ตอนที่ 643

USB:บทที่ 643 สถานการณ์

นอกจากนี้ ซูเผยยังเข้าใจสถานการณ์นี้ดีกว่าฮวงเฟิงเพราะฮวงเฟิงเพิ่งมาถึงที่นี่ อีกทั้งซูเผยรู้ว่ารอบมณฑลโดยรอบการคุ้มกันของกองทัพจักรวรรดินั้นอยู่เหนือการคาดการของคนทั่วไป

นี่เป็นสาเหตุที่ซูเผยส่งเสริมผู้นำฉีอู่ให้โจมตีเมืองที่อยู่รอบๆโดยเร็วที่สุด หากพวกเขาไม่สู้ในตอนนี้ กองทัพจักรวรรดิก็จะย้อนกลับมาจัดการพวกเขา หรือไม่จักรวรรดิอาจถูกกองทัพพันธมิตรอื่นเข้ายึดครอง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆล่ะก็พวกเขาก็ไม่อาจมีชีวิตที่สงบสุขได้อีกแล้ว

มีเพียงผู้นำฉีอู่เท่านั้นที่ไม่ฟังความเห็นของซูเผย และหลังจากนี้ เขาไม่ต้องการเห็นหน้าซูเผยอีก แล้วแบบนี้ คนพวกนั้นยังจะฟังเขาอีกหรือ?

ดังนั้นเมื่อซูเผยนึกถึงตรงนี้ เขาได้ไตร่ตรองหลายสิ่งที่เขาไม่อาจคาดหวัง สิ่งนี้ทำให้ซูเผยมีความสุขมาก

สำหรับนายพลคนอื่นๆ ฮวงเฟิงยังทำให้พวกเขาเชื่อมั่นและเห็นด้วยเรื่องการขยายอำนาจ แต่การขยายอำนาจนั้นจะเป็นอย่างไรและทิศทางไหนก็ยังเป็นปัญหาเช่นกัน

“ทิศตะวันตกเป็นมณฑลอู่ที่ควบคุมโดยจักรพรรดิและมีทหารรักษาการณ์ไม่แน่นหนา แต่ไม่ไกลจากมณฑลอู่มีกองทัพจักรวรรดิประจำการอยู่ที่นั่น แม้ว่าเป้าหมายของพวกเขาคือฝั่งตะวันตก กองทัพพันธมิตร แต่ถ้าเราจะโจมตีมณฑลอู่ พวกเขาต้องให้การสนับสนุนพวกเราแน่” ซูเผยกล่าว

หลังจากตัดสินใจว่าจะขยายอำนาจ พวกเขาก็ไม่แยกย้ายกันไป การหารือยังคงดำเนินต่อไป แต่หัวข้อสนทนาได้เปลี่ยนไปเป็นการขยายอำนาจและทิศทางในการดำเนินการ

ซูเผยรู้ว่าฮวงเฟิงยังไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยรอบ ดังนั้นเขาจึงวิเคราะห์และอธิบายสถานการณ์ให้อีกฝ่ายเป็นการส่วนตัว

“เมืองทางเหนือของเรายังอยู่ภายใต้การควบคุมของจักรพรรดิที่มีชื่อว่ามณฑลหลิวเซียน ทหารรักษาการณ์ไม่แน่นหนาอีกทั้งยังไม่มีทหารประจำการอยู่รอบๆ แต่มีแนวป้องกันเมืองที่ดีกว่าและมีคูเมืองที่กว้างกว่าในทางใต้” ซูเผยพูดต่อ

“ดังนั้น เราทำได้เพียงมุ่งหน้าไปยังทางเหนือและโจมตีมณฑลหลิวเซียนเท่านั้นหรือ?” ซุนเหลียงมองไปที่ซูเผยแล้วถาม

“หากเราโจมตีหลิวเซียน เราก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่ากองทัพจักรวรรดิที่ประจำการทิศตะวันตกจะไม่ไปช่วยพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลจากมณฑลหลิวเซียนมากกว่ามณฑลอู่ แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็สามารถทำอย่างนั้นได้หากพวกเขาต้องการจริงๆ" ฮวงเฟิงกล่าว

“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป? ไปยังทางใต้หรือ? การทำศึกกับกองกำลังพันธมิตรในเวลานี้เกรงว่าจะไม่เหมาะ” แม้คนพวกนั้นจะไม่ได้รับคำสั่งแต่ก็มีเป้าหมายเดียวกันคือการต่อต้านจักรวรรดิ ก่อนที่จักรวรรดิจะถูกโค่นล้ม พวกเขาไม่ได้เสียผลประโยชน์ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาไม่ยินดีที่จะเสียผลประโยชน์แน่นอน

“ข้าคิดว่าข้อมูลที่เราได้รับมานั้นยังไม่มากพอเช่น เราไม่รู้จำนวนคนที่สามารถเข้าร่วมสงครามทางใต้ จำนวนทหารรักษาการณ์ในมณฑลหลิวเซียนและมณฑลอู่ ทหารของกองทัพจักรวรรดิที่ประจำการอยู่ใกล้มณฑลอู่ ความสามรถของพวกทหารและนายพล หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวของกองทัพพันธมิตรที่กองทัพต้องเตรียมรับมือ” ฮวงเฟิงตอบ

พวกเขาไม่เคยคิดที่จะรวบรวมข้อมูลสำคัญของฝ่ายศัตรู จึงมีหลายสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ พวกเขาเข้าใกล้คำว่าคนตาบอดอยู่รอมร่อที่พอรู้ว่าศัตรูกำลังโจมตีก็ตอนที่อีกฝ่ายยกทัพมาถึงอีกฟากของเมืองแล้ว พวกเขาต้องสืบหาข้อมูล เพราะมันเป็นข้อมูลที่คลุมเคลือมาก

ดังนั้นเมื่อฮวงเฟิงถามคำถามนี้ออกไป ก็ไม่มีทหารพันธมิตรคนใดมีข้อมูลนี้ แม้แต่ซูเผยเองก็ไม่ทราบเรื่องนี้ มันทำให้เขาได้เข้าใจความแตกต่างระหว่างกองทัพของจักรวรรดิและกองทัพของสามัญชน

“ข้าจะส่งคนไปสืบเรื่องนี้ทันที!” ซูเผยกล่าว ถึงอย่างไรเขาก็ทราบดีว่าตนเองควรรู้จักศัตรูเป็นอย่างดี แต่ก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้เป็นผู้นำกองทัพพันธมิตร ดังนั้นแม่ทัพหลายนายจึงไม่มีอำนาจในการจัดการเรื่องนี้

“แน่นอนว่ายิ่งรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แท้จริงแล้วโลกกำลังเกิดความวุ่นวาย การแอบเข้าไปล้วงข้อมูลจากคนในพื้นที่จึงเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เมื่อได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์แล้วเราก็สามารถกำหนดทิศทางที่จะเดินต่อไปได้" ฮวงเฟิงพูดต่อว่า "เรื่องที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือรวบรวมกองทัพตะวันตกและฝึกทหารหน้าใหม่"

แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะตกลงขยายอำนาจ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะต้องทำศึกในวันนี้หรือพรุ่งนี้ แค่วางแผนและเตรียมการที่นี่เท่านั้น ก่อนลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง พวกเขายังมีหลายสิ่งที่ต้องจัดการ

ซูเผยพยักหน้าตอบ เขาเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี มีหลายสิ่งที่เขาต้องเตรียมให้พร้อมก่อนออกทัพ ทั้งการรวบรวมกองทัพ เสบียงอาหาร

เดิมทีซูเผยต้องให้ฮวงเฟิงเป็นคนจัดการเรื่องต่างๆ แต่เขาก็ถูกฮวงเฟิงปฏิเสธเพราะเขาไม่ถนัดเรื่องการสร้างกองทัพและคัดเลือกทหารจากกองทัพตะวันตก และการสร้างกองทัพไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ ถึงตอนแรกเขาจะไม่ได้ต่อต้าน แต่การมอบหน้าที่นี้ให้ผู้อื่นจัดการอาจดีกว่า

ซูเผยรู้ว่าฮวงเฟิงกำลังคิดอะไร ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บังคับอีกฝ่าย ในช่วงนี้ เขาคงต้องปล่อยให้ฮวงเฟิงจัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน

ในตอนที่ฮวงเฟิงกลับมาถึงที่พักก็ใกล้เที่ยงแล้ว หนิงอู๋ซวงกำลังรอเขามาทานอาหารกลางวันด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน หนิงอู๋ซวงไม่ต้องรักษาระยะห่างกับฮวงเฟิงอีก

“โอ้ จริงสิ หนิงอู๋ซวง ตอนนี้แม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน ได้ข่าวอะไรบ้างไหม?” ขณะที่กำลังทานอาหาร จู่ๆ ฮวงเฟิงก็ถามขึ้นมา ตอนนี้เขารู้เรื่องที่พ่อของหนิงอู๋ซวงถูกที่ปรึกษาโกวทุบตีจนตาย แต่แม่ของนางยังไม่ตายและได้พลัดหลงกับหนิงอู๋ซวงในภายหลัง

เมื่อได้ยินคำถามจากฮวงเฟิง หนิงอู๋ซวงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นนางก็ตอบเขาเสียงเศร้า "ท่านหายตัวไป เหมือนกับเสี่ยวซุย หญิงสาวทุกคนในตระกูลของเราถูกที่ปรึกษาโกวจับไปขายที่จักวรรดิ ขณะที่เด็กและผู้หญิงที่งดงามอย่างข้าถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”

ที่ปรึกษาโกวต้องการหาเงินให้ได้มากที่สุด ดังนั้นเขาจึงหยิบทุกอย่างมาใช้เป็นเครื่องมือในการหาเงิน