ตอนที่ 195

USB:บทที่ 195 ประเมิน

ฮวงเฟิงไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะบ้าคลั่งกันขนาดนี้ พวกนั้นทำกับเขาเหมือนเป็นเป้าหมายสำคัญ?

ฮวงเฟิงแหวกฝูงชนออกไปและพูดว่า "ฉันมาที่นี่เพื่อขาย ไม่ได้มาซื้อ"

หลังจากนั้นฝูงชนจึงแยกย้ายกันไปพร้อมทำเสียงขัดใจ

และบางคนถึงกับจ้องมองดูฮวงเฟิง

เป็นเพราะว่าพวกเขาล้วนแล้วแต่มาเพื่อขายของและสิ่งที่ฮวงเฟิงพูดในตอนนี้เขาก็คือคู่แข่งของพวกเขานั่นเอง

ฮวงเฟิงไม่ได้สนใจสายตาของพวกนั้นเลย เนื่องจากเขาไม่ได้คิดที่จะตั้งแผงขายของที่นี่

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นคนเหล่านี้หายไปหมดแล้ว เขาจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

หลังจากนั้นฮวงเฟิงก็ลองถามไปรอบๆ บริเวณนั้นเพื่อดูว่าร้านไหนเป็นเจ้าของร้านขายของเก่าที่ใหญ่ที่สุดที่นี่

คนๆ นั้นอาจจะเพิ่งเคยได้ยินคำพูดของฮวงเฟิงในตอนนี้

แต่ตอนนี้เขาได้ยินคำถามของฮวงเฟิงแล้วเขาก็รู้ว่าฮวงเฟิงกำลังวางแผนที่จะไปที่ร้านขายของเก่าที่ใหญ่ที่สุดเพื่อนำของไปขาย

"น้องชาย ฉันแนะนำให้คุณขายที่นี่เหมือนกันกับฉันนะ ถ้าคุณโชคดี คุณก็คงจะหาเงินได้สักสองสามร้อยหรือสองสามพันทุกวันก็อาจจะเป็นไปได้ ถ้าคุณไปขายที่ร้านนั้นคุณจะรู้เลยว่าฉันน่ะตาแหลมแค่ไหน"

คนที่แนะนำฮวงเฟิงเห็นได้ชัดว่าเขาคิดว่าฮวงเฟิงเป็นพวกเดียวกันกับพวกที่ขายของปลอม

และแม้กระทั่งพยายามหลอกล่อเขา ซึ่งเป็นพวกที่ชอบเอาเปรียบจากสิ่งของซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไปที่ร้านนั้น

"ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ แต่ผมอยากลองดูก่อน" ฮวงเฟิงกล่าว

แต่ในใจเขาก็ไม่ได้มั่นใจมากนัก ท้ายที่สุดเขาก็ไม่รู้ว่าสิ่งของของเขาจะมีค่าเป็นเงินหรือไม่ หรือเป็นเงินเท่าใด

เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงไม่เต็มใจที่จะคล้อยตามคำชักชวน

ชายคนนั้นก็ส่ายหัวอย่างอดไม่ได้และรู้สึกว่าฮวงเฟิงนั้นคงจะถูกไล่ออกมาก่อนที่จะยอมแพ้เสียอีก

ดังนั้นเขาจึงหยุดให้คำแนะนำและแจ้งที่อยู่ของร้านให้ฮวงเฟิงทราบ

หลังจากที่ฮวงเฟิงแสดงความขอบคุณแล้ว เขาก็นำภาพวาดของเขามาที่บริเวณร้านแห่งนั้น

ข้างหลังเขามีคนอีกสองสามคนชี้มาที่ด้านหลังของเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าฮวงเฟิงได้แต่โกหกตัวเองในครั้งนี้

ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของขนาดหรือสินค้าที่ขายภายในนั้น ของเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นที่นิยมในพื้นที่นี้

