ตอนที่ 284

USB:บทที่ 284 ร่วมประชุม

สองวันต่อมา ฮวงเฟิงก็ไปทำงานตามปกติ ในขณะที่ฝึกวิชาอยู่นั้น เขาโทรหาคนที่โรงงานเพื่อถามไถ่เรื่องต่างๆ

ความคืบหน้าในโรงงานเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากนั้นฮวงเฟิงก็เก็บอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ที่โรงงานกับคนงาน

หลังจากซื้อมันแล้ว เขาก็จะทุ่มเงินเพื่อพัฒนามัน

การที่มีกัวเหลียงและคนอื่นๆที่พยายามทำงานอย่างเต็มที่ ภายในเวลาสั้นๆ อีกไม่กี่วัน โรงงานของเขาก็พร้อมเปิดตัว

“พรุ่งนี้ โรงงานก็จะเริ่มผลิตอย่างเป็นทางการแล้ว ในฐานะบอส ฉันขอถามนายว่าไม่คิดจะโผล่หน้ามาที่นี่เลยรึไง?” กัวเหลียงพูดแกล้งฮวงเฟิงผ่านทางโทรศัพท์

โชคดีที่ความสามารถของเขานับว่าไม่เลวนะ ในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วันเขาก็สามารถทำตามขั้นตอนต่างๆได้ แน่นอนว่าเขาต้องเสียเงินไปมากเช่นกัน

แต่เพื่อให้ขั้นตอนทั้งหมดสำเร็จได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฮวงเฟิงหรือกัวเหลียง ทั้งคู่ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าสิ่งที่เขาต้องแลกจะเป็นเงินก็ตาม

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาจะรู้สึกเหนื่อยล้า แต่เขายังออกไปสังสรรค์และยิ้มได้ กัวเหลียงมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำมาก

เพราะถึงยังไงมันเป็นธุรกิจของเขา และแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสุดยอดอุปกรณ์ที่ฮวงเฟิงพูดถึงก่อนหน้านี้จะมีประโยชน์อะไร หรือจะเป็นสินค้าที่ตีตลาดได้หรือไม่ แต่เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก

“รู้แล้วน่า พรุ่งนี้ฉันไปอยู่แล้ว!” ฮวงเฟิงตอบกลับด้วยความเคอะเขิน

ในเวลานี้ เขากำลังทำงานอย่างหนัก ในฐานะเจ้าของบริษัททำให้กัวเหลียงและคนอื่นๆยุ่งมาก ดังนั้นเขาเลยรู้สึกละอายใจเล็กน้อย

เนื่องจากว่าพรุ่งนี้เป็นวันเริ่มการผลิตอย่างเป็นทางการของโรงงาน แน่นอนว่าฮวงเฟิงจะต้องปรากฎตัวที่โรงงาน ถ้าหากพรุ่งนี้ เขาไม่ไปที่นั่นมันคงจะดูเห็นแก่ตัวเกินไป

หลังจากวางสายจากกัวเหลียง ฮวงเฟิงก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่เฮฟเว่นไพร์กรุ๊ป ตั้งแต่วันที่พวกเขาได้พบกันในศูนย์อาหาร หลายครั้งที่ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวได้เข้ามาทักทายและพูดคุยกับฮวงเฟิงราวกับว่าเขาไม่ได้เป็นแค่ผู้จัดการของรปภ. แต่กลับเป็นผู้บริหารในบริษัทคนหนึ่ง

เรื่องนี้ทำให้ฮวงเฟิงไม่เข้าใจพวกเธอเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ถามกลับเพราะเขาเองก็มีธุรกิจของตัวเองรออยู่ การได้มีส่วนร่วมกับเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปเช่นนี้ทำให้เขาสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และมีประโยชน์ต่อตัวเขาที่เป็นเจ้าของธุรกิจในภายภาคหน้า

หลังจากที่ได้รับการยืนยันว่าถงเฉียนจุนคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด เซี่ยเมิ่งเจียวก็รีบต่อสายไปหาอีกฝ่ายทันที

แต่แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้น แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับแล้ว แต่ถงเฉียนจุนก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ความ

ถ้าหากอีกฝ่ายแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เซี่ยเมิ่งเจียวก็ไม่มีทางได้รับคำตอบจากอีกฝ่ายแน่ เพราะฉะนั้นเธอจึงต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเท่านั้น

เท่านี้ก็รู้แล้วว่าถงเฉียนจุนกำลังคิดอะไรอยู่ อีกฝ่ายไม่ต้องการเจรจากับเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปอย่างสันติ อีกฝ่ายต้องการเล่นงานเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ป

แม้ว่าเธอจะไม่รู้เหตุผลที่อีกฝ่ายทำแบบนั้น ในเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหว เธอก็ต้องหาวิธีรับมือ

“ผมว่าเราควรเปิดหน้าร้านเป็นของตัวเองนะครับ” ภายในห้องทำงานของซูหยูโม่ ฮวงเฟิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

ภายในห้องทำงานของซูหยูโม่ตอนนี้ เซี่ยเมิ่งเจียวและผู้บริหารคนอื่น ๆ กำลังตกลงกันว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

“ความคิดเข้าท่า นอกจากนี้ เราเพิ่งลงทุนไปไม่น้อย ถ้าเราทำได้ดี เราอาจเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้เช่นกัน” ซูหยูโม่เป็นคนแรกที่เห็นด้วยกับแนวคิดของฮวงเฟิง

สินค้าก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่ถูกวางขายภายในห้างสรรพสินค้าแทนที่จะนำมาขายเอง นอกจากนี้ยังส่งขายให้กับร้านเสริมสวยและร้านค้าอื่น ๆ อาจกล่าวได้ว่าพวกเขายังไม่มีหน้าร้านเป็นของตัวเองเลย

แน่นอนว่าการเปิดร้านนั้นไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ อย่างแรก พวกเขาต้องลงทุนมากขึ้น เพราะถ้าพวกเขามีหน้าร้านเป็นของตัวเอง ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

อย่างที่สองคือพวกเขายังไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้ และอย่างสุดท้ายคือพวกเขาเพิ่งเริ่มทำธุรกิจได้ไม่กี่ปีที่ หากแบรนด์ของพวกเขายังไม่ได้เป็นที่ยอมรับจากสังคม พวกเขาก็จะขาดทุน

นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนกังวล หากพวกเขาล้มเหลวในการเปิดหน้าร้าน ธุรกิจของเขาก็อาจจะขาดทุนมากขึ้น แต่ถ้าหากประสบความสำเร็จ มันก็จะกลายเป็นโอกาสในการพัฒนาบริษัทของพวกเขา

“มาทำกันเถอะ!” เซี่ยเมิ่งเจียวว่า

ในแง่ของการพัฒนาในเชิงบวก ทั้งเธอและซูยูโม่ไม่เคยขาดความมั่นใจเลยสักนิด ทั้งสองไม่ใช่คนประเภทที่รู้แค่ว่าจะลอยกลางน้ำได้อย่างไรเท่านั้น

ในเมื่อตอนนี้บริษัทกำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด มันจะต้องช่วยให้พวกเขาเปิดร้านเองได้อย่างแน่นอน

เมื่อเห็นว่าประธานทั้งสองคนเห็นด้วยกับคำแนะนำของฮวงเฟิง คนที่เหลืออยู่จึงไม่คัดค้านหรือมีข้อโต้แย้งใดๆ

สำหรับฮวงเฟิงแล้ว พวกเธอได้ให้ความสนใจกับเขามากขึ้น เพราะเขาสามารถเข้าร่วมการประชุมในหัวข้อการพัฒนาของบริษัท

นอกจากนี้เจ้านายยังรับฟังความคิดเห็นของเขา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญมากต่อท่านประธานทั้งสองคน

สำหรับการซื้อวัตถุดิบ คนที่อาศัยอยู่ในเมืองชิงมีวัตถุดิบที่ไม่ตรงตามความต้องการของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจซื้อจากต่างเมืองก่อน

แม้ว่าต้นทุนจะสูงขึ้น แต่เซี่ยและซูหยูโม่ก็ยังยืนยันที่จะทำมัน ตราบเท่าที่พวกเธอสามารถเอาชนะความยากลำบากนี้และผ่านมันไปได้ ผู้ขายจะต้องรีบวิ่งมาขอร่วมมือกับเธอถึงหน้าบริษัทแน่นอน

ส่วนฮวงเฟิงที่ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นกับเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ป โดยเฉพาะกับซูหยูโม่ เขาเองก็มีความประทับใจที่ดีต่อบริษัทไม่น้อย เขาจึงหวังว่าเธอจะก้าวผ่านปัญหานี้ไปได้

"อ้อ ใช่แล้ว ผู้จัดการฮวงเฟิง เราจะเชิญหลี่ปิงอวิ๋นมาเป็นนางแบบให้บริษัท เธอจะมาถ่ายโฆษณาให้เราภายในอีกไม่กี่วันนี้" ก่อนที่การประชุมจะสิ้นสุด ซูหยูโม่ก็หันไปพูดกับฮวงเฟิง

“หลี่ปิงอวิ๋น?” ฮวงเฟิงตกใจ จากนั้นเขาก็เริ่มคิดว่าครั้งนี้บริษัทจะต้องขาดทุนแน่!

แน่นอนว่าฮวงเฟิงเคยได้ยินชื่อของหลี่ปิงอวิ๋น เธออายุไม่มากเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายนี้มานานแล้ว แต่ชื่อเสียงของเธอก็ได้เป็นที่รู้จักไปทั่วแม่น้ำทางตอนเหนือและตอนใต้

นอกจากเธอจะมีหน้าตาที่ไร้ที่ติแล้ว เธอยังมีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงและการแสดงอีกด้วย แม้ว่าละครและภาพยนตร์ที่เธอแสดงในโทรทัศน์จะมีไม่มาก แต่ทุกเรื่องก็นับว่าเป็นอันดับต้น ๆ ที่ได้รับการการันตียอดขายและความโด่งดังของเธอ

เรียกได้ว่าหลี่ปิงอวิ๋นเป็นหนึ่งในดาราหญิงที่มีเสน่ห์ดึงดูดมากที่สุดในแวดวงบันเทิง เธอเป็นทั้งนักแสดงที่งดงามและเป็นไอดอลที่มีคุณภาพคนหนึ่ง

บอกเลยว่าค่าตัวที่ต้องจ่ายเพื่อเชิญเธอคนนี้มาเป็นนางแบบให้บริษัทนั้นไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ!