ตอนที่ 371

USB:บทที่ 371 หมดสิ้น

“ฮวงเฟิง นี่คุณกำลังทำอะไรอยู่? นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมลมปราณของฉันถึงได้ถูกสูบไป?” ไป่เสี่ยวโหรววิตกกังวลจนแทบจะร้องไห้ เพราะเธอได้ฝึกฝนและรวบรวมกำลังภายในมาเป็นเวลาหลายปีด้วยความยากลำบาก แต่เธอรู้สึกว่าเหมือนมีแรงแม่เหล็กในตัวของฮวงเฟิงและกำลังสูบมันไป

ไป่เสี่ยวโหรรู้สึกได้ว่าลมปราณของเธอกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง เธอพยายามลองมาแล้วหลายวิธีแต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดมันได้เลยและยิ่งลดลงอย่างฮวบฮาบ

ไป่เสี่ยวโหรวรู้สึกได้ว่านี่เป็นเพราะผลลัพท์จากร่างกายของฮวงเฟิง ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างในร่างกายของเขาที่ดึดดูดลมปราณภายในตัวเธอและมันก็สูบลมปราณของเธอไปอย่างต่อเนื่อง และเธอยังรู้สึกได้อีกว่าลมปราณภายในตัวของฮวงเฟิงนั้นกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

จริงๆ แล้วหากว่าสมาชิกในทีมของเธอแข็งแกร่งขึ้นไป่เสี่ยวโหรวก็น่าจะที่จะยินดี แต่ในตอนนี้เธอกลับยิ้มไม่ออกเพราะว่ากำลังภายในที่เพิ่มขึ้นในตัวของฮวงเฟิงนั้นดูดซับมาจากร่างกายของเธอ

ไป่เสี่ยวโหรวพยายามที่จะปลุกฮวงเฟิงให้ตื่นขึ้นแต่ไม่ว่าเธอจะตะโกนอย่างไร เขาก็ไม่ตื่นเลย ดวงตาของฮวงเฟิงนั้นยังคงปิดแน่นราวกับว่าเขากำลังหลับสนิท

ในเวลานี้สติสัมปัชชัญญะของฮวงเฟิงนั้นยังไม่ตื่นเต็มที่ เขาไม่รู้ว่าได้มีพลังงานสองสามประเภทในร่างกายของเขาได้ถูกหลอมรวมอย่างสมบูรณ์แล้ว

พลังงานชนิดใหม่ที่ก่อตัวขึ้นภายในร่างกายของฮวงเฟิงนั้นไม่เพียงแต่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากการหลอมรวม แต่ยังมีความสามารถในการหลอมรวมที่แข็งแกร่ง เพียงเพราะว่าฮวงเฟิงไม่ได้เปิดโอกาสให้พวกมันได้แสดงพลังมาก่อน แต่ในวันนี้หลังจากฝึกฝนลมปราณภูตอุดรแล้ว มันก็ได้ก่อตัวขึ้นเป็นพลังงานรูปแบบใหม่ก่อนที่จะเริ่มแสดงพลังของมัน

ในตอนแรกพลังงานนี้ไม่สามารถหลอมรวมกับคู่ต่อสู้ของเขาได้เนื่องจากปริมาณ อย่างไรก็ตามคู่ต่อสู้ของเขาคือ ลมปราณภูตอุดรที่มีชื่อเสียง แต่หลังจากที่ได้จนมุมไปแล้วพลังงานดั้งเดิมก็ยังคงได้รับชัยชนะ มันสามารถที่จะเอาชนะลมปราณภูตอุดรได้อย่างสมบูรณ์ หลอมรวมเข้ากับมัน และยังได้ความสามารถในการต่อสู้ของคู่ต่อสู้มาอีกด้วย

เพียงเพราะว่าลมปราณภูตอุดรนั้นแตกต่างจากศาสตร์เป่ยหมิงธรรมดา หลังจากที่ได้ดูดซับพลังลมปราณของคนอื่นเข้าไปแล้วมันก็จะเปลี่ยนเป็นลมปราณเป่ยหมิงเจิ้นภายในร่างกาย แต่พลังงานนี้จะถูกหลอมรวมกับลมปราณภูตอุดรและจะเปลี่ยนกำลังภายในของคนอื่นให้เป็นพลังงานแบบเดียวกับตัวมันเองไม่ใช่ลมปราณเป่ยหมิงเจิ้น อย่างไรก็ตามพลังของพลังงานนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าลมปราณเป่ยหมิงเจิ้นเลยและอาจจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ

ถึงแม้ว่าพลังงานนี้จะสามารถดูดซับลมปราณของคนอื่นได้แต่มันก็จะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อฮวงเฟิงนั้นเปิดใช้งานด้วยตัวของเขาเอง แต่เพราะว่ามันเพิ่งจะถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน พลังงานนี้จึงค่อนข้างที่จะบ้าดีเดือดและควบคุมได้ยาก ประกอบกับที่สติสัมปัชชัญญะของฮวงเฟิงยังไม่เข้าที่เข้าทาง เขาจึงไม่มีทางที่จะควบคุมมันได้ ดังนั้นเมื่อไป่เสี่ยวโหรวมาพบกับฮวงเฟิงเข้าเรื่องน่าเศร้าเช่นนี้จึงได้เกิดขึ้น

ไป่เสี่ยวโหรวถูกฮวงเฟิงดูดซับพลังไปเช่นนั้น จนกระทั่งพลังลมปราณในร่างกายของเธอหมดไป จากนั้นเธอก็สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกครั้งและในเวลานี้เธอก็ได้ปล่อยมือของเธอจากร่างของฮวงเฟิงแล้ว

อย่างไรก็ตาม ไป่เสี่ยวโหรวดูเหมือนจะกลายเป็นบ้าไปเสียแล้วเธอนั่งเหม่อลอยอยู่ข้างๆ ฮวงเฟิงด้วยสายตาที่เหม่อลอย เพราะเธอรู้สึกว่าพลังลมปราณในร่างกายของเธอนั้นว่างเปล่า ไม่มีพลังหลงเหลืออยู่ศูนย์รวมกำลังภายในของเธออีกต่อไปแล้ว พลังลมปราณที่เธอฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้หายไปจนหมดเสียอย่างนั้น และจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้

แต่หลังจากที่พลังงานในร่างกายของฮวงเฟิงได้ดูดซับกำลังภายในของไป่เสี่ยวโหรวไปจนหมดแล้ว ในที่สุดมันก็สงบลงและกลับคืนสู่สภาพเดิม มันยังคงไหลเวียนไปตามเส้นทางเดิม แต่หลังจากที่ต้องพบกับความทรมานอยู่ชั่วครู่เส้นลมปราณในร่างกายของฮวงเฟิงก็กว้างขึ้นอย่างมากทำให้เขาสามารถกักเก็บกำลังภายในได้มากขึ้น

ฉะนั้นแล้วถ้าเขารออีกสักสองสามวันเส้นลมปราณที่ขยายออกอีกครั้งจะค่อยๆแคบลงหลังจากผ่านไปหนึ่งหรือสองวัน แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่ามันจะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่ แต่มันก็เอื้อประโยชน์ให้เขาน้อยกว่าเพราะเขาต้องทนเจ็บเส้นเลือด

อาจกล่าวได้ว่าหลังจากที่ผ่านพ้นอุปสรรคตอนนี้ไปได้ ไม่เพียงแต่ฮวงเฟิงจะไม่สูญเสียอะไรนอกจากที่ต้องเจ็บปวดนิดหน่อย แต่เขายังได้รับประโยชน์เสียมากกว่า เส้นลมปราณของเขานั้นขยายใหญ่ขึ้นและความเร็วในการฝึกตนของเขาก็จะเร็วมากยิ่งขึ้นในอนาคต

แน่นอนว่าคนที่ได้รับความเจ็บปวดและสูญเสียในครั้งนี้ก็คือไป่เสี่ยวโหรว เธอไม่มีพลังลมปราณหลงเหลืออยู่ในร่างกายเลยแม้แต่น้อย

เพราะว่าเส้นลมปราณของเขานั้นได้ถูกบีบให้ขยายใหญ่ขึ้นมากจนแทบจะระเบิด อย่างไรก็ตามหลังจากที่รู้สึกเจ็บปวดเขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาอุ่นขึ้นอย่างมากราวกับว่าเขากำลังแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน มันช่างแสนสบายจนเขาไม่อยากจะตื่นขึ้นมา

หลังจากที่ฮวงเฟิงรวบรวมสติสัมปัชชัญญะได้แล้ว สิ่งแรกที่เขาทำก็คือสำรวจร่างกายของตัวเอง

เขาค้นพบว่าสายน้ำสองสายที่ก่อนหน้านี้เคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันและกระแสไหลเวียนก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นมาก

ฮวงเฟิงมองอย่างระมัดระวังในทิศทางที่เขากำลังจะเคลื่อนเข้ามาและตระหนักว่าพลังงานนี้เป็นส่วนผสมของกำลังภายในและพลังเวทย์มนตร์ที่เขาสร้างขึ้นมา กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือพลังงานนี้เป็นตัวแทนของลมปราณภูตอุดรที่หายไป

"จริงเหรอ? สิ่งนี้มันแข็งแกร่งมากเลยใช่ไหม?" คิดดูสิแม้แต่ลมปราณภูตอุดรก็ยังสู้ไม่ได้?" ฮวงเฟิงคิดด้วยความประหลาดใจตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะได้รับลมปราณภูตอุดร หลังจากนั้นกำลังภายในที่เขาได้รับจากการฝึกฝนก็เป็นเพียงกำลังภายในธรรมดาเท่านั้น พลังเวทย์มนตร์ก็เป็นเวทมนตร์ธรรมดาเช่นกัน แต่ตอนนี้ทั้งสองอย่างได้หลอมรวมกันแล้ว

เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่พลังธรรมดาทั้งสองหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว มันจะมีพลังมากถึงขนาดที่แม้แต่ลมปราณภูตอุดรก็ยังพ่ายแพ้

เมื่อเห็นว่าลมปราณภูตอุดรได้หายไปแล้ว ฮวงเฟิงก็รู้สึกดีใจนิดหน่อย แต่ก็ผิดหวังอยู่บ้าง โชคดีที่เขามีพลังงานเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยในร่างกายดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ร่างกายของเขาจะระเบิดจนตายอีกต่อไป

หากเขาสามารถฝึกฝนมันได้ ความเร็วที่เขาจะได้รับความแข็งแกร่งภายในก็จะเร็วขึ้นมากในอนาคต และในครั้งนี้ลมปราณภูตอุดรก็ยังไม่สามารถที่จะเอาชนะพลังงานแปลกๆ ในร่างกายของเขาได้และมันน่าจะยิ่งกว่าเป็นไปไม่ได้ในอนาคน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเขาจะไม่สามารถฝึกฝนลมปราณภูตอุดรได้อีกต่อไป!

เห็นได้ชัดว่าฮวงเฟิงไม่รู้ว่าพลังงานในร่างกายของเขาตอนนี้มีพลังของลมปราณภูตอุดร

"เอ๊ะ หัวหน้า ทำไมคุณถึงได้มาอยู่ในห้องของผม?!" เมื่อฮวงเฟิงลืมตาขึ้นและมองไปที่ไป่เสี่ยวโหรวเขาก็ต้องตกใจ เขาไม่ได้รับรู้อะไรจากโลกภายนอกและไม่รู้ว่าไป่เสี่ยวโหรวเข้ามาในห้องเขาตั้งแต่เมื่อไร