มีผู้คนจำนวนมากเข้ามาที่นี่ทุกวันและแน่นอนว่ายังมีคนอีกจำนวนมากเช่นเดียวกันกับฮวงเฟิงที่นำของมาขายด้วย

ดังนั้นเมื่อผู้ช่วยที่อยู่ในร้านค้าจึงทราบจุดประสงค์ของฮวงเฟิงซึ่งเขาก็ไม่ได้ตกใจเลยแม้แต่น้อย

แต่ในทางกลับกัน เขากลับพาฮวงเฟิงไปที่ร้านเพื่อไปพบผู้ประเมินราคามืออาชีพ

“ผู้อาวุโสเฟิ่ง ฉันคงจะต้องรบกวนคุณอีกแล้ว ลูกค้าเพิ่งจะมาถึงและต้องการขายภาพเขียนพู่กันและภาพวาด” ผู้ช่วยร้านนำ ฮวงเฟิงไปที่ห้องเล็กๆ และพูดกับชายชราที่กำลังนั่งอยู่ด้านใน

ชายชราที่สวมแว่นตากรอบกว้างมองไปรอบๆ ตัวเขา ดูอายุประมาณห้าสิบหรือหกสิบกว่าปี

ความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขานั้นไม่เลวเลย โดยเฉพาะดวงตาแหลมคมของเขาที่มองไปที่ฮวงเฟิง แต่เขากลับไม่สนใจและโบกมือให้ผู้ช่วยของร้านออกไป

"เอามานี่สิ" ชายชรากล่าวกับฮวงเฟิง การประเมินภาพวาดนั้นเป็นงานของเขาใน "ศาลาสมบัติ" เขาไม่ได้เป็นเพียงผู้ประเมินเท่านั้น แต่คุณสมบัติและความสามารถของเขานั้นยอดเยี่ยมเป็นที่สุดโดยเฉพาะในด้านการวาดภาพ

เขาได้รับการยกย่องจากผู้คนมากมายและยังมีคนอีกมากมายที่จะมาที่นี่เพื่อพบเขา เพื่อประเมินว่าพวกเขาได้รับภาพวาดที่ดีมาจากที่อื่นหรือไม่

และมูลค่าของภาพวาดที่เขาประเมินนั้น หากเป็นของจริงก็จะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นจำนวนลูกค้าที่เขาต้อนรับทุกวันจึงไม่น้อยเลย

อย่างไรก็ตามเนื่องจากอายุของเขาที่มากแล้ว เจ้านายจึงต้องการที่จะลดภาระงานลง

อย่างไรก็ตามเขาได้ใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับภาพเขียนพู่กันและภาพวาด ดังนั้นเขาจึงมีความสุขกับการค้นพบขุมทรัพย์ทั้งหลาย ดังนั้นเขาจึงไม่เคยลดภาระงานลงเลย

ฮวงเฟิงไม่กล้าที่จะประมาท แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักตัวตนของอีกฝ่าย แต่เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคือคนที่สามารถกำหนดคุณค่าของภาพวาดของเขาได้

นอกจากนี้หลังจากมอบภาพวาดให้ไปแล้ว ฮวงเฟิงก็รู้สึกไม่สบายใจ

"หา?" เมื่อชายชราได้รับการภาพเขียนพู่กันและภาพวาดของ ฮวงเฟิงมาในตอนแรกเขาก็รู้สึกไม่ใส่ใจ

เพราะว่าเขาได้พบกับผู้คนในทุกๆ วันและเขาใฝ่ฝันที่จะหาเงินและหาคนที่เอาของมาประเมินราคาและเขาก็คิดว่าฮวงเฟิงก็เป็นคนเช่นนั้น

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาเปิดภาพวาดและมองดูมัน

ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปจากการแสดงออกทางสีหน้าในตอนเริ่มต้นไปสู่สีหน้าจริงจัง

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฮวงเฟิงด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ก้มศีรษะลงอีกครั้งเพื่อดูภาพวาดและถึงขนาดหยิบแว่นขยายจากโต๊ะข้างๆ เขาออกมา

เมื่อเขามองไปรอบๆ เขาก็ลืมเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่รอบตัวไปเสียหมดและไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน

แม้ว่าฮวงเฟิงจะกังวล แต่เขาก็ไม่ได้พยายามที่จะขัดขวางความคิดของอีกฝ่าย

ฮวงเฟิงทำได้เพียงยืนอยู่ด้านข้างและรอคอยอย่างอดทน หลังจากนั้นไม่นานชายชราก็วางแว่นขยายในมือลงและมองไปที่ฮวงเฟิง

"คุณเอาสิ่งนี้มาจากที่ไหน?" ชายชราถาม

“ก่อนหน้านี้ตอนออกไปเดินเล่น ผมเห็นมีคนมาตั้งแผงขายก็เลยซื้อมาตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอกลับมาก็รู้สึกว่าสิ่งนี้อาจจะไม่ใช่ภาพวาดธรรมดา ก็เลยเอามาให้ประเมินวันนี้” ฮวงเฟิงได้คิดหาข้อแก้ตัวมาตั้งนานมาแล้ว

เป็นเพราะว่าพวกเขานั้นให้ความสำคัญกับที่มาสิ่งของที่นำมาขายที่นี่ หากต้นตอการได้มาของสิ่งของเหล่านั้นไม่ถูกต้อง พวกเขาก็จะไม่ยอมรับเอาไว้ แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ติดใจเรื่องนี้มากเกินไปนัก

เป็นตามที่คาดไว้เพราะหลังจากที่ชายชราได้ยินคำพูดของ ฮวงเฟิงเขาก็ไม่ได้ถามอะไรเขาอีก

“แม้แต่ปรมาจารย์ก็ยังไม่แน่ใจงั้นหรือ?” ฮวงเฟิงถาม ถ้าอีกฝ่ายรู้สึกไม่แน่ใจก็คงจะไม่มีทางที่จะประเมินมูลค่าของสินค้าชิ้นนี้ได้และมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะขายมัน

ในใจของฮวงเฟิงนั้นรู้สึกไม่ค่อยพอใจเพราะคิดว่าภาพวาดนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับเขา

"อืม ภาพวาดนี้ดูแปลกนิดหน่อย มีวิธีการบางอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน" ชายชราไม่ได้ปิดบังอะไรและพูดออกมาตรงๆ

"อ้อ" ฮวงเฟิงรู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อยและต้องการที่จะนำภาพวาดออกไปทันที

“คุณมาที่นี่เพื่อประเมินราคาภาพวาดเพียงเท่านั้นหรืออยากจะขายมัน?” อย่างไรก็ตามชายชราก็ไม่ยอมปล่อยให้ฮวงเฟิงจากไปอย่างรีบร้อนและถามอีกครั้ง

"แน่นอนว่าฉันอยากจะขายมัน ฉันซื้อมาเพราะความบังเอิญและไม่มีเหตุผลที่จะรักษามันเอาไว้ ฉันเลยอยากจะขาย" ฮวงเฟิงกล่าว

"งั้นรอสักครู่นะ ลูกค้าที่กำลังจะมาถึงนี้เขามีความรู้ด้านศิลปะการเขียนพู่กันมาก แล้วพวกเราจะมาดูด้วยกันเมื่อถึงเวลานั้น" ชายชรากล่าว

ในความเป็นจริงแล้วในใจของเขา เขาก็รู้สึกอยู่แล้วว่าภาพวาดนี้ไม่ใช่ภาพวาดธรรมดา เพียงแค่เขาไม่รู้ว่าใครเป็นผู้วาดภาพวาดนี้

"ไม่เป็นไร ไหนๆ ฉันก็ไม่มีอะไรจะต้องทำอยู่แล้ว" ฮวงเฟิงคิดอยู่สักพักแล้วกล่าวออกมา ถ้าเขาขายได้มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด