ตอนที่ 572

USB:บทที่ 572 ช่วยฉัน

"เอามันไปเปลี่ยน ฉันไม่ชอบ!" ถังมู่เสวี่ยพูดขึ้นอย่างเย็นชา

เมื่อฮวงเฟิงได้ยินดังนั้น เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ไม่สามารถจบลงได้ง่ายแน่ สังเกตได้จากท่าทีของหญิงสาวในตอนนี้ อย่างไรก็ฮวงเฟิงได้เรียกให้บริกรนำกาแฟของถังมู่เสวี่ยไปเปลี่ยน

ในตอนแรกที่บริกรตะลึงในความงามของถังมู่เสวี่ย แต่ต่อมาเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความร้ายกาจที่ส่งผ่านทะลุออกมาจากตัวเธอ เขาก็รีบจากไปทันที

"ผมต้องขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ มันเป็นเพราะความเข้าใจผิด" ในฐานะผู้ชาย ฮวงเฟิงจึงเป็นฝ่ายขอโทษเธอเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมานั้นมันจะข้ามคืนมาแล้ว แต่เมื่อฮวงเฟิงพูดถึงมันอีก มันก็ยากที่ในใจของหญิงสาวจะรู้สึกเขินอาย และกระดากใจขึ้นมาอีก อย่างไรก็ตามเธอไม่แสดงให้อีกฝ่ายได้เห็น

"เข้าใจผิดอย่างนั้นเหรอ? ฉันเกรงว่าสำหรับเรื่องเมื่อวาน ไม่น่าจะใช้คำว่าเข้าใจผิด ถูกต้องหรือเปล่า?"

การที่ฮวงเฟิงเลือกใช้คำว่าเข้าใจผิดยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับถังมู่เสวี่ยมากขึ้นอีก ถ้าหากในตอนนั้นทั้งสองเลือกที่จะแยกออกจากกัน ก็อาจจะใช้คำว่าเข้าใจผิดได้  ฮวงเฟิงก็ไม่ต้องแบกรับความรู้สึกผิดเช่นนี้ ถึงแม้ว่าถังมู่เสวี่ยจะไม่พอใจที่ต้องเสียจูบแรกให้กับความเข้าใจผิดของเขา แต่เขาก็ไม่ต้องคิดมากขนาดนี้ แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ทั่งคู่ไม่ได้แยกออกจากกันหลังจากที่ริมฝีปากของพวกเขาได้สัมผัสกัน

นอกจากนั้นลิ้นของฮวงเฟิงยังโลมเลียรอบฝีปากเธอ ย่อมเป็นธรรมดาที่ถังมู่เสวี่ยไม่รู้ว่าการกระทำทั้งหมดของฮวงเฟิงนั้นเป็นเพราะขาดสติ หรือมีจุดประสงค์ในตัวเธอ และนั่นก็คือเหตผลที่มีเรื่องเลยเถิดขึ้นหลังจากนั้น

"เอาละ ดูเหมือนจะใช้คำว่าเข้าใจผิดไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ" ฮวงเฟิงพูดขึ้นอย่างใจเย็น "เรื่องนี้เป็นความผิดผมเอง ผมขอโทษ"

"แค่ขอโทษ?" น้ำเสียงของถังมู่เสวี่ยยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยน และท่าทางที่ดูเป็นมิตรก่อนหน้านี้ เธอจะยิ้มให้ทุกครั้งเมื่อพวกเขาได้พบกับ ได้เปลี่ยนไปสู่หญิงสาวหน้าตะสะสวยแต่เยือกเย็นดุจภูเขาน้ำแข็ง ความสวยงามของเธอ และการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เห็นได้ชัดว่ามันไม่เหมาะที่จะใช้กับฮวงเฟิงเลย

"แล้วคุณจะเอายังไง?" ก่อนที่เขาจะมา เขาได้เตรียมใจไว้แล้ว ตราบใดที่ข้อเรียกร้องของถังมู่เสวี่ยไม่มากเกินไป เขาก็พร้อมจะตกลง

คำพูดของฮวงเฟิงทำให้ถังมู่เสวี่ยถึงกับตะลังงัน อย่างไรก็ตามตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเธอได้พยายามคิดหาวิธีวางตัวกับฮวงเฟิง และจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นโดยตลอด จนกระทั่งได้ยินคำถามนี้จากปากของเขาอีกครั้ง จนป่านนี้เธอก็ยังคิดหาวิธีที่ดีจัดการกับปัญหานี้ไม่ได้เลย

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฮวงเฟิงคบหาอยู่กับซูหยูโม่ อีกทั้งระหว่างพวกเขาทั้งสองคนเคยมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน ดังนั้นเธอจึงทำอะไรเขาไม่ได้ อย่างไรก็ตามถังมู่เสวี่ยก็ไม่คิดจะปล่อยฮวงเฟิงไปง่าย ๆ เช่นนี้

จากนั้นจู่ ๆ ถังมู่เสวี่ยก็นึกถึงปัญหาใหญ่ที่กำลังเผชิญอยู่ขึ้นมาได้ ถ้าฮวงเฟิงต้องการเป็นอิสระจากเธอเขาต้องช่วยให้เธอบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ และนี่คือทางออกที่ดีที่สุด ถ้าเธอสามารถบรรลุเป้าหมายได้ ก็เท่ากับว่าตัวเธอไม่ได้เสียอะไรไป ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องที่จัดการได้ยาก ในเมื่อเรื่องมันก็เกิดขึ้นมาแล้วเธอสามารถใช้มันต่อรองกับฮวงเฟิงได้ เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ริมฝีปากของถังมู่เสวี่ยก็คลี่ยิ้มออกมา และเมื่อฮวงเฟิงเห็นรอยยิ้มนั่น ด้วยเหตุผลบางอย่างบอกให้เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

"ฮวงเฟิง เราสองคนก็เคยคบหากันมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องเมื่อวาน เราก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ฉันเองก็ไม่ยากทำให้คุณต้องลำบากใจ ถ้าคุณพอจะช่วยอะไรฉันอย่างหนึ่งได้ เรื่องที่เกิดขึ้นก็ถือว่าแล้วกันไป" ในที่สุดภูเขาน้ำแข็งบนใบหน้าถังมู่เสวี่ยได้หายไป เหลือไว้แต่เพียงรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์เหมือนอย่างเช่นเคย

"อะไร?" ฮวงเฟิงเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังตัว

"ง่ายมาก ช่วยให้ฉันหลุดพ้นจากการบงการของครอบครัวฉัน ให้ฉันได้มีอิสระ!" ดวงตาของถังมู่เสวี่ยจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของฮวงเฟิงขณะพูด  และในขณะที่เธอพูดคำว่า "อิสระ" ดวงตาของเธอก็ส่องแสงประกายระยิบระยับขึ้น

"หลุดพ้นจากการบังคับอย่างนั้นเหรอ? ช่วยให้คุณเป็นอิสระ?" ฮวงเฟิงยังคงงุนงกับคำพูดของเธอ สิ่งที่เขารู้มา ถังมู่เสวี่ยมากมายไปด้วยอิสระเสรี เธอจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ

"ถูกต้อง" ถังมู่เสวี่ยกล่าว "คุณคงคิดว่าชีวิตฉันมีอิสระมากสินะ? ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด ตั้งแต่ตอนฉันยังเด็กทุก ๆ อย่างก็ถูกจัดวางไว้ให้ฉันเสร็จสับ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน วิชาที่เรียน คนที่จะเป็นเพื่อนกับฉัน สิ่งที่ฉันทำได้ และห้ามทำ และอื่นอีกมากมาย ตั้งแต่ฉันเกิดมา ฉันไม่เคยมีอิสระ" เมื่อถังมู่เสวี่ยพูดถึงสิ่งต่าง ๆ พวกนี้ ใบหน้าของเธอก็เผยให้เห็นความไม่พอใจบางอย่าง ความรู้สึกอยากต่อต้าน ฮวงเฟิงไม่ได้ปริปากพูดอะไร และก็ไม่ได้ยับยั้งการระบายความรู้สึกของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวมีเรื่องราวมากมายที่อยากพูด ซึ่งอาจจะเก็บกดอยู่ในใจเธอมานาน

"ที่จริงแล้วเรื่องพวกนี้ฉันสามารถทนได้ทั้งหมด เพราะอย่างน้อยแล้วฉันก็รู้ว่าชีวิตฉันยังดีกว่าคนอื่น ๆ อีกมาก ฉันกินดี แต่งตัวดี สามารถใช้ของดี ๆ ได้ ฉันเข้าใจดีว่าสามารถรับของพวกนี้ได้ก็เมื่อแลกกับอิสระ" ถังมู่เสวี่ยยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ

"แต่สิ่งเดียวที่ฉันไม่สามารถยอมรับได้ นั่นคือการแต่งงานของฉันเองที่ฉันไม่มีสิทธิเลือก  ฉันมีสิทธแค่ต้องทำตามเท่านั้น ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะโง่เง่ามากแค่ไหน แน่นอนเพื่อหน้าตาของครอบครัว ถึงแม้ว่าผู้ชายที่พวกเขาเลือกให้ฉันจะทั้งโง่และเลวทราม พวกเขาก็ไม่สน ฉันไม่อยากแต่งงานกับคนที่ฉันไม่ได้เลือก และไม่อยากให้ชีวิตฉันต้องแปรอะเปื้อนโคลนสกปรก!"

"ฉันสามารถก่อตั้งบริษัทได้ถ้าฉันต้องการ ฉันสามารถอยู่ที่นี่ได้ถ้าฉันอยากอยู่ อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงภาพลวงตา ล้วนไม่จีรัง เนื่องจากสอง สามปีมานี่ ก่อนที่การแต่งงานของฉันจะมาถึง ฉันมีหลายอย่างที่อยากทำด้วยตัวฉันเอง ฉันอยากแต่งงานกับคนที่ฉันเลือกและอยู่กับเขาไปจนแก่ ที่จริงแล้วครอบครัวของฉันได้รบเร้าฉันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว แต่ฉันก็พยายามบ่ายเบี่ยงไปทุกครั้ง  แต่ฉันเข้าใจเรื่องนี้มานานแล้ว ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมทำตามสิ่งที่ครอบครัวจัดหาไว้ให้"

ถังมู่เสวี่ยพูดอยู่ฝ่ายเดียวอย่งไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ไม่สนใจว่าฮวงเฟิงจะรับฟังเธอหรือไม่ เรื่องนี้ไม่ว่าเธอจะต่อต้านอย่างไรก็ตาม เธอเก็บงำคำพูดพวกนี้มานาน สุดท้ายแล้วเธอได้มีโอกาสระบายออกในวันนี้ เธอรู้สึกถ้าหากเธอไม่พูดออกมาให้หมด เธอคงต้องอกแตกตาย ดังนั้นไม่ว่าฮวงเฟิงจะช่วยเธอหรือไม่ หรือว่าเพียงแค่เธอหาคนที่พอรับฟังเธอความในใจของเธอได้ก็ตาม ถังมู่เสวี่ยก็ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด