที่ซูเผยจะบอกว่าความวินาศได้มาเยือนโลกใบนี้แล้ว
ฮวงเฟิงสังเกตเห็นคำพูดเหล่านั้นผ่านดวงตาของซูเผยในตอนที่เขาพูดประโยคสุดท้าย เช่นเดียวกับท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อยของอีกฝ่ายที่ฮวงเฟิงสังเกตเห็น แน่นอนว่าซูเผยต้องรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นวีรบุรุษปรากฏตัวในตอนที่โลกเกิดความวุ่นวาย!
“ผู้นำซู ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า” ฮวงเฟิงไม่ได้แสดงความเห็น ในทางกลับกันเขาเลือกที่จะถามซูเผยในสิ่งที่เขาสงสัย และคำที่เขาใช้เรียกซูเผยก็ได้เปลี่ยนจากนายพลซูเป็นผู้นำซู
“อะไรครับ ว่ามาเลย” ซูเผยตอบ
“ข้าอยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เจ้าต้องการ ผู้นำซู เจ้าต้องการต่อสู้เพื่อโลกใบนี้หรือต้องการยึดเมืองและรอให้โลกสงบและได้รับคำยกยอ” ฮวงเฟิงหันไปมองอีกฝ่ายแล้วถาม
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวงเฟิง ทุกคนต่างก็มองไปทางซูเผย พวกเขารู้สึกกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้เช่นกัน ทว่าสิ่งที่ซูเผยต้องการนั้นมผลต่อการตัดสินใจของพวกเขาในอนาคตเป็นอย่างมาก
ซูเผยคิดไม่ถึงว่าฮวงเฟิงจะถามอะไรแบบนั้น เขาถึงกับชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “แน่นอนว่าข้าต้องการต่อสู้กับเหล่ายอดฝีมือในอาณาจักร! ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ชีวิตของเราต้องไม่สูญเปล่า นี่เป็นหน้าที่ที่เราต้องทำในโลกที่วุ่นวายใบนี้!”
ในตอนที่ซูเผยพูด ใบหน้าของเขาเผยความตื่นเต้น เขาไม่เพียงคิดไตร่ตรองคำถามนี้ในวันนี้ เขาได้ทำมันลงไปแล้ว และเขาไม่ได้ยินดีกับการเป็นแค่คนธรรมดา ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่เลือกที่จะพาคนของตนออกมาด้วยตัวเองหลังจากที่แยกทางกับผู้นำฉีอู่
ส่วนคนอื่น ๆ หลังจากได้ยินคำพูดของซูเผยยกเว้นฮวงเฟิงต่างแสดงท่าทางตื่นเต้นออกมา ชายที่สามารถค้ำจุนแผ่นฟ้าและฝืนดินได้ควรใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญและมีชีวิตที่สงบสุข หากแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ โดยเฉพาะกับสถานการณ์ในตอนนี้ที่ไม่ได้เลวร้ายนัก พวกเขาก็แค่ไม่อยากนั่งนิ่งๆเท่านั้น
“ในเมื่อนั่นเป็นสิ่งที่นายพลซูต้องการ ข้าคิดว่าพวกเราควรใช้ประโยชน์จากที่พวกเราเป็นฝ่ายได้เปรียบตามล่าพวกเขา ดีกว่าค่อยๆ เข้าใกล้พวกเขา” ฮวงเฟิงว่า
ดวงตาของซูเผยเป็นประกายอีกครั้ง เขามองไปที่ฮวงเฟิงแล้วถามว่า "โอ้ ทำไมนายพลฮวงถึงคิดแบบนั้นละ?"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved