USB:บทที่ 597 คิดการใหญ่
"ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว ข้าหวังต้าเหนียวทำทุกอย่างตรงไปตรงมา! นายพลซูท่านคือคนที่ข้าให้ความนับถือ ถึงแม้ว่าในตอนนี้ท่านจะไม่มีอำนาจแล้ว ข้า หวังต้าเหนียวก็ยังคงเคารพท่าน!" หวังต้าเหนียวกล่าว
ได้ยินดังนั้นซูเป่ยก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนคำพูด เขาเข้าใจถึงลักษณะนิสัยของอีกฝ่ายดี หวังต้าเหนียวเป็นคนชัดเจนไม่ซับซ้อน การเปลี่ยนความคิดของเขาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย คนเช่นนี้สามารถคบหาด้วยได้ง่าย ตราบใดที่อีกฝ่ายมีลักษณะนิสัยถูกคอกัน เขาก็จะไม่สนใจถึงฐานะของคุณ
"นายพลซู ท่านคิดว่าครั้งนี้เราจะขับไล่ข้าศึกข้างนอกนั่นได้หรือไม่?" จู่ ๆ หวังต้าเหนียวก็ตามขึ้น
ที่จริงแล้วนี่คือเหตผลที่เขามาในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาวิตกกังวลในศึกครั้งนี้ การเติบโตขึ้นมาท่ามกลางภัยสงครามทำให้เขามีสัญชาติญาณบางอย่างเกี่ยวกับสงครามที่เกิดขึ้น หลังจากที่กองทัพเข้าประชิดเมือง เขาก็ได้เดินทางไปยังชายแดนเพื่อสำรวจดูค่ายของศัตรูอยู่ไกล ๆ เขารู้สึกได้ว่านี่กองทัพตะวันตกที่ยกมาครั้งนี้ไม่ใช่กองทัพธรรมดา ไม่เหมือนกับครั้งก่อน
สัญชาตญาณของเขาจึงบอกให้รู้ว่าศัตรูที่อยู่ข้างนอกนั่นไม่สามารถจัดการได้ง่าย ด้วยเหตุนี้เขาจึงมาที่นี่เพื่อฟังความคิดเห็นของซูเป่ย ผู้ซึ่งเขาชื่นชมมากที่สุด
"ข้าเองก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกัน" ซูเป่ยส่ายหน้าแล้วพูดต่ออีกว่า "อย่างที่ท่านเคยบอกไว้ ก่อนที่เราจะยึดเมืองเม่ยได้ ครั้งหนึ่งเราเคยมีชัยเหนือกองทัพตะวันตกมาแล้ว และครั้งนี้ก็คงน่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ข้ากลับรู้สึกว่าครั้งนี้พวกเขาตั้งใจที่จะยกทัพกลับมา อีกอย่างข้าเองก็ไม่มีข้อมูลอะไรทีพอจะแนะนำท่านได้ ทุกอยากเป็นเพียงแค่ความรู้สึกและการคาดเดาเท่านั้น"
"นายพลซู ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้น วันนี้ตอนที่ข้าไปสอดแนมค่ายของศัตรู พบว่าพวกมันแข็งแกร่งขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว ส่วนเรื่องที่ว่ามันแข็งแกร่งขึ้นอย่างไรนั้น ข้าหวังต้าเหนียวไม่สามารถบอกได้" หวังต้าเหนียวพูดขึ้นด้วยความรู้สึกกระดากใจ
"หมายความว่าท่านยังไม่ได้รายงานสิ่งที่ท่านเห็นนะสิ?" ซูเป่ยถามขึ้น
"ข้าพูด ทำไมข้าจะไม่พูดเล่า เมื่อท่านพูดถึงเรื่องนี้ ก็ทำให้ข้ารู้หงุดหงิดขึ้นมา" หวังต้าเหนียวพูดขึ้นด้วยความรู้สึกไม่พอใจบนใบหน้า "พวกเขาล้วนคิดว่า ข้ากลัวและคิดมากไปเอง แล้วก็ไล่ข้าออกมา"
แม้ว่าซูเป่ยจะไม่ได้เข้าร่ามหารือการศึกในช่วงนี้ แต่ก็รู้ดีว่าเหล่าบรรดาผู้นำที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรล้วนชะล้าใจกับศึกในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่พวกเขาเคยโจมตีจนอีกฝ่ายแตกพ่ายกลับไปรวมถึงประสบการณในการทำศึกที่ผ่านมา ทำให้พวกเขลำพองใจ กองทัพพันธมิตรที่เต็มไปด้วยความเต็มไปด้วยขวัญและกำลังใจถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องดีต่อการทำศึกสงครามแต่สิ่งนี้ก็ส่งผลต่อการตัดสินใจของพวกเขาด้วย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่อันตรายมาก น่าเสียดายที่ซูเป่ยไม่มีตำแหน่งรับผิดชอบในตอนนี้ แม้ว่าเขาอยากที่จะเตือนผู้นำเหล่านั้น ก็คงไม่มีใครรับฟังเขา ดังนั้นเขาก็ได้แต่นึกหวั่นอยู่ในใจเท่านั้น
"พวกเจ้าจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม" ซูเป่ยกล่าว
"ท่านนายพลซู ข้ายินดีจะเชื่อฟังท่าน ไม่ว่าท่านจะสั่งให้ข้าทำอะไร ข้าก็พร้อมที่จะทำตาม" หวังต้าเหนียวกล่าว
"ดี!" แม้ว่าหวังต้าเหนียวจะไม่มีกำลังทหารในมือมากนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย ด้วยกำลังทหารที่มากกว่าหนึ่งพันนายในมือ ตอนนี้พวกเขาก็นับว่าพอมีประโยชน์อยู่บ้าง
มีทหารจำนวนมากในกองกำลังข้าศึกทีเคยร่วมทำศึกในครั้งที่ผ่านมา ทว่าในครั้งนั้นพวกเขากลับต้องพ่ายกลับไปพร้อมกับความทรงจำที่เลวร้าย สาเหตของการแตกพ่ายในครั้งนั้นเป็นการตายของนายพลผู้นำทัพ ทำให้เหล่าทหารรู้สึกเสียขวัญและสับสน ไม่รู้ว่าจะทำอะไรนอกจากจะหนีทัพ
แต่ครั้งนี้พวกเขากลับมาพร้อมกับจุดประสงค์แห่งการแก้แค้น กองทัพพันธมิตรแสดงความเย้ยหยันพวกเขาจากความพ่ายแพ้เพียงแค่ครั้งเดียวทำให้พวกเขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องการพิสูจน์ให้คนในเมืองได้รู้ว่ากองทัพตะวันตกที่กลับมาในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเหมือนอย่างเช่นครั้งที่ผ่านมาก
เมื่อตั้งค่ายเสร็จซั่วไค่ไม่ได้เข้าไปพักผ่อนในทันที ด้วยฐานะนายพลผู้นำทัพ เขารู้ดีว่าหน้าที่ของตัวคือต้องนำพาให้ทหารที่อยู่ภายใต้บัญชาการปลอดภัยมากที่สุด และด้วยเหตผลนี้ทันทีที่พวกเขาตั้งค่ายเสร็จเขาก็ยังคงอยู่ร่วมกับเหล่าทหารทั้งหลาย แม้กระทั่งดื่มกินและพูดคุยกับทหารของตัวเอง ซึ่งเป็นการสร้างความรู้สึกเป็นกันเองกับเหล่าทหารใต้บัญชาการ และการที่ปรากฏตัวอย่างต่อเนื่องของเขาทำให้เหล่าบรรดาทหารรู้สึกมีขวัญและกำลังใจมากขึ้น
"ท่านนายพล ทหารของพวกเรามีขวัญและกำลังใจที่ดีมาก พรุ่งนี้พวกเขาพร้อมที่จะล้างความอับอายของพวกเขาแล้ว" ทหารรับใช้คนหนึ่งได้พูดขึ้นกับซั่วไค่
ซั่วไค่พยักหน้าอย่างพอใจ นี่คือสิ่งที่เข้าต้องการจะเห็น ขวัญและกำลังใจของทหารเป็นสิ่งสำคัญ และเมื่อพวกเขามีกำลังใจฮึกเหิมก็จะสามารถมีชัยได้แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้าอยู่กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าก็ตาม
"หลังจากตั้งค่ายเสร็จแล้ว จัดทหารเวรยามให้แน่นหนา ส่วนพี่น้องทหารคนที่เหลือก็ให้พักผ่อนกันให้เต็มที่ พวกเขามีหน้าที่ภาระใหญ่ให้ต้องทำ ทุกคนล้วนเหนื่อยล้ากันมามาก เมื่อได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มแล้ว พรุ่งนี้เราจะก็จะสามารถบุกเข้าเมืองเม่ยได้" ซั่วไค่กล่าว
"ไม่ต้องห่วงขอรับ กำแพงเมืองเม่ยไม่สามารถคุ้มกันพวกมันได้อีก และคนที่อยู่ข้างในนั่นไม่มีทางหนีการโจมตีของพวกเราได้แน่น" ทหารรับใช้ผู้นั่นพูดขึ้นด้วยความเชื่อมั่น
"ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากพรุ่งนี้ผลงานของเจ้าไม่เป็นที่ปรากฏก็อย่าโทษที่ข้าต้องลงโทษเจ้าตามกฎทหาร!" ซั่วไค่กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ
"รับทราบขอรับ!" "รับทราบ" เหล่าทหารคุกเข่าลงรับคำสั่ง ทุกคนสมานสามัคคีร่วมกันเป็นหนึ่ง ความตั้งใจเข่นฆ่าของเหล่าทหารที่ตั้งค่ายอยู่นอกเมืองนั้นไม่ต่างจากผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเลย อย่างไรก็ตามความตั้งใจเข่นฆ่าในเมืองนี้ไม่ได้มีต่อทหารที่ตั้งค่ายอยู่นอกเมือง หากแต่พวกเขาตั้งใจที่จะล้มล้างตระกูลใหญ่ในเมืองเม่ย
"ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์! ไม่เคยสมคบคิดกับศัตรู! เจ้ากำลังใส่ร้ายข้า! ข้าต้องการพบท่านผู้นำ ข้าเคยบริจาคทรัพย์สินให้เขาตั้งมากมาย พวกเจ้าจะทำกับเช่นนี้กับข้าไม่ได้!"
ในเวลานั้นที่หน้าบ้านตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง ปรากฏทหารจำนวนหนึ่งขึ้น ทุกคนกวัดแกว่งอาวุธในมือขณะที่มองดูผู้ที่กำลังบุกรุกเข้ามาในบ้านด้วยจุดประสงค์ชั่วร้าย จากนั้นภายในบ้านก็ไม่สงบสุขเหมือนอย่างเช่นเคย ทหารกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปในบ้าน หรือค้นข้าวของทุกอย่างแล้ววางรวมกันไว้ตรงกลางบ้าน
ทันใดนั้นเจ้าบ้านของบ้านก็รีบพากันวิ่งออกมาดูเหตการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคน ตะโกนใส่ทหารพวกนั้นด้วยความโกรธ อย่างไรก็ตามพวกเขาถูกทหารล้อมเอาไว้ไม่มีททางหลบหนี้ไปไหนได้ ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือเจ้าของบ้านผู้นำของตระกูลนี้ ครอบครัวของเขาทำธุรกิจเกี่ยวค้าใหม และพูดได้ว่าเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในเมืองเม่ย อย่างไรก็ตามตอนบ้านหนิงต้องพบเจอกับสถานการณ์เลวร้าย พวกเขากำลังถูกคุกคามจากทหารพวกนี้! เมื่อตอนที่ผู้นำฉีอู่บุกเขายึดเมืองเม่ย เขาได้คอยให้ความสนับสนุนผู้นำฉีอู่ด้วยหวังว่าจะปกป้องตระกูลของเขาจากการถูกรุกรานโดยทหารของผู้นำฉีอู่ ถึงแม้ว่าต่อไปเมืองเม่ยแห่งนี้อาจจะถูกทางการยึดกลับไป แต่เขาก็สามารถกล่าวอ้างได้ว่าการสนับดังกล่าวอ้างได้ว่าเงินที่เขาได้สนับสนุนให้ไปนั่นเป็นเพราะถูกบังคับ
อย่างไรก็ตามหลังจากสังเกตมาได้ระยะหนึ่ง เขาก็พบว่าเมืองเม่ยแห่งนี้ไม่น่าจะตกอยู่ภายใต้การนำของผู้นำได้อีกต่อไป เนื่องจากทหารที่ไร้ซึ่งระเบียบวินัยของเขา อีกทั้งพวกเขายังไม่มีจิตวิญญาณแห่งนักสู้เลย เพราะฉะนั้นดูเหมือนว่าพวกเขาไม่น่าที่จะต้านทานกองทัพขององค์จักรพรรดิได้อีกต่อไป
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved