ตอนที่ 545

USB:บทที่ 545 เหลวไหล

"พี่น้องทหารทุกท่าน จงเตรียมตัว เตรียมใจให้พร้อม พวกเราจะไม่มีวันยอมเป็นเหมือนครั้งที่แล้ว  ซึ่งทำให้กองทัพตะวันตกของเราต้องเสื่อมเสีย! ครั้งนี้เราจะต้องกู้ชื่อเสียงของกองทัพตะวันตกเรากลับมาให้ได้!" ซั้วไค่ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันหนักแน่นและดุดัน

"รับทราบ!" เสียงตอบรับอย่างกระตือรือร้นดังก้องขึ้นรอบ ๆ ตัวนายพล

ท่ามกลางทหารเหล่านี้ ยังมีทหารบางคนที่เคยติดตามเกอรุยไปรบที่เมืองเม่ยรวมอยู่ด้วย คำพูดของซั้วไค่ทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจ ถ้าหากไม่เป็นเพราะการตายอย่างกระทันของเกอรุย ซึ่งเป็นผู้บัญการการกองทัพ พวกเขาก็คงจะไม่แตกพ่ายกลับมาแบบนั้น  การตายของผู้นำทำให้พวกเขาสูญเสียความมั่นใจ

"ท่านนายพลไม่ต้องห่วงขอรับ ครั้งนี้พวกเราต้องฆ่าพวกมันแล้วก็ล้างอายให้กับกองทัพของเราได้แน่!"

"ใช่ ฆ่ามัน แค้แค้นให้กับพี่น้องของเรา!"

"สั่งสอนไอ้ลูกไม่มีพ่อพวกนั้นให้รู้จักความแข็งแกร่งของกองทัพตะวันตกของเรา!"

แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ให้กับศึกที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็ยังมีเหตุผลที่จะสู้รบต่อไป เพราะความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้ด้อยกว่าใคร คนดังนั้นพวกเขาก็ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งไปกว่าพวกเขาได้ เวลานี้พวกเขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวสักนิด

"เอาละ ข้ารู้เป้าหมายของพี่นองทุกคนแล้ว ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราต้องล้มล่างกลุ่มกบฏพวกนั้นให้ได้!" ซั้วไค่ป่าวประกาศต่อหน้าทหารใต้บังคับบัญชาของเขาทุกคน

"รับทราบ!"

สองวันต่อมา ทหารฝีมือดีจำนวน 50,000 นายได้เดินทางไปถึงเมืองเม่ย เตรียมพร้อมที่จะโค่นล้มผู้นำฉีอู่

"ท่านผู้นำยังไม่ตื่นอีกเหรือ?"

ด้านนอกจวนที่พักของเจ้าเมืองเม่ย ชายวัยกลางคนหนึ่งเอ่ยถามสาวรับใช้ขึ้น ถึงแม้ว่าผู้นำฉีอู่จะยึดเมืองอื่น ๆ อีก สอง สาม ได้แล้ว แต่เขาก็ยังเลือกเมืองเม่ยแห่งนี้เป็นที่มั่น เหตุผลหลักเป็นเพราะเขาอาศัยอยู่ในเมืองเม่ยมาเป็นเวลานานแล้ว การใช้ที่นี่เป็นที่บัญชาการในเวลานี้จึงเหมาะสมที่สุด แน่นอนว่ามีอีกเหตุผลหนึ่งที่คนอื่นไม่รู้ และนั่นคือผู้นำฉีอู่เชื่อว่าเมื่องเม่ยคือเมืองแห่งโชคลาภของเขา ทำให้สามารถเอาชนะอยู่กองทัพของราชสำนักได้ ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์กองกำลังของเขาเป็นรอง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากออกไปจากดินแดนแห่งโชคลาภแห่งนี้

ในเวลานี้ท้องฟ้าเริ่มมีแสงสีทองสาดส่องสงมาบ้างแล้ว แต่ผู้นำฉีอู่ก็ยังไม่ยอมออกมาจากห้องนอนอีก เขาอาจจำกำลังหลับอยู่ สาวใช้ผู้ทำหน้าที่รับใช้ท่านผู้นำ รู้ดีว่ากว่าผู้นำฉีอู่จะตื่นก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว เมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว สาวใช้จึงตอบไปทันที "ยังเลยเจ้าค่ะ กว่าท่านผู้นำจะตื่นก็น่าจะอีกสักสี่ชั่วโมงเห็นจะได้เจ้าค่ะ"

"ข้ามีเรื่องด่วน ท่านผู้นำฉีอู่นับวันยิ่งแย่ลงทุกวัน!" ทหารคนที่สวมชุดเกราะคนนั้น พูดขึ้น เพราะรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของผู้นำฉีอู่

"นายพลซู ระวังคำพูดหน่อย!" ทันใดนั้นเอง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ทหารคนนั้น ด้วยท่าทางตำหนิเขาอย่างเห็นได้ชัด "ผู้นำฉีอู่ คือคนที่ท่านสามารถพูดถึงเยี่ยงนั้นได้หรือไงกัน?!"

