ตอนที่ 546

USB:บทที่ 546 ถูกปลด

ท่านผู้นำฉีอู่ไม่พอใจกับคำพูดพวกนั้นอย่างมาก ความโกรธแผ่ซ่านออกมาทั้วทั้งตัว!  เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะรวบรวมดินแดนมาได้ ตอนนี้เพียงเพราะเขาต้องการหาความสำราญกับตัวเองบ้าง กลับมีใครบางคนกล้าพูดถึงเขาลับหลังได้ขนาดนี้เชียวเหรอ? และทั้งหมดนี่ไม่ใช่เพราะความมุ่งหวังและทะเยอทะยานของเขาหรอกเหรอ? ไม่ใช่เพราะเขาใสใจทหารใต้บังคับบัญชาหรอกหรือไง? พวกเขาต้องตรากตรำทำศึกมาโดยตลอด และตอนนี้เขาเพียงแค่อยากให้ทุกคนได้ผ่อนคลายกันบ้าง นอกจากจะไม่เข้าใจแล้ว ยังกล้าพูดจาให้ร้ายเขาลับหลังอีก

"เขา เขาคือ?" ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะนึกลังเล ไม่กล้าพูดชื่อออกมา

"พูด! ใครกันกล้าพ่นคำพูดเหลวไหลพวกนี้?" ผู้นำฉีอู่ ถามอีกครั้ง

"เขาคือ ซูเป่ย รวมถึงทหารติดตามเขาด้วย" ท่าทางของผู้ชายคนนั้นจำใจต้องพูดออกมาถูกบังคับ แต่ไม่มีใครสามารถเห็นรอยยิ้มที่ฉายวาบออกมาทางแววตาของเขาได้เลย

"ซูเป่ย?" เมื่อได้ยินชื่อคนคนนั้น ผู้นำฉีอู่ขมวดคิ้วขึ้นทันที ซูเป่ยติดตามเขามานาน เป็นคนที่จงรักภักดีต่อเขา นอกจากนั้นเขาเป็น นอกจากนี้แล้วเขาเป็นคนที่มีฝีมือที่ดีที่สุดในสนามรบ มีส่วนร่วมในสนามหลายต่อหลายครั้ง ในขณะเดียวกันเขาเป็นคนเดียวที่เขาใจกลยุทธ์การทำสงคราม ต่างจากคนอื่น ๆ ที่รู้จักแต่ใช้กำลังเข้าห่ำหั่นไม่ต่างจากสัตว์ป่าดุร้าย ซึ่งปกติแล้วผู้นำฉีอู่มักจะชื่นชมซูเป่ยเป็นอย่างมาก เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนที่กล้าพูดแบบนี้ลับหลังเขา

"ขอรับ เขาคือซูเป่ย!" คนที่ยืนอยู่ข้างผู้นำฉีอู่สามารถเห็นความรู้สึกไม่พอใจบนใบหน้าของท่านผู้นำได้ทันที่ จากนั้นเขาจึงรีบพูดต่ออีกว่า "เขาเชื่อมั่นในความสามารถในการทำสงครามของตัวเองอย่างมาก เขายังพูดอีกว่าไม่ว่าจะเป็นความสามารถทางด้านในเขาก็เหนือกว่าท่านผู้นำ ไม่หมดแค่นั้น เขายังพูดอีกว่าเขาคือผุ้นำในการบุกเข้าโจมตีเมืองพวกนั้น การเสียสละของเขาเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"

หัวใจของผู้นำฉีอู่นั้นเริ่มกระตุกวูบขึ้น เนื่องจากสิ่งที่ซูเป่ยพูดนั้นคือความจริง ตั้งแต่ขึ้นเป็นผู้นำ ปกติกแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำสงครามด้วยตัวเองอีก นอกจากนั้นซูเป่ยเป็นคนมีความสามารถในการทำศึก ดังนั้นหลายครั้งที่ผู้นำฉีอู่ส่งเขาออกไปเป็นผู้นำทัพ บุกเข้าโจมตีเมืองต่าง ๆ เหล่านั้น และถ้าจะพูดว่าบรรดาเมืองเหล่านั้นถูกโค่นล้มลงได้เพราะซูเป่ย ก็คงจะไม่ผิด ผู้นำฉีอู่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน อีกทั้งยังคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีถ้าหากจะมีคนที่มีความสามารถในการทำศึกไว้อยู่ภายใต้คำสั่งเขาสักคน แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะลืมคำพูดที่ว่า

"การสนับสนุนนั้นคือพลังอันยิ่งใหญ่" นอกจากนั้นแล้วซูเป่ยมีผลงานมามากมาย อาจจะเป็นเพราะเขาประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำนำกองกำลังเข้าสู่สนามรบมากมายหลายครั้ง  และนั่นทำให้เขาสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้ และอาจจะมากขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีนัก

"ท่านผู้นำ เขาเริ่มได้รับการเอาอกเอาใจจากคนอื่น ๆ ท่านผู้นำไม่ควรปล่อยให้เขาทำแบบนี้อีกต่อไป นี่เท่ากับเป็นการทำลายชื่อเสียงของท่านผู้นำด้วย ข้ารู้สึกว่าเขามีเจตนาไม่ดี" ผู้ชายคนนั้นยังคงพูดต่อไปอีก

"หยุดพูดจาไร้สาระ! นายพลซูยังคงภักดีต่อข้าอยู่" ผู้นำฉีอู่ตำหนิผู้ชายคนนั้น แต่ถึงแม้ว่าเขาจะตำหนิออกไปเช่นนั้น แต่ในใจเขากลับคิดหาแผนการที่จะจัดการกับซูเป่ย

ผู้ชายคนนั้นก็สามารถเห็นถึงความคิดของท่านผู้นำได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ดังนั้นเขาจึงหยุดพูด ตอนนี้เขาได้พูดในสิ่งที่ต้องการพูดแล้ว ไม่เพียงแค่นั้นเขายังได้ปลูกฝังความหวาดระแวงระหว่างผู้นำฉีอู่และซูเป่ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยความสำคัญของตำแหน่งผู้นำ ไม่มีทางที่ผู้นำฉีอู่จะไม่ลงมือทำอะไรในสิ่งที่เขาพูดเลย  หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นจากไป ผู้นำฉีอู่ยังคงครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ

"เรียนท่านผู้นำ นายพลซูมานี่ก่อนหน้านี้ เขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะรายงานค่ะ" สาวใช้เพิ่งมีโอกาสรายงานต่อผู้นำฉีอู่

"อ้อเหรอ? เขามาที่นี่ตอนที่ข้าหลับอยู่เหรอ?" ผู้นำฉีอู่ถาม

"เจ้าค่ะ เขามาที่นี่ เมื่อเห็นว่าท่านยังหลับอยู่ เขาก็เลยกลับออกไป" สาวใช้ตอบ

ผู้นำฉีอู่พยักหน้ารับรู้ แล้วจู่ ๆ ก็ตามขึ้นว่า "นอกจากนั้นแล้ว เขาพูดอะไรอีกบ้าง?"

"เขา?" สาวใช้ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี ทั้งหมดเป็นเพราะ ผู้นำฉีอู่คือเจ้านาย ส่วนทางด้านนายพลซู ก็มีอิทธิพลมาก

"มีอะไรจะพูดก็พูดมา? ผู้หญิงก็คือผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ!" ผู้นำฉีอู่ที่รู้สึกหงุดหงิดอยู่แล้ว เริ่มรู้สึกหงุดมากขึ้นไปอีกกับท่าทีของสาวรับใช้

สาวรับใช้จึงรีบพูดออกมาเพราะความตกใจ "เขาพูดว่า ท่านผู้นำเริ่มทำตัวแย่ลง นอกจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยคะ"

ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของผู้นำฉีอู่เริ่มบิดเบี้ยวขึ้นด้วยความไม่พอใจ เดิมที่เขายังไม่ปักใจเชื่อคำพูดของผู้ชายคนนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้พูดจาโกหกพกลม ซูเป่ย เชื่อมั่นในความสามารถทางทหารของตัวเองมากเกินไป และตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอีก จนกล้าพูดจาถึงเขาลับหลังเช่นนี้

ที่จริงแล้วหากเป็นเมื่อก่อนนี้ ถึงแม้ว่าผู้นำฉีอู่จะได้ยินคำพูดพวกนี้ เขาก็จะไม่โกรธมากถึงเพียงนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะเขานอนนานเกินไป แล้วเขาจะไม่โทษซูเป่ย แต่เวลานี้ผู้นำฉีอู่ได้ใช่ฉีอู่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว  เขามีผู้ใต้บังคับบัญชามากขึ้น และตำแหน่งก็สูงขึ้น  อีกทั้งยังไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์เขาต่อหน้า  เวลานี้ซูเป่ยกล้าพูดถึงเขาแบบนั้น

"ซูเป่ย! ไม่คิดเลยว่าเพียงแค่มีผลงานนิดหน่อย กลับทำให้ท่านไม่รู้จักฐานะของตัวเอง กล้าพูดถึงข้าลับหลังแบบนั้น ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาข้าจะใจตามใจท่านมากเกินไป!" ผู้นำฉีอู่คิดในใจ

ในตอนนั้นความรู้สึกดีที่เคยมีต่อซูเป่ยได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ซูเป่ยไม่ได้รับความไว้วางใจจากเขาอีกต่อไป และนั่นก็ทำให้ผู้นำฉีอู่มีคำสั่งลดอำนาจทางการทหารของซูเป่ยในทันที เพราะความโกรธที่เกิดขึ้น ผู้นำฉีอู่ไม่ได้ไต่สวนหรือแม้แต่จะรับฟังคำอธิบายใดจากซูเป่ยเลย

"เขาลดอำนาจทางการทหารของข้าเพราะเหตุใด? เรื่องนี้ข้าไม่ยอม ข้าต้องได้คำอธิบายจากท่านผู้นำ!" ซูเป่ยไม่อาจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนบ่ายของเมื่อวานได้ เมือเขาได้มีโอกาสพบกับผู้นำฉีอู่ ซูเป่ยก็สามารถสังเกตเห็นว่า ความไว้วางใจของอีกฝ่ายที่มีต่อตัวเองได้เปลี่ยนไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้ความไว้วางใจในที่มีได้จางหายไปด้วย เขาไม่อาจยอมรับกับคำสั่งนั้นได้?

"นายพลซู โอ้ไม่ซิ ซูเป่ย ท่านเป็นนายพลมานานเกินไปแล้ว  ท่านผู้นำบอกว่าไม่อยากเห็นหน้าท่านอีก ถ้าในใจเจ้ายังพอรู้สึกผิดอยู่บ้าง ก็ให้กลับไปตรึกตรองดูที่บ้าน ขืนยังเอาแต่ใจมากไป ก็อย่าโทษที่ท่านผู้นำจะไม่คำนึงถึงมิตรภาพที่ผ่านมา!" ในตอนแรกผู้ชายคนนั้นไม่คิดว่าท่านผู้นำจะมีคำสั่งเช่นนี้ออกมา เขาเพียงแค่ต้องการเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับซูเป่ย แต่ตอนนี้เขาก็ได้เห็นในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว ทำให้เขาอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก

"สัตว์เลี้ยงกับเกียรติยศนะเหรอ? ข้าไม่ได้ทำ ข้าซูเป่ย รู้ดีอยู่แก่ใจ ทั้งชีวิตทำแต่ความนี้  อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากท่านผู้นำ มันต้องเป็นความคิดต่ำช้าของเจ้า ที่คอยยุยงท่านผู้นำอยู่เบื้องหลัง!" ท่าทีของซูเป่ยเห็นได้ชัดว่าเขาไม่อาจยอมรับคำสั่งนั่นได้