ตอนที่ 730

USB:บทที่ 730 หนี

ฮวงเฟิงก็ยกขาขึ้นกระทืบเท้าแล้วร่างของเขาก็ลอยขึ้นบนอากาศ

"จอมเวทย์!" คนของกองกำลังทหารรับจ้างกลุ่มโลหิตสีชาดทุกคนร้องลั่นขึ้น และในเวลานั้นเอง แม้แต่ปาก์เก่อเองก็ยังเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ เป็นที่รู้กันอยู่ว่าการเหาะเหินเดินอากาศของคนที่นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ บางคนอาจทำได้โดยอาศัยเครื่องมือบางอย่าง ในขณะที่คนอื่นใช้อาศัยการฝึกตนจนถึงระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามแต่การที่จะสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย  เครื่องมือสำหรับช่วยให้ผู้คนสามารถเหาะพบเห็นได้ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่าย เครื่องมือเหล่านั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปไม่อาจครอบครองได้

ส่วนการฝึกตนจนสามารถสำเร็จได้ถึงระดับหนึ่งนั้นได้ อย่างน้อยก็จะต้องสำเร็จจนถึงขั้นเซียนกระบี่ และไม่ว่าจะเป็นจอมเวทย์หรือเซียนกระบี่ก็ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่เรื่องง่าย  และในตอนนี้คนเหล่านั้นเห็นฮวงเฟิงสามารถลอยตัวอยู่กลางอากาศได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือใด ๆ ทำให้กลุ่มคนที่อยู่ด้านล่างของเขาอยู่ในอาการตกใจอย่างสุดขีด แม้กระทั่งปาก์เก่อซึ่งละโมบหวังช่วงชิงสมบัติของฮวงเฟิง ในใจของเขาก็นึกกลัวมากขึ้นมา จนรู้สึกลังเลเช่นกัน

อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงก็ไม่ได้คิดที่จะเกรงใจพวกเขาเช่นกัน  เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ต้องฆ่าและปล้นเอาสมบัติจากตัวเขา ดังนั้นเขาจึงใช้วิชาไร้เงาเหาะลงมากจากฟ้าพุ่งเข้าใส่กลุ่มคนเหล่านั้น พร้อมกับกระบี่ที่อยู่ในมือของเขาได้ยื่นออกมาทางด้านหน้าก่อนที่กองกำลังทหารรับจ้างกลุ่มโลหิตสีชาดจะทันได้แสดงปฏิกิริยายาใด ๆ กระบี่ของฮวงเฟิงก็ปาดไปที่ลำคอของผู้ชายคนหนึ่ง เลือดได้สาดกระเซ็นไปทั่ว เมื่อเขารู้ตัวอีกทีมันก็สายไปเสียแล้ว ผู้ชายคนนั้นลำคอของตนเองอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามหายใจ เลือดไหลทะลักออกมาจากปาก ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกต่อต้านราวกับว่าพวกเขายังไม่เต็มใจที่จะจากโลกใบนี้ไป แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ล้มลงกับพื้น ขณะที่ร่างกายของคนเหล่านั้นยังชักกระตุกอยู่นั้น ฮวงเฟิงก็ยังไม่ได้หยุดการโจมตี ทำให้ผู้ชายอีกก็ร่วงลงไปนอนชักดิ้นชักงอเช่นเดียวกับชายคนแรก ลำคอของพวกเขาถูกตัด เพียงแค่กระบี่เดียวใบมีดคมกริบก็สามารถตัดคาดคอหอยของพวกเขาในทันที

"หนี!" หลังจากที่ผู้ชายสองคนนั้นถูกสังหารในเวลาไล่เลี่ยกันทำให้คนอื่นที่เหลือรู้สึกตื่นกลัว อย่างไรก็ตามหลังจากที่พวกเขารู้ว่าเกิดอะไรก็ไม่มีใครกล้าบุกเข้าไปปะทะกับฮวงเฟิงอีก  แต่กลับหันกลับและวิ่งหนีด้วยความกลัวต่อฮวงเฟิงในฐานะที่เป็น "จอมเวทย์" ท่ามกลางกลุ่มคนพวกนั้น ผู้ที่ว่องไวที่สุดนั้นก็คือปาก์เก่อ เมื่อครั้งที่ฮวงเฟิงได้สังหารชายคนแรกลง ปาก์เก่อก็รู้ได้ทันที แม้ว่าเจาจะไม่อยากเชื่อว่าฮวงเฟิงจะสามารถสำเร็จจนถึงขั้นจอมเวทย์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ แต่ด้วยวิธีการของฮวงเฟิงที่แสดงให้เห็นนั้นทำในหัวใจของปาก์เก่อรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้น  ในด้านของความแข็งแกร่งนั้นปาก์เก่อคิดว่าเขาพอที่จะต่อสู้กับฮวงเฟิงได้ แต่ทว่าฮวงเฟิงสามารถเหาะได้อย่างว่องไว ดังนั้นถ้าหากพวกเขาต่อสู้กันเชื่อว่าเขาจะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน และถึงแม้ว่าถ้าหากฮวงเฟิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็จะสามารถเหาะหนีไปได้ ในทางกลับกันถ้าหากเขาเป็นฝ่ายแพ้เสียเองไม่มีทางที่เขาจะสามารถหนีฮวงเฟิงได้พ้น

เมื่อฮวงเฟิงเห็นว่าปาก์เก่อกำลังวิ่งหนีไป ตอนนั้นอีกฝ่ายก็อยุ่ไกลจากเขาไปแล้ว อีกทั้งฝีเท้าม้าของปาก์เก่อนั้นก็รวดเร็วมาก ถ้าหากฮวงเฟิงตามใช้วิชาไร้เงาก็พอจะไล่ตามอีกฝ่ายได้ทัน แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลานิดหน่อย นอกจากนั้นแล้วการใช้วิชาไร้เงานั้นต้องใช้พลังเวทย์อย่างค่อนข้างมาก และเขาก็ไม่อย่างใช้พลังเวทย์ทั้งหมด เนื่องจากรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของปาก์เก่อนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับการที่จะใช้ปืนเพื่อสังหารอีกฝ่ายนั้นฮวงเฟิงก็ไม่คิดที่จะทำเช่นนั้นด้วย เนื่องจากเขาเหลือกระสุนอยู่ไม่มากนัก  แม้ว่าเมื่อสองสามวันก่อนไป๋เสี่ยวโหรวจะมอบปืนพกและของอีกสองสามอย่างให้กับเขาแล้ว แต่ฮวงเฟิงก็ไม่อาจนำสิ่งของพวกนั้นมาใช้ในโลกแห่งนี้ได้ สิ่งของที่เขาสามารถใช้นั้นก็มีเพียงแค่สิ่งของที่ได้รับมากจากมิติอื่นเท่านั้น และนอกจากเหนือจากสิ่งของที่เขาได้รับแล้ว ก็ยังมีกระสุนปืนที่เขาได้รับในตอนแรกแล้วหลังจากนั้นเขาก็ยังไม่ได้รับกระสุนปืนเพิ่มเติมอีกเลย หลังจากที่ปาก์เก่อวิ่งหนีไปแล้ว ฮวงเฟิงก็ไม่ได้เมตตาต่อคนของปาก์เก่อ เขาโกรธที่ถูกคนพวกนี้ดักซุ่มโจมตีอย่างไร้เหตุผล และแล้วในที่สุดฮวงเฟิงก็หยุดโจมตีหลังจากที่สังหารคนเหล่านี้ไปได้หกถึงเจ็ดคน ในโลกแห่งความจริงฮวงเฟิงจะต้องยับยั้งตัวเอง ถ้าหากเขาไม่จำเป้นต้องฆ่าเขาก็จะไม่ฆ่า แต่ในมิติอื่นเขาไม่จำเป้นต้องกังวลถึงสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติที่เขากำลังอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเขาได้ค้นพบว่าผู้คนที่นี่สามารถฆ่าเขาได้ตลอดเวลา

ภาพเบื้องหน้าฮวงเฟิงก็เงียบสงบขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว นอกจากฮวงเฟิงแล้วก็ไม่มีใครอื่นหลงเหลืออยู่ที่นั้นอีกเลย เนื่องจากกลุ่มคนที่ร่วมกันสังหารคนของตระกูลโอวหยางได้รับความพ่ายแพ้ในสงครามในครั้งนี้ซึ่งฮวงเฟิงมีเป็นฝ่ายได้เปรียบเป็นธรรมดาที่ฮวงเฟิงเองก็ไม่เมตตาพวกเขาด้วยเช่นกัน อีกทั้งตอนนี้เขายังมีแหวนมิตถึงสองวงด้วยกัน ดังนั้นเขาจึงสามารถเก็บสิ่งของได้มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถนำของพวกนั้นไปยังโลกแห่งความจริงได้ทั้งหมด แต่ก็ยังสามารถขายสิ่งของเหล่านั้นได้ และสิ่งหนึ่งที่สามารถสร้างความประหลาดใจให้กับฮวงเฟิงได้มากที่สุดเกี่ยวกับแหวนมิติที่เขาได้รับมาก่อนที่จะเทเลพอร์ตในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะมีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าแหวนมิติที่เขาได้รับมากจากมิติอื่นเท่านั้น ภายในแหวนมิตินั้นยังมีของบางอย่างอีกด้วย อย่างที่รู้กันว่าสิ่งของข้างนั้นมักจะได้รับมาพร้อมกับวงแหวนมิติ หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือมันสามารถนำออกไปสู่โลกปัจจุบันได้ด้วย

นอกจากนั้นแล้วในแหวนมิติวงนี้ฮวงเฟิงยังพบแกนปีศาจจำนวนมากอีกด้วย ซึ่งแกนปีศาจเหล่านี้จะสามารถช่วยฟื้นฟูพลังเวทย์ให้กับเขาหรือแม้กระทั่งช่วยเพิ่มพลังเวทย์ในการโจมตีของเขาได้อีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้ของวิเศษเหล่านี้ ถ้าหากเป็นของดีก็จะทำให้สามารถเพิ่มความเชี่ยวชาญในการใช้พลังเวทย์ได้มากขึ้น ยิ่งของวิเศษเหล่านั้นมีศักยภาพมากก็จะยิ่งสงผลต่อการเพิ่มพลังเวทย์มากขึ้น เนื่องจากฮวงเฟิงยังไม่รู้จักของวิเศษเหล่านั้นดีพอทำให้ไม่อาจเข้าใจได้ถึงระดับพลังที่แท้จริงของสิ่งวิเศษที่เขามีอยู่นั่นเอง อย่างไรก็ตามเพียงแค่มีของวิเศษไว้ใช้งานเท่านี้ก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจมากแล้ว  ในตอนนี้เขาไม่ได้ละโมบนึกอยากได้อะไรมากเกินไป

"ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ต้องเข้าไปดูในเมืองสักหน่อยแล้ว" หลังจากที่ฮวงเฟิงเก็บรวบรวมข้าวของทุกอย่างเข้าไว้ในวงแหวนมิติ สายตาของเขาก็จับจ้องไปยังเมืองที่อยู่ไกล ๆ แล้วพึมพำกับตัวเอง