ตอนที่ 251

USB:บทที่ 251 ผลไม้ลึกลับ

ผลไม้สีแดงเป็นผลไม้ในดินแดนสรวงสวรรค์ล้ำลึก มันเป็นผลไม้หายากที่พบได้ในป่าแห่งหมอก ผลไม้สีแดงจะออกดอกออกผลทุก ๆ สิบปี

และในทุกๆสิบปี จะออกผลเพียงปีละครั้ง ประโยชน์ของมันคือการเพิ่มอายุขัยของสิ่งมีชีวิต ใครก็ตามที่ได้ทานมันเข้าไป ร่างกายก็จะแข็งแกร่งขึ้น รวมถึงความเร็วในการฝึกฝนก็เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยชีวิตคนที่ใกล้จะหมดลมหายใจได้อีกด้วย

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ฮวงเฟิงตื่นขึ้นมา เขาลองดูในกล่องจักรวาลอีกครั้งและพบว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป แอปเปิ้ลที่เขาใส่ไว้หายไปและถูกแทนที่ด้วยผลไม้ที่มีสีแดงสดในกล่องจักรวาลที่มีชื่อว่า ผลไม้สีแดง

"เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่น่าประทับใจจริงๆ" เขาไม่รู้ว่าป่าแห่งหมอกอยู่ที่ไหน แต่ที่แน่ๆคือเขารู้จักดินแดนสรวงสวรรค์ล้ำลึก เพราะก่อนหน้านี้ เขาได้รับแหวนมิติ ยาเสริมความหลักแหลม และตำราฝึกสมาธิเบื้องต้นมาจากที่นั่น

ตอนนี้แหวนมิติได้ถูกเขาใช้ไปแล้ว แต่เขายังมีตำราพื้นฐานเช่นเดียวกับผลไม้สีแดงที่เขาได้รับมา เขาสามารถใช้มันเพื่อทำการเทเลพอร์ตได้

แต่ฮวงเฟิงก็ไม่ได้นึกเสียใจกับเรื่องนี้เลยเลยแม้แต่น้อย เขาได้กินยาเสริมความหลักแหลม จนทำให้เขาสามารถปลุกพลังขึ้นมาได้

แต่ในสถานการณ์ถัดไป เขาจำเป็นต้องใช้พลัง ดังนั้นยานี้จึงมีประโยชน์ต่อตัวเขามาก

แต่ในตอนนี้ ฮวงเฟิงกำลังลังเลว่าเขาควรกินผลไม้สีแดงตรงหน้าหรือไม่

ตามคำแนะนำ ผลไม้สีแดงนั้นหายากมาก และบอกว่าออกผลหนึ่งครั้งทุก ๆ สิบปี และในทุกๆสิบปีจะออกผลเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น

ผลไม้สีแดงช่วยในเรื่องการเพิ่มอายุขัย เมื่อฮวงเฟิงได้รับกล่องจักรวาล เขาก็คิดว่าจะมันดีขนาดไหนถ้าเขาได้สิ่งของจากไซอิ๋ว

แค่กินผลไม้สีแดงเข้าไปก็สามารถเพิ่มอายุขัยของตัวเองได้ได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่ได้รับของแบบนั้น

ผลไม้สีแดงที่เขาได้มานี้ดูเหมือนกับลูกท้อเกรดต่ำไม่มีผิด แม้ว่ามันจะไม่สามารถเพิ่มค่า HP ได้ แต่มันสามารถเพิ่มอายุขัยของเขาได้ แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเพิ่มมาเท่าไหร่

นอกจากนี้ ผลไม้สีแดงนี้ยังสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้อีกด้วย แม้ว่าความเร็วในฝึกฝนของเขาจะเร็วมากเพราะผลจากพระหยกแล้วก็ตามแต่ เพราะไม่มีใครไม่ดีใจที่ความเร็วในการฝึกฝนเพิ่มขึ้น นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ฮวงเฟิงอยากกินมันซะตอนนี้

แต่อย่างไรก็ตามสองประโยคสุดท้ายกลับเปลี่ยนความคิดของเขาไป สิ่งนี้สามารถช่วยชีวิตเขาได้ในตอนที่สำคัญที่สุด เมื่อเห็นคำว่า 'ตราบใดที่ยังมีอากาศหายใจ ก็ยังมีชีวิต' เห็นได้ชัดว่ามันสุดยอดมากแค่ไหน

"ช่างมัน เก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน ถ้าเกิดตกอยู่ในสถานการณ์ขับขัน ถ้าใช้มันตอนนั้น เราก็จะมีชีวิตนานขึ้น"

ฮวงเฟิงลังเลอยู่ไม่นานก็ตัดสินใจได้ในที่สุด เขาเก็บผลไม้สีแดงไว้ในในแหวนมิติแล้วไปอาบน้ำแต่งตัว

“อ้าว วันนี้นายไม่ได้หยุดเหรอ?”

หน้าทางเข้าบริษัท ฮวงเฟิงได้พบกับเซี่ยเมิ่งเจียวและซูหยูโม่ที่เพิ่งมาถึงที่บริษัท ซูหยูโม่ส่งยิ้มทักทาย ส่วนเซี่ยเมิ่งเจียวถึงกับสำลักคำพูดตัวเอง

"ก็ถ้าคุณอนุญาติ ผมก็ยินดีลาหยุดครับ" ฮวงเฟิงตอบ

ที่เขาตอบแบบนั้นอันที่จริงเป็นเพราะเขายังมีเรื่องต้องทำอีกมากมายที่โรงงาน แม้ว่ากัวเหลียงกับคนอื่น ๆ จะคอยดูแลแทน แต่ฮวงเฟิงเองก็ยังรู้สึกเป็นห่วงคนพวกนั้นอยู่ ถ้าเขาสามารถไปที่นั่นได้ เขาก็จะไป

“ฝันไปเถอะ! กลับไปทำงานเดี๋ยวนี้เลยนะ!" เซี่ยเมิ่งเจียวมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม จากนั้นก็ปิดกระจกรถแล้วจากไปทันที

ฮวงเฟิงถูจมูกของตัวเองแล้วพึมพำ "ใจร้ายชะมัด" จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในบริษัท

"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไปทำงานที่โรงงานของนาย ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ คุณบอสฮวง!"

หลังจากเลิกงานได้ไม่นาน ฮวงเฟิงก็ได้รับข้อความจากกัวเมิ่งหาน

“เธอลาออกแล้วเหรอ?” ฮวงเฟิงตอบ

“ถูกต้อง! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันก็จะเป็นลูกจ้างของนายแล้วนะ” กัวเมิ่งหานตอบกลับอย่างรวดเร็ว

"ตั้งใจทำงานเข้าล่ะ ไม่งั้นเธอถูกหักเงินเดือนแน่!" ฮวงเฟิงแกล้งอีกฝ่าย

กัวเมิ่งหานตอบเขาด้วยอีโมจิหน้ายิ้มในตอนท้าย ดูเหมือนว่าเธอจะทำใจได้บ้างแล้ว หลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้รับข้อความอื่นอีก ดูอีกฝ่ายจะไปทำงานแล้ว

ฮวงเฟิงรู้สึกประทับใจกับการกระทำของกัวเมิ่งหาน มันช่างรวดเร็วและเด็ดขาดมาก ไม่เหมือนกับบริษัท ทั่วไปที่หากต้องการลาออกจะต้องขออนุญาตล่วงหน้า

กัวเมิ่งหานลาออกโดยเขียนจดหมายลาออก และจากไปทันที เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ต้องการเงินชดเชยใดๆ แม้ว่าเธอจะต้องการเงินมากแต่เธอก็ไม่อยากอยู่ในบริษัทอีกแม้แต่นาทีเดียว

เมื่อกัวเหลียงและอีกสองคนทำงานอยู่ที่โรงงาน ฮวงเฟิงเองก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น

เดิมที หน้าที่ของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ค่อยมีอะไรให้เขาทำมากนัก แต่ตอนนี้ เขาได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และไม่ได้ทำหน้าที่ของรปภ.และหน่วยลาดตระเวนอีกต่อไป ทำให้ตอนนี้เขามีเวลาว่างมากขึ้น

นอกจากทั้งสามคนที่กำลังยุ่งอยู่ ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งก็ดูเหมือนจะยุ่งมากเช่นกัน

ดูท่าว่าสาเหตุนี้จะมาจากการค้นพบของผู้จัดการหลิวที่ต้องการขโมยเอกสารเมื่อคราวก่อน แต่กลับถูกฮวงเฟิงรู้ทัน ดูเหมือนมันจะอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายซึ่งก็คือการทดลองเปิดคลินิก มันกำลังจะถูกจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้

ส่วนถังมู่เสวี่ย เธอไม่ได้กลับมาที่บริษัทอีก เขาไม่รู้ว่าเธอกลับไปที่เมืองหลวง หรือว่ากลับไปสะสางเรื่องอื่นกันแน่

ในขณะที่ฮวงเฟิงไม่มีอะไรทำจึงเลือกที่จะฝึกวิชา เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากชิวหนิงซวง

“เจ้าหน้าที่ชิว คดีนั้นมีความคืบหน้าบ้างไหมครับ?” ฮวงเฟิงรีบเอ่ยถามทันที ชายหนุ่มยังคงเป็นกังวลเรื่องคดี เนื่องจากเขาสงสัยว่าถงเจี้ยนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

เพราะเขากับถงเจี้ยน เป็นศัตรูกัน แม้ว่าในความคิดของเขา มันอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่สำหรับถงเจี้ยน อีกฝ่ายอาจไม่คิดเหมือนกับเขา

"ค่ะ ตามคำบอกเล่าของทั้งสอง คนที่สั่งให้พวกเขาขนศพที่ชื่อหลินจื่อเฉิงซึ่งก็คือ 'พี่เฉิง' ที่ปรากฏบนโทรศัพท์ของเขา ในตอนที่เตรียมการจับกุมหลินจื่อเฉิงและสอบปากคำ เราพบว่าเขาได้หายตัวไปแล้ว จากการสืบสวน เขาหนีออกจากเมืองเจียงไปแล้วค่ะ" ชิวหนิงซวงบอก

ก่อนหน้านี้เธอสัญญาว่าจะบอกฮวงเฟิงเกี่ยวกับคดีนี้ ถึงฮวงเฟิงจะไม่ใช่ตำรวจ แต่เธอก็ไม่ได้ปิดบังเขา หรือแม้แต่ตำรวจคนอื่นที่รู้เรื่องนี้เข้าจะต้องคัดค้าน แต่พ่อของชิวหหนิงซวงมีตำแหน่งสูงกว่าพวกเขา ถึงพวกเขาจะคัดค้านแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมา

“เขาหนีความผิดเหรอครับ?” ฮวงเฟิงถามกลับ

"ฉันเองก็ไม่มั่นใจ แต่เหมือนจะใช่นะคะ!" ชิวหนิงซวงตอบ

แม้จะไม่มีการพิสูจน์ว่าพี่เปี่ยวถูกฆ่าโดยหลินจื่อชิง แต่เขาก็เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด นอกจากนี้พวกเขายังหลบหนี ทำให้ชิวหนิงซวงสงสัยมากกว่าเก่า

"ในกรณีนี้ คุณพอจะมีเบาะแสอะไรบ้างไหมครับ?" ฮวงเฟิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลยสักนิด

“ยังไม่มีนะคะ” ชิวหนิงซวงตอบ