ตอนที่ 453

USB:บทที่ 453 ตาย

“ใช่แล้ว ทำไมถึงจะปล่อยพวกเขากลับไปง่ายๆ ยังงี้ล่ะในเมื่อพวกเขาก็แพ้การประลองแล้ว?” เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่คนคน เดียวที่ไม่พอใจในเรื่องนี้

“ถูกต้องแล้ว พวกเราไม่อาจที่จะปล่อยพวกเขากลับไปง่ายๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนไม่มากแต่ก็เป็นยอดฝีมืออันดับสอง และยอดฝีมืออันดับสองระดับสูงสุด พวกเราปล่อยเขาไปไม่ได้หรอก!” หัวหน้าสำนักที่อยู่ด้านข้างกล่าวเสริม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้ว่ายอดฝีมืออันดับสองคนนั้นได้ถูกฮวงเฟิงดูดซับพลังไปจนหมดสิ้นแล้ว ตอนนี้เขาได้กลายเป็นคนธรรมดาไปแล้วหนำซ้ำยังอ่อนแอกว่าคนธรรมดาอีกด้วยเพราะว่าเขาได้รับบาดเจ็บ

ดังนั้นหัวหน้าสำนักคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องอะไรพวกเขาต่างก็มีความคิดเช่นเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายกำลังที่จะต้องไปเผชิญหน้ากันในสนามรบ การที่จะปล่อยให้ยอดฝีมือเหล่านั้นกลับไปในเวลานี้ก็อาจจะทำให้พวกเขาลำบากได้

“งั้นพวกเราควรจะทำยังไงกันดี?”

“ตอนนี้พวกเรายังทำอะไรไม่ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะไม่เป็นการดีต่อชื่อเสียงของพวกเราเป็นแน่ถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป” ทันใดนั้นหัวหน้าสำนักก็กล่าวว่า “อย่างไรก็ตามพวกเราจะตามพวกเขาไปก่อนและหลังจากที่มั่นใจว่าพวกเขาไปไกลพอสมควรแล้ว หลังจากนั้นถ้าจะมีคนของอาณาจักรวายุโชยกล่าวหาว่าพวกเราเป็นคนทำพวกเราก็แค่ไม่ยอมรับก็ได้”

“ใช่แล้ว ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ ถ้าเราไม่ยอมรับเสียอย่างแล้วพวกเขาจะทำอะไรได้ ตราบใดที่พวกเราไม่ได้ต่อสู้กันที่นี่” หัวหน้าสำนักอีกคนหนึ่งกล่าวอย่างเห็นด้วย

อีกฝ่ายนั้นไม่ได้มีคนมามากมายนักและยอดฝีมือที่เก่งที่สุดทั้งสองคนตอนนี้ก็ได้รับบาดเจ็บแต่พวกเขาไม่อยากที่จะให้มีใครได้มีชีวิตรอดกลับไปเลย ดังนั้นพวกเขาจึงได้สิ้นสุดการปรึกษาหารือ ในที่สุดครึ่งหนึ่งของหัวหน้าสำนักทั้งหลายก็ต่างพากันแบ่งทีมออกไปและแต่ละคนก็พาลูกศิษย์สองสามคนตามหยวนเหลียงและคนที่เหลือไปด้วย

การประลองนั้นได้สิ้นสุดลงแล้วและทุกคนก็ต่างพากันแยกย้าย เห็นได้ชัดว่าศิษย์ธรรมดาไม่ได้ล่วงรู้แผนการของหัวหน้าสำนักทั้งหลายและในการประลองในวันนี้อาณาจักรสำเภาสวรรค์ของพวกเขาก็ได้รับชัยชนะอีกครั้งดังนั้นพวกเขาจึงพากันอารมณ์ดี

ส่วนฮวงเฟิงนั้นเขาได้รับความสนใจจากทุกคนมากที่สุดและหลายๆ คนก็ริเริ่มที่จะมาทำความรู้จักกับฮวงเฟิงโดยอยากจะชวนฮวงเฟิงไปดื่มกับพวกเขา ส่วนฮวงเฟิงนั้นก็ปฏิเสธพวกเขาอย่างมีชั้นเชิง แต่ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีเหตุผล แต่เป็นเพราะมีคนเชิญเขาไปดื่มด้วยมากเกินไปและเขาไม่รู้ว่าจะตกลงไปกับใครดี

เห็นได้ชัดว่าหลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับฮวงเฟิงและเสริมสร้างมิตรภาพของพวกเขา ดังนั้นคำเชิญในภายหลังจึงถูกปิดกั้นโดยทั้งสองคนนั้น อย่างไรก็ตามทั้งสองคนดึงฮวงเฟิงไปที่ร้านอาหารเพื่อดื่มเหล้ากัน

ก่อนหน้านี้ในโรงเตี๊ยมมีผู้สังเกตการณ์อยู่มากมายและคนเหล่านี้ก็เริ่มที่จะมาชนแก้วกับพวกเขาจึงไม่เป็นการดีนักที่ฮวงเฟิงจะปฏิเสธพวกเขา โชคดีที่เขาสามารถขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะไม่สามารถทนต่อการคะยั้นคะยอของพวกเขาได้

"พี่ฮวงตอนนี้ท่านเป็นคนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมืองหมังชานเลยนะ แม้แต่ฟู่หยางก็ไม่สามารถเทียบกับท่านได้" หลังจากฮวงเฟิงชนแก้วกับคนอื่นแล้ว หลิวหมิงเจี๋ยก็พูดกับฮวงเฟิงพร้อมกับหัวเราะอย่างสนุกสนาน

"ข้าไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นคนดังที่สุดของที่นี่ แต่ข้ารู้ว่าถ้าข้าดื่มแบบนี้ไปเรื่อยๆ ข้าจะต้องเมามาก" ฮวงเฟิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่บิดเบี้ยววันนี้เขาเมามากเกินไปแล้ว

“นั่นก็เป็นเพราะว่าทุกคนมีความสุขและพวกเราก็ชื่นชมท่าน ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน การต่อสู้แห่งอาณาจักรสำเภาสวรรค์ของเราคงต้องแพ้ราบคาบในวันนี้” หลี่เต๋อหยูกล่าว

“ใช่แล้ว ใช่เลย” หลิวหมิงเจี๋ยพยักหน้าและกล่าวว่า: "นอกจากนี้ พี่ฮวงยังมีทักษะศาสตร์การต่อสู้ที่แข็งแกร่งและเป็นคนที่เรียบง่ายต่างจากฟู่หยางที่แสนจะเย่อหยิ่งคนนั้น เขามีความภาคภูมิใจในการเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเยาวชนแห่งอาณาจักรสำเภาสวรรค์”

เห็นได้ชัดว่าหลิวหมิงเจี๋ยไม่ชอบฟู่หยาง แม้ว่าการฝึกฝนของฟู่หยางจะสูงกว่าเขา แต่ทัศนคติที่เย่อหยิ่งของเขาทำให้ผู้คนไม่ค่อยชอบเขานัก

“อย่าพูดแบบนั้นสิ วันนี้เขาก็ทำได้นะ” แม้ว่าหลี่เต๋อหยูจะไม่ชอบ ฟู่หยางแต่เขาก็ไม่ต้องการทำลายความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ถ้า ฟู่หยางมาได้ยินคำพูดของหลิวหมิงเจี๋ยก็อาจทำให้เกิดปัญหาอีกระลอก

หลิวหมิงเจี๋ยเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไรอีก อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงรู้ว่าเขายังไม่สามารถที่จะทำอะไรกับฟู่หยางได้

อันที่จริงฮวงเฟิงเองก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจกับฟู่หยางนัก ตอนที่พวกเขาออกมาจากจัตุรัสก่อนหน้านี้ ฟ่หยางก็ได้มามองหาฮวงเฟิงแต่สิ่งที่เขากล่าวไม่ใช่คำทักทายที่สุภาพหรือแสดงความยินดี แต่เป็นผู้อาวุโสที่ประกาศตัวเองโดยกล่าวว่าศิลปะการต่อสู้ของฮวงเฟิงนั้นก็ไม่ได้แย่นัก แต่คนหนุ่มสาวไม่ควรที่จะหยิ่งผยองและเข้าใจวิธีการเคารพผู้อื่น

ฮวงเฟิงอายุน้อยกว่าเขาก็จริง แต่ฮวงเฟิงอยากจะถามเขาจริงๆ ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเขาหยิงผยองและไม่เคารพเขา?

อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงเป็นคนนอกดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายมากเกินไป

“พี่ฮวง ท่านมีแผนอะไรบ้างสำหรับอนาคต?” หลิวหมิงเจี๋ยถาม เขารู้ว่าฮวงเฟิงมาที่นี่คนเดียวและดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกตนสันโดษ ดังนั้นเขาจึงไม่มีสำนักใดๆ “ ไม่ว่าท่านจะติดตามสำนักเจ็ดดาวนพเคราะห์ของเราแล้วค่อยย้ายสำนัก ในเวลานั้นพวกเราสามารถช่วยท่านได้นะ”

แม้ว่าหลิวหมิงเจี๋ยจะไม่ใช่หัวหน้าสำนักเจ็ดดาวนพเคราะห์และไม่ได้รับคำสั่งใดๆ ให้มาทาบทามฮวงเฟิง แต่เมื่อเห็นยอดฝีมือเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเขาก็ต้องการให้ฮวงเฟิงมาอยู่ในสำนักของเขาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่สำนักของตัวเอง

นอกจากนี้หลิวหมิงเจี๋ยก็กำลังทำสิ่งนี้เพื่อผลประโยชน์ของฮวงเฟิงเองด้วย แม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของฮวงเฟิงจะทรงพลัง แต่ในสนามรบไม่มีใครช่วยเขาได้และมันก็อันตรายมาก ท้ายที่สุดแล้วคนเก่งคนเดียวก็ไม่สามารถที่จะรับมือกับหมัดมากมายที่จะเข้าปะทะได้

"ข้าไม่คิดอย่างนั้นในตอนนี้" ฮวงเฟิงกล่าวขอโทษ: "ข้าต้องการไปที่แนวหน้าเพื่อลาดเลาเสียก่อนแล้วก็ไปเยี่ยมสหายเก่าตามคำสั่งของพ่อข้า หลังจากที่ได้เจอเรื่องนี้ข้าเองก็ต้องการที่จะเพิ่มพูนประสบการณ์ของตัวเอง"

“ถ้างั้นก็ตกลง” หลิวหมิงเจี๋ยไม่ได้บังคับเขา แต่ก็ยังเตือนเขาด้วยความจริงใจ: "ถ้าพี่ฮวงงต้องการความช่วยเหลือ ได้โปรดบอกพวกเรา พวกเราก็จะไปแนวหน้าในไม่ช้านี้เช่นกัน"

"แน่นอน" ฮวงเฟิงรู้สึกได้ถึงความจริงใจของทั้งคำพูดของหลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยู และไม่ได้ปฏิเสธพวกเขาจนเกินควร

หลังจากทานอาหารเสร็จ ฮวงเฟิงก็มุ่งหน้าไปยังเมืองชายแดน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักและเมื่อเขาไปถึงที่นั่นเขาก็เป็นเวลาพักผ่อนพอดี

ในขณะที่ฮวงเฟิงกำลังรีบเร่งอยู่นั้น หยวนเหลียงก็กำลังพากลุ่มลูกศิษย์ของเขาไปด้วยเขารู้ดีว่าคนเหล่านั้นจากอาณาจักรสำเภาสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ ต่อหน้าคนอื่นพวกเขาอาจจะทำอะไรไม่ได้ง่ายๆ แต่เมื่อลับหลังของทุกคนแล้วพวกเขาจะไม่มีความกังวลใดๆ อย่างแน่นอน

ตอนนี้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าบากเป็นที่สามารถพึ่งพาได้ไม่เพียงแต่จะได้รับบาดเจ็บเท่านั้นแต่ยังบ้าคลั่งอีกด้วย ตลอดทางเขายังคงตะโกนและด้วยเหตุผลบางอย่างเขาไม่รู้สึกถึงพลังภายในตัวของเขาเลย ราวกับว่าเขาเป็นคนธรรมดา

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหยวนเหลียงรู้ว่าอีกฝ่ายไว้ใจไม่ได้และเขาก็ต้องพึ่งตัวเอง

“โชคดีที่ข้ายังมีระเบิดเหม็นที่ปรมาจารย์กงหมิงมอบให้!” หยวนเหลียงคิดด้วยความขอบคุณ เดิมทีเขาคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้ของสิ่งนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะจำเป็นต่อชีวิตของเขาเสียแล้ว