ตอนที่ 547

USB:บทที่ 547 สงครามกำลังมา

ผู้ชายนั้นไม่คิดว่านั่นคือการกระทำที่น่ารังเกียจ เขาไม่กลัวที่จะบอกความจริงบางอย่างกับซูเป่ย เพราะในสายตาของเขาตอนนี้ซูเป่ยไม่ได้รับความไว้วางใจจากท่านผู้นำอีกต่อไป ทั้งหมดเป็นเพราะตัวเขาเองและคนอืนรอบตัวเขา ต่อจากนี้ไปผู้นำฉีอู่จะไม่เรียกใช้คนที่ทำตัวน่ารำคาญนี้อีก

"ซูเป่ย แล้วถ้าทั้งหมดนี้มันเป็นความคิดของข้าจริงล่ะ? ในเมื่อท่านผู้นำมีคำสั่งลงมาเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่า ในใจเขาก็ไม่ไว้ใจท่านอีกต่อไป ไม่เช่นนั้น ท่านคิดเหรอว่าแค่คําพูดเพียงไม่กี่คําของข้าจะสามารถทำให้ท่านตกต่ำได้ถึงเพียงนี้ ถ้าหากท่านอยากจะโทษใครสักคนก็คงต้องโทษตัวท่านเอง ที่ไม่ยอมเข้าใจหลักการที่สำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นก็คือต้องปกป้องตัวเองจากเจ้านายของเราเอง จริงหรือไม่? " ชายคนนั้นพูดกับซูเป่ยอย่างภาคภูมิใจ

การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยากลำบากมาโดยตลอด ก็เพียงเพื่อแลกกับความไว้วางใจจากผู้นำฉีอู่เท่านั้น แต่สุดท้ายแล้วความเชื่อใจก็ได้เปลี่ยนไป  สิ่งนี้ทําให้เขาซูเป่ยรู้สึกท้อแท้เล็กน้อยเนื่องจากผู้นําฉีอู่ไม่เฉลียวฉลาดเหมือนอย่างเช่นที่ผ่านมา เมื่อเห็นสีหน้าไร้วิญญาณของซูเป่ย  ทำให้ชายคนที่มาเพื่อถ่ายทอดคำสั่งรู้สึกพึงพอใจมากขึ้นอีก เมื่อได้เห็นคนที่มักจะคอยต่อต้านเขาตกอยู่ในสถานสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ชายคนนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายของเขากระชุ่มกระชวยมากขึ้นอีก

"ซูเป่ย อย่าคิดว่าท่านเก่งกาจในการสนามรบ แล้วจะทำอะไรก็ได้" หลังจากผู้ชายคนนั้นพูดจบเขาก็หันหลังแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ซูเป่ยยังคงยืนนิ่งอยู่ที่ลานบ้าน

"ท่านนายพล! ท่านผู้นําทำเกินไปแล้ว  เขาทำแบบนี้กับท่านได้อย่างไรกัน?"

"นั่นสิ ในตอนแรกที่ข้ามาเข้าร่วมกับเขา เขายังไม่ได้มีอำนาจเหมือนอย่างตอนนี้  แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับแย่ลง!"

"ท่านนายพล ได้โปรดพาพวกเราไปกับท่านด้วย พวกเราจะไปตายเอาดาบหน้า ไม่จำเป็นต้องทนอยู่ที่นี่อีก!"

ขณะนั้นเหล่าทหารรับใช้ของซูเป่ยที่เดินเข้ามาหาเขา ได้พูดกับเขาขึ้น มีทหารสองสามคนที่อยู่ตรงนั้นและได้ยินบทสนทนาระหว่างชายคนนั้นกับซูเป่ย พวกเขารู้สึกว่ามันช่างไม่เป็นธรรมต่อเจ้านายของพวกเลย ในกองทัพกบฏผู้นําหลายคนมักจะมอบตำแหน่งนายพลให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา โดยปกติแล้วผู้นําฉีอู่ก็ปฏบัติตามธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้มาโดยตลอด ดังนั้นจึงทำให้ข้างกายเขามีนายพลหลายหลายคนที่อยู่ภายใต้บัญชาคอยรับคำสั่งของเขา

