ตอนที่ 288

USB:บทที่ 288 เฝ้ารอ

ในตอนนี้ กัวเมิ่งหานได้เข้าสู่โหมดเก็บตัวและอ่อนแอเหมือนเดิมแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของฮวงเฟิง จู่ๆเธอก็รู้สึกอายขึ้นมา

“จริงๆแล้วพวกเราก็สนิทกันนะ” กัวเมิ่งหานตอบ ไม่รู้ว่าเธอกำลังอธิบายหรือปิดบังกันแน่

ในตอนนี้เธอรู้สึกอายกับสิ่งที่ได้ทำลงไปไม่น้อย ตอนนี้ ฮวงเฟิงก็ได้รู้ว่าเธอเป็นฝ่ายยอมและไม่ตอบโต้ทั้งเลยเหมือนอย่างที่เธอทำในวันนี้ แต่เขาอาจจะคิดมากเกินไป เอาเป็นว่าช่างมันก็แล้วกัน

ฮวงเฟิงพยักหน้าและตอบว่า "แต่ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้ทุกเมื่อเลยนะ"

ฮวงเฟิงรู้ว่าเกาเมิ่งหานรู้สึกอึดอัด แต่เขาก็จะไม่ถามถ้าอีกฝ่ายยังไม่พร้อม เพราะถ้าเขาพูดออกไป เกรงว่าจะทำให้กัวเมิ่งหานอึดอัดมากกว่าเดิม

ส่วนเหตุผลที่ก่อนหน้านี้ ฮวงเฟิงไม่ได้พูดอะไรเป็นเพราะเขาทราบดีว่ากัวเมิ่งหานอยากพักที่นั่นต่อ

หลังจากที่ทั้งสองคนกลับมาถึงห้องของฮวงเฟิง ทั้งสองก็เริ่มทานอาหารเย็นด้วยกัน ดูเหมือนว่ากัวเมิ่งหานจะลืมความหงุดหงิดก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น เธอได้คุยกับฮวงเฟิงอย่างเป็นกันเอง

ฮวงเฟิงสังเกตเห็นว่าจริงๆแล้วกัวเมิ่งหานไม่ใช่คนที่ชอบเก็บตัว เมื่อได้อยู่ต่อหน้าคนที่รู้จัก เธอเองก็เป็นคนช่างพูดไม่น้อย

“พรุ่งนี้นายต้องไปที่โรงงานนะ ถ้านายไม่ไป ฉันว่าพี่เหลียงคงได้เป็นบ้าตายแน่” เมื่อพูดถึงโรงงานแล้ว เกรงว่ากัวเมิ่งหานจะจำท่าทางลุกลี้ลุกลนของกัวเหลียงได้ จากนั้นเธอก็หัวเราะขึ้นมาในตอนพูดกับฮวงเฟิง

"รู้แล้วน่า เจอกันที่นั่นพรุ่งนี้เช้า สองสามวันมานี้เธอคงเหนื่อยไม่น้อยเลยสินะ ขอบคุณนะ" ฮวงเฟิงกล่าว

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย จริงๆ ฉันมีความสุขมากเลยนะ สภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่นั่นดีกว่าที่บริษัทที่ฉันเคยทำตั้งเยอะ” กัวเมิ่งหานว่า

ความจริงแล้ว นี่คือความแตกต่างระหว่างบริษัทใหญ่และบริษัทเล็ก มีช่องทางการพัฒนามากมายในบริษัทใหญ่ แต่ในนั้นก็มีคนนิสัยไม่ดีอยู่ไม่น้อย

แม้ว่าในบริษัทเล็กๆอาจไม่มีความก้าวหน้าและพนักงานเทียบเท่าบริษัทใหญ่ แต่อย่างน้อยความสัมพันธ์ของทุกคนในนั้นก็รักใคร่กลมเกลียวกัน

อาทิเช่นกัวเหลียง พวกเขาทั้งสอง และพนักงานคนอื่นต่างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

ขณะที่ทั้งสองกำลังทานอาหารและพูดคุยกัน เวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ทั้งสองทานอาหาร เสร็จ กัวเมิ่งหานก็เก็บถ้วยชามที่ใช้แล้วใส่กระเป๋าและกลับห้องตัวเองไป

"เฮ้ เธอกลับมาแล้วเหรอ? ฉันคิดว่าเธอจะออกไปค้างกับแฟน..."

หลังจากกัวเมิ่งหานกลับถึงห้อง หญิงสาวทั้งสองกำลังดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น ในตอนที่พวกเธอเห็นว่ากัวเมิ่งหานกลับมา พวกเธอก็ได้เบนความสนใจจากโทรทัศน์ไปที่กัวเมิ่งหานทันที

แต่กัวเมิ่งหานกลับเมินพวกเธอเหมือนกับก่อนหน้านี้ เธอทำเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ยินอะไร เหมือนเสียงนั้นเป็นเพียงแค่เสียงลมไม่มีผิด

ท่าทางที่พวกเมิ่งหานปฏิบัติต่อพวกเธอนั้นได้ทำให้ทั้งสองสาวหงุดหงิดไม่น้อย

"เธอว่าแฟนของยัยนั่นจะพักอยู่แถวนี้ไหม?" เมื่อเห็นว่ากัวเมิ่งหานไม่สนใจและกำลังจะไปล้างจานในครัว หญิงสาวทั้งสองก็เริ่มซุบซิบกัน

ก่อนหน้านี้ ตอนที่กัวเมิ่งหานกับวงเฟิงเดินออกไป ทั้งสองคนสังเกตเห็นว่า กัวเมิ่งหานกับฮวงเฟิงถือถุงอาหารไว้ในมือ ในเมื่อกัวเมิ่งหานกลับมาพร้อมจานเปล่า แสดงว่าทั้งสองต้องนำอาหารไปทานที่อื่นแน่นอน

“ฉันว่าไม่” หญิงสาวอีกคนตอบ "เธอไม่รู้จักยัยนั่นรึไง ก็แค่เด็กบ้านนอกจนๆคนหนึ่ง ถ้าแฟนของยัยนั่นพักอยู่แถวนี้จริงๆ เธอคงย้ายไปอยู่กับเขาและจะประหยัดค่าเช่าไง”

"เออ ก็จริง แต่ฉันว่าหมอนั่นอาจจะแชร์ห้องกับคนอื่นก็ได้ ทั้งสองเลยไม่ได้อยู่ด้วยกันไง? เธอไม่คิดอย่างนั้นเหรอ?"

"ไม่มีทางย่ะ ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ ฉันว่าสองคนนั้นคงอยู่ด้วยกันแล้ว ไม่แยกกันอยู่หรอก เชื่อฉันสิ"

"ที่เธอพูดมาก็ถูก หรือว่าสองคนนั้นจะเป็นคนคุยกัน อาจจะไม่ใช่แฟนกันก็ได้นะ ตอนที่พวกเราพูดจาไม่ดีใส่ยัยนั่น หมอนั่นไม่เห็นพูดอะไรสักคำ"

"ใช่!"

ขณะที่กัวเมิ่งหานกำลังล้างจาน เธอไม่รู้เลยว่ารูมเมทสองคนของเธอกำลังพูดถึงเธออยู่ หรือไม่ก็เธออาจจะรู้ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะเธอเองก็ชินกับเรื่องแบบนี้แล้ว

หากแต่ในโชคร้ายมักมีโชคดี แม้ว่าเธอจะได้พบเจอกับคนนิสัยไม่ดีมามาก แต่เพียงแค่เธอได้รู้จักกับคนที่ดีต่อเธอเพียงไม่กี่คนอย่างกัวเหลียง โจวหรูหลานและฮวงเฟิง เธอก็รู้แล้วว่าทั้งสามปฏิบัติดีต่อเธอ และปฏิบัติกับเธอในฐานะมิตรแท้

หลังจากที่กัวเมิ่งหานกลับไป ฮวงเฟิงก็ไปอาบน้ำและไปเปิดกล่องจักรวาล แต่เขากลับไม่เห็นว่าจะมีสิ่งของอยู่ในนั้นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้รับของบางอย่างมาจากกล่องจักรวาล แต่มันกลับไร้ประโยชน์ เขาคิดว่าของพวกนั้นเป็นของเล่นสำหรับเด็ก ดังนั้น ฮวงเฟิงจึงโยนมันเข้าไปในแหวนมิติทันที และเฝ้ารอวันที่กล่องจักรวาลนำสิ่งของดีๆมาให้เขาอีกครั้ง

เช้าวันรุ่งขึ้น ฮวงเฟิงไม่ได้ไปที่บริษัท แต่เดินทางไปที่โรงพยาบาลและพาชิวหนิงช่วงกลับบ้าน

เมื่อวานเขาบอกซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวว่าขอลาหนึ่งวัน เซี่ยเมิ่งเจียวไม่ได้พูดอะไรให้มากความและไม่ได้ผลักไสเขา

แต่ฮวงเฟิงกลับคิดว่าช่วงนี้ เขาจะขอลาบ่อยเกินไป ถ้าเขาทำงานที่บริษัทอื่นเขาคงถูกเจ้านายด่าจนอกแตกตายแน่

ในทางกลับกัน ที่เฮฟเว่นไพร์ ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวกลับไม่เคยว่าเขา และอนุญาตให้เขาลางานโดยไม่ถามเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้ขอลางานเลยสักครั้ง

ในอีกด้านหนึ่งที่โรงพยาบาล แม่ของชิวหนิงช่วงกำลังช่วยลูกสาวเก็บของเตรียมกลับบ้าน ในขณะที่พ่อของเขากำลังพูดคุยกับหมอ เขาเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของลูกสาวไม่น้อย

ส่วนชิวหนิงช่วงที่จ้องมองประตูเพื่อรอให้ใครบางคนปรากฏตัวนั้นรู้สึกเบื่อแทบตาย

"หนิงช่วง ลูกลองเช็คดูอีกทีสิว่าลืมอะไรไหม" แม่ของชิวหนิงช่วงพูดกับเธอ

“ไม่มีแล้ว คุณแม่ไปเก็บของของตัวเองเถอะค่ะ” ชิวหนิงช่วงตอบโดยไม่แม้แต่จะหันไปมองผู้เป็นแม่

"เจ้าลูกคนนี้นิ..." แม่ของชิวหนิงช่วงที่เห็นท่าทางของลูกสาวตัวเองถึงกับต้องเดินไปพูดกับเธอว่า "มีอะไร รอใครอยู่เหรอ? กำลังรอฮวงเฟิงอยู่ละสิ? เขาไม่ได้บอกลูกเหรอว่าเขาจะมากี่โมง? ป่านนี้แล้วทำไมเขายังไม่มาอีก?"

“เดี๋ยวเขาก็มาแล้วค่ะ เขาสัญญากับหนูว่าเขาจะมา เขาก็ต้องมาสิคะ” ชิวหนิงช่วงตอบ แม้ว่าเธอจะมั่นใจมากว่าฮวงเฟิงจะมา แต่ลึกๆแล้วเธอเองก็กลัวว่าฮวงเฟิงจะไม่ทำตามสัญญา

"ถ้าวันนี้เขากลับคำ ไม่ยอมมาตามที่พูด แม่จะหักคะแนนเขาซะเลย" แม่ของชิวหนิงช่วงตั้งใจพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

"นี่คุณแม่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ?" แม้น้ำเสียงของชิวหนิงช่วงจะฟังดูเก้อเขิน แต่จริงๆแล้วเธอกำลังกลัวว่าถ้าหากวันนี้ฮวงเฟิงไม่มา พ่อแม่ของเธอจะต้องไม่ปลื้มอย่างแน่นอน