ตอนที่ 233

USB:บทที่ 233 ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ

“อืม...” ซูหยูโม่ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะชอบมันจริงๆหรือไม่ ก็มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้คำตอบ

การประมูลยังคงดำเนินต่อไปและราคาที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างช้าๆ  “ผู้จัดการหยวน ดูท่าแล้ว ซูหยูโม่แห่งเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปต้องการประมูลภาพวาดนี้นะครับ”

ในเวลาเดียวกัน ในกลุ่มของผู้จัดการหยวนนั่งไม่ไกลจากซูหยูโม่นัก หนึ่งในนั้นเห็นท่าทีของซูหยูโม่เขาก็รีบพูดกับผู้จัดการทันที เมื่อผู้จัดการหยวนได้ยินดังนั้น เขาจึงหันไปมองซูหยูโม่ เป็นไปตามคาด เขาเห็นเธอประมูลอีกครั้ง จากนั้น เขาก็เลือกที่จะยกป้ายประมูลขึ้นเพื่อร่วมประมูลของชิ้นนี้ด้วยอย่างไม่ลังเลใจ

หนึ่งในเหตุผลที่ผู้จัดการหยวนมาที่นี่ในวันนี้คือเพื่อสร้างปัญหาให้กับซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียว เขาเป็นตัวแทนที่ทรงอิทธิพลของเมืองชิงและตอนนี้เขาก็ได้กลายเป็นปฏิปักษ์กับเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปเรียบร้อยแล้วหลังจากที่เขามาที่นี่ เช่นนั้นเขาไม่ได้คิดที่จะใช้โอกาสในวันนี้เพียงแค่ทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน ในขณะเดียวกันเขาใช้ช่วงเวลานี้เพื่อบ่งบอกถึงความทรงอิทธิพลและความมีอำนาจของเขาไปด้วย

ในตอนแรกซูหยูโม่ไม่รู้ว่าผู้จัดการหยวนและคนอื่น ๆ ร่วมประมูลด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีคนจำนวนมากเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เธอจะเห็นหน้าผู้เข้าร่วมประมูลทุกคน  แต่อย่างไรก็ตาม ขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ผู้เข้าร่วมประมูลคนอื่น ๆ เริ่มเสนอราคาประมูลแข่งกันน้อยลง

"ผู้ชายคนนั้นน่ารำคาญจริง ๆ เขาตั้งใจต้อนพวกเราทั้งก่อนหน้านี้และตอนนี้ด้วย เขากำลังสู้กับพี่หยูโม่เพียงเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจจริง ๆ" เซี่ยเมิ่งเจียวที่อยู่ข้าง ๆ สังเกตเห็นการกระทำของผู้จัดการหยวนแล้วขมวดคิ้ว

ซูหยูโม่ยกป้ายประมูลขึ้นโดยไม่ลังเลขึ้นอีกครั้ง

"เอาล่ะครับ ตอนนี้หมายเลข 35 ราคาประมูลอยู่ที่เจ็ดแสนห้าหมื่นหยวน มีใครให้ราคาได้สูงกว่านี้ไหมครับ? ผมต้องบอกก่อนว่าภาพวาดนี้เป็นของสะสมที่หายากจริงๆ แม้ว่าภาพอู๋ทงจื่อภาพนี้จะยังไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่จุดเด่นของมันก็ไม่ได้มีน้อยไปกว่าภาพวาดที่มีชื่อเสียงอื่นๆเลย ในอนาคตภาพวาดชิ้นนี้อาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นก็เป็นได้" เจ้าหน้าที่ประมูลกล่าว

“นี่ก็น่ารำคาญเหมือนกัน” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว จากสิ่งที่ผู้ประมูลพูดเป็นที่ชัดเจนว่าเขาต้องการให้มีคนเข้าร่วมการประมูลมากขึ้น ดังนั้นซูหยูโม่จึงประมูลภาพวาดนี้ได้ยากขึ้นไปอีก

ยิ่งราคาสูงเท่าไหร่ รายได้ของเขาก็จะสูงขึ้นมากเท่านั้น ความตะขิดตะขวงใจครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะซูหยูโม่เข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอประมูลได้ในราคาที่สูงที่สุด เช่นนั้นหากเธอประมูลภาพวาดนี้ไปได้ นั้นไม่ได้เหมือนกับว่าเขาขายภาพให้ซูหยูโม่ และเธอก็เป็นเหมือนลูกค้าที่ให้เงินแก่เขาหรอ? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฮวงเฟิงก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย

ความรู้สึกอึดอัดของฮวงเฟิงอยู่ได้ไม่นาน โชคดีที่ผู้จัดการหยวนยกป้ายประมูลขึ้นอีกครั้งและไม่เพียงเท่านั้นเขาเสนอราคาประมูลเพิ่มขึ้นไม่ใช่เพียงหนึ่งหมื่นหยวนแต่เพิ่มเป็นห้าหมื่นหยวนด้วย

"แปดแสนหยวน!" “ผู้อำนวยการซู ผมต้องขอโทษที่ต้องพรากของรักจากคุณไป ผมก็ชอบภาพวาดชิ้นนี้เหมือนกัน ไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้ " ผู้จัดการหยวนไม่เพียงแต่เสนอราคาประมูลเท่านั้น อีกฝ่ายยังพูดจายั่วโมโหซูหยูโม่อีกด้วย

วิธีนี้ทำให้ผู้จัดการหยวนพอใจมาก เดิมทีเขาต้องการใช้โอกาสนี้ทำให้ออคิดบีนกรุ๊ปเป็นที่รู้จักและในขณะเดียวกันนั้นเพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่งและพลังอำนาจของออคิดบีนกรุ๊ปด้วย แล้วตอนนี้เขาก็เป็นคู่แข่ง มันไม่มีช่วงเวลาไหนจะดีไปมากกว่านี้แล้ว อย่างไรก็ตามซูหยูโม่กลับไม่ได้ตอบโต้อีกฝ่าย

“แปดแสนหนึ่งหมื่นหยวน! สาวสวยคนนี้ประมูลถึง แปดแสนหนึ่งหมื่นหยวน! มีใครให้ราคาสูงกว่านี้อีกไหมครับ?! "เจ้าหน้าที่ประมูลตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นทันที แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้นแต่สายตาของเขากลับมองไปยังตำแหน่งของผู้จัดการหยวนซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขากำลังถามผู้จัดการหยวนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ เขารู้ว่าคนที่จะประมูลของไปได้ต้องเป็นผู้จัดการหยวนอยู่แล้ว

แน่นอนว่าผู้จัดการไม่ทำให้เขาต้องผิดหวังเพราะเขาได้ชูป้ายประมูลขึ้นอีกครั้ง

“ผมเสนอราคาแปดแสนกับอีกห้าหมื่นหยวน!”

“แปดแสนห้าหมื่นหยวน! คุณผู้ชายท่านนี้เสนอราคามาถึง แปดแสนห้าหมื่นหยวน! มีท่านใดให้ราคาประมูลสูงกว่านี้อีกไหมครับ? แปดแสนห้าหมื่นหยวนครั้งที่หนึ่ง!” ในขณะที่เจ้าหน้าที่ประมูลกำลังกล่าวเขาก็มองไปยังตำแหน่งของซูหยูโม่

ด้านซูหยูโม่ก็ชูป้ายขึ้นอีกครั้งโดยไม่ลังเล "เก้าแสนหยวน!" เสียงของซูหยูโม่ดังขึ้นในงานประมูลเป็นครั้งแรก น้ำเสียงที่ดูไม่แยแสของซูหยูโม่ทำให้ในห้องเกิดเสียงซุบซิบดังขึ้นอีกครั้ง

"หนึ่งล้านหยวน!" เสียงของผู้จัดการหยวนดังขึ้นมาอีกครั้ง การเสนอราคาของเขาทำให้เสียงซุบซิบดังขึ้นไปอีก จริงๆ ทุกคนรู้ดีว่าราคานั้นเกินมูลค่าของภาพวาดนี้ไปแล้ว แม้ว่าเทคนิคของภาพวาดนี้จะไม่ธรรมดาแต่ศิลปินผู้วาดก็ยังไม่เป็นที่ไม่รู้จักซึ่งมันมีผลกระทบอย่างมากต่อมูลค่าของของที่ใช้ประมูล โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะรวบรวมผลงานของบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่มูลค่าของผลงานชิ้นนี้มันจะไม่สูงเกินไปหรือ

ราคาสุดท้ายของภาพวาดนี้ควรอยู่ระหว่างเจ็ดถึงแปดแสนหยวน ซึ่งมันเป็นราคาที่สมเหตุสมผล เช่นนั้นต่อให้ราคาของภาพนี้จะสูงแค่ไหนมันก็ดูไม่คุ้มสักเท่าไหร่นัก และในตอนนี้ซูหยูโม่กับผู้จัดการหยวนก็ดูเหมือนจะไม่มีทีท่าว่าจะวางมือจากการประมูลเลยแม้แต่น้อย เหตุผลที่ทุกคนต่างพากันพูดถึงเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่ามันเกี่ยวกับราคาที่สูงเกินกว่ามูลค่าของภาพวาดนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนเห็นว่าซูหยูโม่และผู้จัดการหยวนเป็นเหมือนพวกคนโง่เง่าและเป็นเรื่องไม่ง่ายแล้วที่พวกเขาจะซื้อภาพวาดชิ้นนี้ ทุกคนต่างเคยได้ยินถึงเรื่องบาดหมางระหว่างพวกเขาทั้งสองและเห็นชัดถึงเบื้องหลังของทั้งสองบริษัทที่ต่างไม่พอใจกันจนแสดงความไม่พอใจนั้นออกมาผ่านทางการประมูล

โดยปกติแล้วบริษัทประมูลจะมีความสุขมาก เนื่องจากราคาถ้ายิ่งสูงเท่าไหร่ พวกเขาก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นมากยิ่งขึ้น เช่นนั้นบริษัทประมูลจึงกระตือรือร้นอยากที่จะเห็นผู้คนแข่งกันเสนอราคาในการประมูล

“ หนึ่งล้านห้าหมื่นหยวน!” ซูหยูโม่พูดขณะยกมือขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของเธอยังคงสงบนิ่ง ความสงบของเธอทำให้ผู้ชายหลายคนรู้สึกด้อยกว่าเธอ

ในเวลานี้ทุกคนต่างค่อยๆ เริ่มทำความรู้จักกับซูหยูโม่ ก่อนหน้านี้ทุกคนเพียงแค่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสองบอสสาวแสนสวยแห่งเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปแต่ยังไม่มีใครเคยเห็นพวกเธอทั้งสอง เหตุผลแรกอาจเป็นเพราะพวกเธอเพิ่งมีชื่อเสียงได้ไม่นานและอีกอย่างคือเป็นเรื่องธรรมดาที่ทั้งซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวไม่ได้สนใจออกมาพบปะกับคนรุ่นสองเท่าใดนัก อย่างไรก็ตามในวันนี้ซูหยูโม่ยังใช้โอกาสนี้เพื่อให้ทุกคนจดจำเธอในฐานะผู้หญิงที่มีทั้งความสวยและความสามารถ

ถึงแม้จะมีคนได้ยินว่าถงเฉียนยังคงตามหลังซูหยูโม่อยู่เนื่องจากเขาธุรกิจของเขายังไม่ประสบความสำเร็จ แต่เรื่องนี้ไม่สามารถหยุดความคิดเรื่องซูหยูโม่ลงได้ ภูมิหลังของถงเฉียนนั้นน่าประทับใจแต่ในปัจจุบันก็มีอีกหลายคนที่ไม่ได้มีภูมิหลังที่เลวร้ายมากกว่าเขานักและไม่ค่อยเกรงกลัวเขาด้วย