แม้ว่าผู้นําฉีอู่จะปลดซูเป่ยออกจากตำแหน่งนายพลผู้นำกองกำลังของเขาแล้ว แต่มันก็เป็นเพียงแค่การถอดถอนออกจากกองกำลังผู้นำฉีอู่เคยจัดให้สำหรับเขาเท่านั้น  แต่สำหรับเหล่าทหารที่ติดตามซูเป่ยมาก่อน พวกเขายังคงเป็นยืนอยู่ข้างซูเป่ยและคำสั่งถอดถอนดังกล่าวไม่สงผลใด ๆ ต่อพวกเขา

การที่ซูเป่ยนําทหารของตัวเองมาเข้าร่วมกับผู้นำฉีอู่ในตอนแรกนั้นก็เพื่อแสดงความจริงใจของพวกเขา ทหารที่เขานำมานั้นยังคงขึ้นตรงต่อเขาต่อไป ด้วยเหตุนี้แม้ว่าพวกเขาจะได้รับคำสั่งถอดเขาออกจากออกกำลังทหารของผู้นำฉีอู่ แต่ก็ยังมีทหารบางส่วนที่อยู่ใต้การบัญชาการของซูเป่ย และกองกำลังส่วนที่เขามีนั้นก็มีจำนวนมากถึงหนึ่งหรือสองพันนายโดยประมาณ  อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของทหารหนึ่งหรือสองพันนายนั้นก็ไม่ธรรมดาเลย พวกเขาทั้งหมดติดตามซูเป่ยเข้าสู่สนามรบ และเอาชีวิตรอดมาจากสู้รบได้หลายต่อครั้ง และนี่ก็คือความแข็งแกร่งที่มีมากกว่าคนแก่ และ เด็ก มากมายนัก ซูเป่ยเพียงแค่รับฟังคำพูดของทหารใต้บังคับบัญชาโดยที่ไม่ปริปากพูดอะไรสักคํา เขายังคงคำนึงถึงผู้นําฉีอู่และยอมรับว่าผู้นำฉีอู่ ได้เคยให้ความเมตตาต่อเขามาก เพียงไม่นานหลังจากที่เขาเข้าร่วมกับผู้นำฉีอู่  เขาก็ได้รับตำแหน่งนายพลผู้บัญชาการกองทัพ  และนี่ก็คือโอกาสที่ทำให้เขาสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้ แม้กระทั่งในเวลานี้เขายังคงยอมที่จะเสี่ยงชีวิตให้กับผู้นำฉีอู่

แต่วันนี้ ภายใต้การยุยงจากคนชั่วพวกนั้น ผู้นำฉีอู่ถึงกับถอดเขาออกจากกองกำลังของเขา โดยที่ไม่ไต่สวน หรือแม้แต่รับฟังคำอธิบายจากเขา  เพียงแค่นั้นผู้นำฉีอู่ก็ตัดสินใจถอดเขาออกจากตำแหน่ง และนั่นทำให้เขาผิดหวังเป็นอย่างมาก

"หุบปาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก ข้าต้องการหาที่อยู่อย่างสงบ จากนี้ต่อไปข้าไม่อยากพบเจอใครอีก!" ซูเป่ยสั่งห้ามการวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าทหารได้บังคับ และสั่งสอนพวกเขา

"ขอรับท่าน!" ถึงแม้ว่าทหารใต้บัญชาของเขาจะไม่เต็มใจนัก แต่พวกเขาก็ไม่ขัดคำสั่งของนายพลได้ พวกเขาคิดว่าอีกไม่กี่วันหลังจาที่นายพลของพวกเขาใจเย็นลง พวกเขาจะชักชวนให้เขาแยกตัวอีกครั้ง จะได้ไม่ต้องทนอับอายอยู่ที่นี่อีกต่อไป

"เป็นไงบ้าง เขายอมรับคำสั่งแต่โดยดีหรือไม่?"  ในห้องหอประชุม ผู้นำฉีอู่ซึ่งกำลังรอผู้ชายคนที่ออกไปถ่ายทอดคำสั่งของเขา กลับมารายงานเรื่องของซูเป่ย  ท้ายที่สุดแล้วซูเป่ยก็ถือได้ว่าเป็นนายพลผู้มีบุญคุณและมีส่วนช่วยอย่างมากที่ทำให้เขาขึ้นสามารถมายืนอยู่ถึงจุดจุดนี้ได้ แต่ตอนนี้กลับต้องสั่งถอดถอนอำนาจทั้งหมดของเขาด้วยตัวเอง และดูเหมือนว่าเขาได้ทำลายสะพานลงหลังจากที่ข้ามแม้น้ำมาแล้ว สิ่งนี้ทำให้ผู้นำฉีอู่รู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย ในขณะนั้นเขาแอบครุ่นคิดอยู่ในใจ ถ้าหากว่าซูเป่ย มีความคิดทีดีสักหน่อย ยอมรับความผิดของตัวเอง เขาอาจพิจารณาลดโทษ และมอบสิทธิ์อำนาจบางอย่างให้กับเขาหลังจากผ่านไปสักพักแล้ว

"ท่านผู้นํา ซูเป่ยทะนงตัวเหลือเกิน!" ใครจะไปคิดว่าคนที่ถ่ายทอดคำสั่งจะมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจเมื่อกลับมาหาผู้นำฉีอู่

"เกิดอะไรขึ้น" ผู้นําฉีอู ถามขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน

"เขาบอกว่าท่านผู้นําบั่นสะพานหลังจากข้ามแม่น้ำแล้ว และจิตใจของท่านผู้เต็มไปด้วยดินโคลน ถ้าหากท่านผู้นำปลดเขาออก จะไม่มีใครร่วมทำสงครามกับท่าน และเมื่อกองทัพของราชสำนักกลับมา ท่านผู้นำจะต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึง  มันจะสายเกินไปแล้วหากท่านจะรู้สึกเสียใจ!" ชายคนนั้นพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ

"ต่ำช้า! จะเป็นได้อย่างไร ที่ข้าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากซูเป่ย?! ไอ้คนหยิ่งยโส! " มีเพียงแค่อารมณ์โกรธเท่านั้นที่เพิ่มเติมอยู่ในใจเขาและเขารู้สึกว่าซูเป่ยนั้นมั่นใจในตัวเองจนกินไป มันเป็นเรื่่องจริงที่ซูเป่ยนั้นเข้าใจกลยุทธ์ในการทำสงคราม แต่ต่อให้ไม่มีเขา ผู้นำฉีอู่ก็ยังคงเชื่อว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะกองทัพของราชสำนักได้! อีกนัยหนึ่งด้วยลักษณะการวางตัวของซูเป่ย ผู้นำฉีอู่ก็อดคิดไม่ได้ว่าไม่ช้าก็เร็ว วันหนึ่งซูเป่ยอาจจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขาก็เป็นได้ และในเวลานั้นซูเป่ยอาจจะมีทหารที่ยอมเข้าร่วมและอยู่ใต้การบัญชาการของเขาเพิ่มจำนวนมากขึ้นและมีอำนาจมากพอ เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้เขาคิดจะริดรอนคำนาจของอีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะทำได้ง่าย

ในเวลานั้นทหารรับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานว่าราชสำนักได้ส่งกองทัพมาโจมตีพวกเขาอีกครั้งแล้ว และกองทัพของราชสำนักก็กำลังจะมาถึง

"ดี ข้าจะทำให้ดูว่า ถึงแม้ไม่มีซูเป่ย ข้าก็จะยังคงมีชัยเหนือกองทัพราชสำนักได้!" ผู้นำฉีอู่ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อการมาของกองทัพราชสำนักเลยสักนิด ในทางตรงกันข้ามสีหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น