"ถ้าหากไม่ใช้เพราะคนต่ำช้าเช่นท่าน คอยแต่ประจบประแจงเมื่อต่อหน้าท่านผู้นำ มีหรือที่ท่านผู้นำจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้!" ทหารติดคนที่สวมชุดเกราะติดอาวุธคนนั้น ซึ่งถูกเรียกว่านายพลซู ได้ตำหนิขึ้นโดยที่ไม่ไว้หน้าผู้ชายคนนั้นสักนิด นอกจากนั้นแล้วน้ำเสียงที่เขาใช้ยังเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว

วันทั้งวัน ผู้ชายคนนี้มัวแต่หมกมุ่นอยู่สิ่งที่ผู้นำฉีอู่ชอบ คอยสรรหาสมบัติล้ำค่าและ หายาก รวมถึงสาวสวยมามปรนเปรอท่านผู้นำ และทั้งหมดนี้ทำให้ความทะเยอทะยานและกระตือรือร้นในตัวท่านผู้นำค่อยเหือดหายไป ทันทีที่ผู้ชายคนนั้นได้ยินคำพูดของนายพลซู ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ

"ซูเป่ย หยุดพูดจาใส่ร้ายข้าเสียที! ท่านผู้นำมีอะไรเสียหาย? พวกเราต่างก็ภักดิ์ดีดีต่อท่านผู้นำฉีอู่เหมือน ๆ กัน หยุดทำหลายชื่อเสียงเสียงพวกเราได้แล้ว!"

"ชื่อเสียงของพวกท่านนะเหรอ? เหอะ พวกเศษสวะ!" นายพลซูพูดขึ้นพร้อมกับแสดงท่าทางดูหมิ่น จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับสาวใช้ว่า "เมื่อท่านผู้นำถึงจะตื่นแล้ว ให้บอกว่าข้ามีเรื่องจะรายงาน" เมื่อสั่งความจบนายพลซูก็ไม่ให้ความสนใจผู้ชายอีกที่ยังคงบืนอยู่ตรงนั้นอีกเลย จากนั้นเขาก็หันหลังแล้วเดินจากไป การกระทำของนายซูเป่ยสร้างความไม่พอใจให้กับอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก ผู้ชายคนนั้นจ้องแผนหลังของซูเป่ย  ที่ค่อย ๆ เดินจากไปด้วยความเกลียดชัง

คำพูดของนายพลซูไม่ผิดแม้แต่น้อย การคนพวกนี้สามารถเสวยสุขอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะความเสียสละในสนามรบ หากเป็นเพียงเพราะเขาพูดในสิ่งที่ผู้นำฉีอู่ชอบฟังและทำในสิ่งที่เขาชอบ  ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาได้รับการสนับสนุนจนสามารถอยู่ในมีฐานะอยู่ตำแหน่งทุกวันนี้ได้  อย่างไรก็ตามคนพวกนี้ไม่เคยนึกละอายแก่ใจเลยสักนิด ถึงแม้ว่าจะรู้ว่ามีคนจำนวนมากที่ทั้งดูถูกและเหยียดหยามพวกเขา  โดยเฉพาะซูเป่ยคนนี้ เนื่องจากเขาเป็นคนที่ติดตามผู้นำฉีอู่มาก่อน อีกทั้งเขายังมีส่วนร่วมในการทำสงครามหลายต่อหลายครั้ง ซูเป่ยไม่เคยเห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตา

สี่ชั่วโมงต่อมา ผู้นำฉีอู่ก็หาวขึ้นท่ามกลางการปรนนิบัติของหญิงสาวสองคน หลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินออกมาจาห้องนอนด้วยสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นบนใบหน้า จากท่าทางอิดโรยของเขาบ่งบอกให้รู้ได้ว่าตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเขาแทบไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ และสาเหตุนั้นสามารถรู้ได้จากสภาพของหญิงสาวทั้งสองคนที่อยู่บนเตียงนอนของเขา สาวใช้คนนั้นไม่ทันจะได้รายงานคำพูดของซูเป่ย จู่ ๆ ผู้ชายคนนี้โต้เถียงกับซูเป่ยก็ปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน เขาสามารถกะเวลาตื่นนอนในทุก ๆ วันของผู้นำฉีอู่ได้อย่างแม่นยำ

"ท่าผู้นำพึ่งตื่นหรือขอรับ? หรือว่ายังไม่ได้นอนกันแน่จอรับเนี่ย?" ผู้ชายคนนั้นถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงเป็นใย

"ไม่หรอก มีเรื่องอะไรรึเปล่า?" ผู้นำฉีอู่ถามขึ้นทันทีเมื่อตื่นขึ้น

ที่จริงแล้วเขาก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้ในช่วงนี้ บรรดาเมืองต่าง ๆ ที่อยู่โดยรอบนั้นล้วนได้รับความเสียหาย และทรุดโทรมลงอย่างมากหลังจากที่ถูกโจมตีโดยกองกำลังของเขา

"ไม่มีอะไรนี่ขอรับ" ผู้ชายคนนั้นพูด "แต่ว่ามีคำพูดบางคำ ไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่"

เมื่อเห็นความรู้สึกลังเลบนใบหน้าของผู้ชายคนนั้น ผู้นำฉีอู่จึงตวาดขึ้นด้วยความไม่พอใจ  "พูดมา!" สิ่งที่เขาเกลียดที่สุกก็คือการที่คนของเขาแอบทำเรื่องบางอย่างลับหลังเขา และนั่นทำให้เขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย

"ขอรับ" การแสดงออกของเขาทำให้ผู้นำฉีอู่พึงพอใจมาก มีเพียงแต่ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชายังคงเชื่อฟังเขาเท่านั้น ที่จะทำตำแหน่งของเขายังคงปลอดถัย

"ช่วงนี้ ข้ามักได้ยินบางคนพูดถึงท่านผู้นำในทางเสียหาย พวกเขาพูดกันว่าตอนนี้ท่านผู้ไร้ซึ่งความทะเยอทะยานแล้ว บ้างก็พูดกันอีกว่าท่านผู้นำเอาแต่บ้าสมบัติ และผู้หญิง จนทำไม่หลงเหลือไว้ซึ่งความทะเยอทะยานอยู่อีกเลย?"

"พอ! นี่มันไร้สาระสิ้นดี!" สีหน้าของผู้นำฉีอู่หม่นหมองลง "ใครเป็นคนพูด!"