USB:บทที่ 131 แกคือเหลาหยู?
แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อที่จะขอโทษ แต่เธอไม่คิดว่าเธอทำอะไรผิด ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะช่วยเธอไว้แต่เธอก็ถูกเอาเปรียบในสถานการณ์เช่นนั้น
เซี่ยเมิ่งเจียวและคนอื่นๆ ไม่ได้อยากจะมีเรื่องกับเขา แต่โดยทั่วไปแล้วเธอไม่อยากเสียเปรียบเพราะคำพูด
แต่ในท้ายที่สุดเซี่ยเมิ่งเจียวก็ไม่ได้รอฮวงเฟิง
“เธอไม่เป็นอะไร ใช่ไหม?” ซูหยูโม่ถามด้วยความเป็นห่วง
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน? เป็นไปได้ด้วยเหรอที่ฉันจะเสียเปรียบคนอื่น?” ถึงแม้ว่าเซี่ยเมิ่งเจียวจะเชื่อว่าเธอยังไม่ได้เสียเปรียบใครและเธอก็จะไม่บอกให้ซูหยูโม่รู้อย่างแน่นอน
“งั้นก็ดีแล้วที่เธอไม่เป็นอะไร” ซูหยูโม่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอรู้ดีว่าสถานที่แบบนี้ค่อนข้างอึกทึกและเธอก็กลัวว่าเซี่ยเมิ่งเจียวจะได้รับบาดเจ็บแต่เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เธอได้เคยทำมาก่อน เซี่ยเมิ่งเจียวก็ไม่เคยได้รับความเจ็บปวดจากการสูญเสียมาก่อนเลย
“มันกล้ามาก ถ้ามันกล้ามาล่วงเกินฉันนะ ฉันจะฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ เลยคอยดู!” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวอย่างเคียดแค้น
มุมปากของซูหยูโม่ผุดรอยยิ้ม เธอรู้ดีว่าเซี่ยเมิ่งเจียวกล้าทำอย่างที่พูดได้จริงๆ
“เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เธอเพิ่งจะกลับมา งั้นพวกเรากลับบ้านไปพักผ่อนกันเถอะ” ซูหยูโม่กล่าว
“เอาสิ” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว เธอเองก็เหนื่อยเหลือเกินและดื่มไปค่อนข้างมากในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะส่างขึ้นมากแล้วแต่เธอก็รู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าไรและอยากจะกลับไปพักผ่อนมากกว่า
สำหรับฮวงเฟิงนัั้น ถึงแม้ว่าเธอจะต้องการที่จะมองหาเขาแต่ที่บาร์แห่งนั้นก็มีคนเยอะเกินไป จึงเป็นไปได้ที่หาเขาเจอ
ยิ่งไปกว่านั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาคงจะออกจากบาร์ไปแล้วเพราะนั่นก็เป็นทางออกทางเดียว
ฮวงเฟิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่ใส่ใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อีกฝ่ายนั้นกลับต้องการที่เอาเรื่องเขาให้ได้ ถ้าเขารู้เช่นนั้นเขาก็คงจะไม่มีโชคอีกครั้ง
ฮวงเฟิงไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่าตัวเองโชคร้าย เหลาหยูที่สั่งให้พี่เปียวไปจัดการกับฮวงเฟิง
ในเวลานี้ เขาอยู่กับถงเฉียนและถ้าถงเฉียนเห็นว่าเขายังแก้ปัญหาเรื่องฮวงเฟิงไม่ได้ เขาก็คงจะโดนตะคอกใส่อีก
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนรวยรุ่นที่สองแต่ก็มีความแตกต่างกัน เพราะเมื่อถงเฉียนตะคอกใส่เขาเช่นนี้แต่เขาเองกลับไม่กล้าที่จะตอบโต้
จริงๆ แล้วเขาเพียงต้องการที่จะประจบถงเฉียนเพื่อที่ว่าเขาจะได้ให้บทเรียนกับฮวงเฟิง
แต่ก่อนที่เขาจะสามารถทำเช่นนั้นได้ พี่เปียวก็เข้ามาสวาปามเอาเงินของเขาไปจนหมดอย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังพูดจาหยาบคายใส่เขาทางโทรศัพท์จนทำให้รู้สึกแย่เป็นอย่างมาก
ถงเฉียนตะคอกใส่เขา ซึ่งเขาไม่สามารถทนได้แต่เขาก็ต้องทน
อย่างไรก็ตามสำหรับพี่เปียวและคนอื่นๆ เขาไม่จำเป็นต้องทน ในสายตาของเขาพี่เปียวก็เป็นแค่ขี้ข้าคนหนึ่งที่ไม่มีค่าแม้แต่จะต้องพูดถึง แต่มันก็ยังกล้าที่จะพูดกับเขาเช่นนั้น มันช่างยโสเกินไปแล้ว
“แกนี่มันช่างไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าเศษขยะซะอีก!” ถงเฉียนให้บทสรุปคำด่าทอที่มีต่อเหลาหยูในคืนนั้น
ก่อนหน้านี้เมื่อพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กัน เขารู้สึกว่าเหลาหยูมีทักษะบางอย่างแต่เขาไม่คิดว่าเหลาหยูจะไม่สามารถจัดการได้แม้แต่เรื่องเล็กๆ
ถ้าเขารู้ก่อนหน้านี้ เขาก็คงจะใช้คนอื่นเสียยังดีกว่า
ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว แต่เจตนาร้ายของถงเฉียนที่มีต่อฮวงเฟิงก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
เหลาหยูไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ เขาจึงได้วางแผนที่จะลงมือด้วยตัวเอง
“นายน้อยถง ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เสียเปรียบในครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะจัดการเรื่อนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” เหลาหยูให้สัญญาอีกครั้ง
เขาเตรียมที่จะไปหาคนอื่นเพราะเขาไม่อยากที่จะเป็นไอ้โง่ในตอนสุดท้าย
เขายังอยากให้ถงเฉียนรู้สึกเอ็นดูเขา
“สัญญางั้นเหรอ แกจะให้คำสัญญาอะไรกับฉันได้อีก? แกยังจะมีหน้ามาสัญญากับฉันอีกงั้นเหรอ?” น้ำลายของถงเฉียนเกือบจะพ่นใส่หน้าของเหลาหยู แต่เหลาหยูก็ได้แค่อดทน
“นายน้อยถง ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ ผมสัญญาว่าพรุ่งนี้ ไอ้เจ้า รปภ. ตัวเล็กๆ นั่นจะต้องมาคุกเข่าร้องขอชีวิตต่อหน้านายน้อยถงเลยทีเดียว” เหลาหยูรีบกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทำพลาดมาแล้วถึงสองครั้ง ถงเฉียนก็ไม่เชื่อเหลาหยูอีกต่อไป เขาไม่ได้พูดอะไร แต่กลับลุกขึ้นยนและเดินจากไป
ราวกั[ว่าเขาไม่ใส่ใจเหลาหยูอีกต่อไปแล้ว
เหลาหยูรู้สึกไม่พอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เขาลุกขึ้นยืนและเดินจากไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตามผลลัพท์นั้นยังไม่แน่ชัดเมื่อคนทั้งสองมาถึงทางออกของบาร์แห่งนั้น พวกเขาก็ถูกหยุดได้โดยพวกอันธพาลสองสามคน
ใครคือถงเฉียน? อีกฝ่ายเข้ามาขวางทางเดินเองไว้ ถึงแม้ว่าเขาจะเข้ามาขวางทางเดินเอาไว้อย่างไม่ตั้งใจแต่นั่นก็เป็นการไม่สุภาพ
“แล้วไอ้หมาบ้านี่มาจากไหนกัน? ชิ้ว ชิ้ว!” ถงเฉียนตะคอกใส่ เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเขาไม่ค่อยจะดีนัก
เหลาหยูเองก็อารมณ์ไม่ดี เขารู้สึกว่านี่เป็นโอกาสของเขาแล้วที่จะได้แสดงฝีมือ ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าวว่า “พวกแกไม่มีตาหรือไง แกกล้าดียังไงถึงได้เอาเด็กๆ พวกนี้มาขวางทางเดินฉัน?”
คนที่เข้ามาขวางทางของถงเฉียนและเหลาหยูก็คือลูกน้องของพี่เปียวนั่นเอง
หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากพี่เปียว เขาก็ไม่กล้าที่จะเพิกเฉยและหลังจากที่หาพบว่าวันนี้เหลาหยูอยู่ที่ไหน เขาก็พาพวกอีกสองสามคนมารออยู่ที่ด้านนอก
ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่อยากจะเข้าไปข้างในแต่เป็นเพราะว่าคลับเฮาส์แห่งนี้คนที่จะเข้าไปได้ต้องเงินหนาอยู่สักหน่อย
เขาจึงไม่ต้องการและไม่กล้าที่จะไปก่อเรื่องข้างในนั้น และยิ่งไปกว่านั้นการบริโภคในคลับเฮาส์แห่งนี้ก็ค่อนข้างสูง ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่รอเหลาหยูอยู่ข้างนอก และยิ่งพวกเขารอนานเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาทำได้เพียงแค่ต้องรออยู่ที่ด้านนอกในขณะที่พวกเหลาหยูกำลังสนุกสนานอย่างนั้นหรือ?
ดังนั้น เมื่อพวกเขาเห็นเหลาหยูและเพื่อนออกมา เด็กหนุ่มและลูกน้องของเขาก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกันนั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาอิจฉา
“นายน้อยหยู?” เด็กหนุ่มตะโกนและต้องการยืนยันตัวตนให้แน่ชัด
“แกรู้จักฉันหรือ?” ในตอนแรกเขาคิดว่าคนเหล่านี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะขวางทางเดินของเขา แต่เขาก็ไม่คิดว่าคนพวกนี้จะรู้จักเขา
ด้วยเหตุนี้ทำให้เหลาหยูรู้สึกโมโห ใครก็บอกได้ว่าคนเหล่านี้เป็นพวกอันธพาล แต่ประเด็นก็คือคนพวกนี้รู้จักเขาและประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือหลังจากที่รู้จักเขาแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่พี่เปียวก็ไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา แล้วทำไมอันธพาลพวกนี้ถึงได้ทำเหมือนกัน? อันธพาลสมัยนี้ช่างหยิ่งผยองนัก?
“ดีเลยที่แกอยู่ที่นี่! จัดการมัน” เมื่อตอนที่ต่อสู้กับฮวงเฟิงและเทียนจุ้น พวกเขาไม่กล้า แต่เมื่อต้องจัดการกับคนรวยรุ่นที่สองที่ไม่เคยเห็นพวกเขาอยู่ในสายตา พวกเขากลับไม่รู้สึกกดดันอะไรเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าเหลาหยูจะเป็นสมาชิกของตระกูลที่ร่ำรวยรุ่นที่สอง แต่ภูมิหลังของเขานั้นแสนจะธรรมดา เขาจึงไม่กลัวการล้างแค้น และพี่เปียวก็ด้วย
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved