ตอนที่ 460

USB:บทที่ 460 สงครามอีกครั้ง

“พี่ฮวง ท่านปลอดภัยดีใช่ไหม?”

ไม่นานนักหลังจากที่ฮวงเฟิงกลับมาถึงโรงเตี๊ยม หลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูก็เพิ่งจะมาถึงเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาในการสู้รบครั้งก่อน

อย่างไรก็ตามทั้งสองคนดูเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อยแต่ก็ตื่นเต้นเล็กน้อยเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสองได้ต่อสู้กับนักศิลปะการต่อสู้และยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ต่อสู้กับประเทศศัตรู

"ข้าสบายดี แล้วพวกเจ้าเป็นยังไงกันบ้าง?" ความจริงแล้วฮวงเฟิงยังคงเป็นห่วงพวกเขาทั้งสองคนอยู่เล็กน้อย แม้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาแต่อย่างมากก็แค่ทำให้เขาต้องกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง แต่สำหรับหลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูนั้นต่างออกไป พวกเขาทั้งสองคนเป็นคนของ "ภพนี้" ที่นี่และพวกเขายังฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาไม่นานนัก

อย่างไรก็ตามดูจากรูปการณ์แล้วความกังวลของเขาคงจะไม่จำเป็นเพราะว่าพวกเขาทั้งสองคนไม่มีอะไรผิดปกติเลย

“เฮ้อ ไอ้พวกอาณาจักรวายุโชยจะทำอันตรายพวกเราได้งั้นเหรอ?” หลิวหมิงเจี๋ยพูดเสียงดัง: "พี่ฮวง ท่านไม่รู้งั้นเหรอว่าข้าน่ะเพิ่งจะฆ่าเจ้าพวกโจรที่เก่งกาจไปตั้งสองคนเลยนะ"

“พี่ฮวง อย่าไปฟังไอ้คนขี้โม้นั่นเลย มันน่ะกลัวจนขี้ขึ้นสมองแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะข้ามันจะได้กลับมาแบบครบสามสิบสองแบบนี้หรือเปล่า?” หลี่เต๋อหยู่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

“ใครพูด? ข้ากลัวตอนไหนกัน?” หลิวหมิงเจี๋ยกล่าวพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อ

หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ยังคงไม่แยกย้ายไปไหน และยังคงพูดคุยกันเกี่ยวกับการสู้รบ ถึงแม้ว่าทั้งสามคนจะรอดชีวิตกลับมาได้ แต่ก็ไม่มีคนอื่นที่ได้กลับมาเลย ดังนั้นทั้งหลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูต่างก็เป็นกังวลเกี่ยวกับอนาคตของพวกเขา

ในเช้าวันถัดมา ในตอนที่ฮวงเฟิงตื่นขึ้นเขาก็ได้รับแจ้งให้ไปพบแม่ทัพเจ้าเมือง

แม่ทัพฉินมีทัศนคติที่ดีต่อฮวงเฟิง แม้ว่าเขาจะประหลาดใจกับความเยาว์วัยของฮวงเฟิง แต่ก็ยังมีรางวัลและกำลังใจมากมายมอบให้และในที่สุดฮวงเฟิงก็ได้รับรางวัลที่สมควรได้รับซึ่งมากกว่าที่เขาได้จินตนาการเอาไว้เสียอีก จริงๆ แล้วเขามีเงินห้าพันเหรียญและเนื่องจากจำนวนนั้นมันมากจนเกินไป เขาจึงได้มอบธนบัตรเงินให้กับฮวงเฟิง

อย่างไรก็ตาม ฮวงเฟิงไม่ได้ปลื้มกับธนบัตรเงินมากนัก เพราะว่าสิ่งนี้ถ้าถูกนำมาที่โลกของเขา เขาก็ไม่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้

ความหมายของคำพูดของเขาก็คือถ้าเขาสามารถช่วยฮวงเฟิงได้เขาก็จะช่วย เขาจะขอให้จักรพรรดิมอบตำแหน่งอย่างเป็นทางการให้แก่เขา

แต่สำหรับฮวงเฟิงคนนี้เขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลยแต่แน่นอนว่าถึงยังไงเขาก็ต้องสุภาพอ่อนน้อมเอาไว้ก่อน

หลังจากที่ออกมาจากคฤหาสน์ของเจ้าเมืองแล้ว ฮวงเฟิงก็ถูกล้อมรอบไปด้วยพวกเขาทั้งสองคนแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าฮวเงฟิงได้แอบไปทำอะไรบางอย่าง ทั้งสองคนแสดงความยินดีกับฮวงเฟิงและหัวหน้าสำนักคนอื่นๆ ก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเขามากขึ้น

เมื่อถึงเวลาบ่ายคล้อย กองทัพที่อยู่ด้านนอกเมืองที่รอคอยพวกเขาอยู่ เมื่อพวกเขามาถึงพวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีเวลาพักก่อนที่จะเริ่มโจมตี

ด้วยเหตุนี้ ฮวงเฟิงจึงถือได้ว่านี่เป็นการเห็นการล้อมเมืองโบราณเป็นครั้งแรก ร่างมนุษย์สีดำจำนวนมากพุ่งเข้าหากำแพงเมืองอย่างรวดเร็วก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเข้าใกล้กันในที่สุด พลธนูได้เริ่มแสดงพลังของมันแล้วฝนของลูกธนูที่เหมือนกับเมฆสีดำที่บินเข้าหาทั้งสองฝ่าย ฮวงเฟิงรู้สึกได้ว่าแม้ว่าจะเป็นเขาหรือเป็นยอดฝีมืออันดับสองระดับสูงสุดก็ยากที่จะรอดพ้นจากการโจมตีเช่นนี้ โชคดีที่ตอนนี้เขาอยู่ที่ด้านบนสุดของเมืองและมีที่กำบัง

ตั้งแต่การเริ่มต้นของฝนลูกศรทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับบาดเจ็บล้มตาย นอกจากนี้จำนวนผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นและทหารของอาณาจักรวายุโชยที่อยู่ใต้เมืองก็เข้าใกล้กำแพงเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ

บันไดได้ถูกสร้างขึ้นทีละขั้นและมีเสียงตะโกน เสียงกรีดร้องดังมาจากทุกที่ ทหารบนกำแพงเมืองโยนท่อนไม้และก้อนหินที่เตรียมไว้ลงมาใส่ทหารที่กำลังปีนขึ้นบันไดมาที่กำแพงเมือง

อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้หยุดยั้งพวกเขาจากการปีน ทหารของอาณาจักรวายุโชยทุกคนยังคงปีนขึ้นไปอย่างไม่เกรงกลัวเนื่องจากซากศพที่กองรวมกันอยู่ใต้กำแพงเมืองนั้นมีความสูงถึงสองหรือสามเมตร

อ๊าก!

ทันใดนั้นลูกศรก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของทหารที่อยู่ข้างๆ ฮวงเฟิง ลูกศรนั้นแทงเข้าที่ตาขวาของชายคนนั้นแล้วแทงทะลุสมองของเขา

สีหน้าของฮวงเฟิงเปลี่ยนไป แต่เขาเคยอยู่ที่สนามรบมาก่อน แม้ว่าการต่อสู้ครั้งนั้นจะไม่รุนแรงเท่ากับตอนนี้ แต่ในขณะเดียวก็มีแต่ความโหดร้ายและไร้ซึ่งความปรานีดังนั้นเขาก็ยังยอมรับได้

อีกทางด้านหนึ่ง หลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูที่อยู่ข้างๆ ฮวงเฟิงไม่ได้มีสีหน้าแบบนั้น แม้ว่าทั้งสองคนจะเข้าร่วมการโจมตีค่ายเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่สภาพแวดล้อมในตอนนั้นมันมืดมากจึงมองไม่เห็นทุกอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตามในตอนนี้พวกเขาเห็นใครบางคนถูกฆ่าตายอยู่ข้างๆ พวกเขาและด้วยสภาพที่น่าสังเวช ทั้งสองคนจีงมีสีหน้ากระอักกระอ่วน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขากลั้นไว้ก็คงจะอาเจียนออกมาเสียแล้ว

แม้ว่าฮวงเฟิงจะยอมรับฉากนี้ได้ แต่เขาก็เข้าใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงไม่คิดถึงนักรบผู้กล้าหาญของโลกแห่งการต่อสู้มากนัก เป็นเพราะในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ความกล้าหาญส่วนตัวจึงไร้ประโยชน์และในตอนนี้ฮวงเฟิงก็กลายเป็นยอดฝีมืออันดับสองแล้ว

"หัวหน้าประตูเมืองทางทิศใต้ ต้องการความช่วยเหลือ พวกเจ้าจงไปที่นั่น!"

เหมือนกับที่ฮวงเฟิงและคนอื่นๆ กำลังดูหนังสงคราม ก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็มาพูดเรื่องนี้ หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็ไม่สนใจคำตอบของฮวงเฟิงและคนอื่นๆ และยังคงเดินหน้าออกคำสั่งกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง

“ถึงตาของพวกเราแล้ว ไปกันเถอะ” ฮวงเฟิงพูดกับหลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยู เพราะเขาสังเกตเห็นว่าคนที่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตอนนี้เป็นนักศิลปะการต่อสู้ทั้งหมด

แต่เดิมแล้วคนส่วนใหญ่ที่นี่เป็นคนที่ไม่ได้เก่งกาจอะไร สำหรับสาเหตุที่หลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูมาอยู่ที่นี่ก้เพราะพวกเขาได้รับคำสั่งจากหัวหน้าสำนักฮัวให้มา "ดูแล" ฮวงฟิง ซึ่งแน่นอนว่าเหตุผลหลักก็เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับฮวงเฟิงนั่นเอง

"ไปกันเถอะ" หลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูกล่าวขึ้น พวกเขาทั้งสองคนรู้ว่าพวกเขาไม่เก่งเท่ากับฮวงเฟิงในแง่ของศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิบัติตามคำสั่งของฮวงเฟิงอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อฮวงเฟิง หลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูมาถึงสถานที่ที่เจ้าหน้าที่สั่งให้พวกเขามา พวกเขาจึงรู้ว่าเหตุใดจึงปล่อยให้พวกเขามาที่นี่ เป็น ก็เพราะคนที่ปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองล้วนแล้วแต่เป็นนักศิลปะการต่อสู้อาณาจักรวายุโชยและคนเหล่านี้ปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองด้วยวิธีที่แตกต่างจากทหารทั่วไป พวกเขาส่วนใหญ่ใช้เทคนิคการเคลื่อนไหวและยืมพลังของกำแพงเมืองเพื่อปีนขึ้นไป ดังนั้นพวกเขาจึงรวดเร็วและว่องไวกว่าทหารทั่วไปมาก

"ปัง!"

เมื่อฮวงเฟิงไปถึงที่นั่นเขาก็ส่งนักต่อสู้ของอาณาจักรวายุโชยลอยไปตามกำแพงเมือง เขาขึ้นสู่กำแพงเมืองด้วยความยากลำบากมากและก่อนที่เขาจะเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น เขาก็ถูกเหวี่ยงให้ลอยขึ้นไปโดยฝีมือของฮวงเฟิง