ตอนที่ 351

USB:บทที่ 351 ยังไม่ตาย

"ปล่อยฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!" แน่นอนว่าสิ่งนี้คือการแสดง แต่ในทางกลับกัน มันก็เป็นเพราะความกลัวที่ก่อขึ้นในจิตใจ หากไม่มีฮวงเฟิงอยู่ข้างกาย เธอเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

นับตั้งแต่ที่ฮวงเฟิงปรากฏตัว หลี่ปิงอวิ๋นก็มองฮวงเฟิงเป็นคนที่พึ่งพาได้โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะตอนที่เธอรู้ว่าฮวงเฟิงยังไม่ตาย

ทว่าหลี่ปิงอวิ๋นก็แอบสงสัยขึ้นมา ก่อนหน้านี้ ฮวงเฟิงขอให้เธอเล่นละครตบตาทหารคนนั้น แต่ตอนนี้ทหารคนนั้นก็กำลังเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆแล้วเขาจะทำยังไงต่อล่ะ?

ยังดีที่ฮวงเฟิงไม่ปล่อยให้เธอสงสัย ในขณะที่เธอกำลังดิ้นรนอยู่นั้น จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงดัง ‘ปัง’

การกระทำของชายวัยกลางคนที่จับมือของเธออยู่ก็ได้หยุดลง จากนั้นหลี่ปิงอวิ๋นก็เห็นอีกฝ่ายค่อยๆหันศีรษะไปทางด้านหลังด้วยความยากลำบาก

ในตอนนี้ หลี่ปิงอวิ๋นก็หันไปมองเช่นกัน จากนั้นเธอก็ได้เห็นร่างที่คุ้นเคย อีกฝ่ายถือหอกที่ไปนำมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ขอบอกเลยว่าหอกที่ฮวงเฟิงกำลังถืออยู่นั้นได้ฟาดศีรษะของชายคนนั้นเข้าอย่างจัง!

“เห้ย! ทำไมแกยังไม่ตายอีก!?” ทหารเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจปนสงสัย แต่ก่อนที่ฮวงเฟิงจะตอบกลับไปนั้น ดวงตาของอีกฝ่ายก็กลอกไปมาจากนั้นก็เป็นลมล้มตึงไปในที่สุด

“เฮ้อ!”

เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ฮวงเฟิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก การโจมตีเมื่อกี้เขาไม่ได้ยั้งมือเลยแม้แต่น้อย แรงที่เขาใส่ไปนับว่าไม่ใช่น้อยๆ ถึงอีกฝ่ายจะไม่ถึงตาย แต่ต้องสลบแน่นอน!

"นายไม่เป็นไรใช่ไหม?" ในเวลาเดียวกัน หลี่ปิงอวิ๋นก็เดินไปหาฮวงเฟิงและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

แม้ว่าฮวงเฟิงจะบอกว่าเขายังไม่ตาย

แต่เธอก็ได้เห็นกับตาว่าฮวงเฟิงถูกยิงที่หน้าอกสองนัด แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ตาย แต่หลี่ปิงอวิ๋นก็เชื่อว่าฮวงเฟิงจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน

ความจริงแล้ว แม้ว่ากระสุนทั้งสองนัดจะยิงโดนหัวใจของฮวงเฟิง แต่มันก็ไม่ทำให้เขาถึงตาย

เนื่องจากพลังป้องกันของชุดเกราะไหมทองคำนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก ในตอนนั้น ฮวงเฟิงสามารถรู้สึกถึงลูกกระสุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเจ็บหรือบาดแผลใด ๆ

แต่เพราะสถานการณ์ในตอนนั้น ทำให้ฮวงเฟิงเลือกที่จะแสร้งทำเป็นถูกทำยิงจนตาย ถ้าไม่อย่างนั้น ศัตรูก็คงจะยิงที่ตำแหน่งอื่นที่ไม่ใช่หน้าอกแต่เป็นหัวของเขาไปแล้ว

แน่นอนว่าฮวงเฟิงทั้งดีใจทั้งกลัวในเวลาเดียวกัน ถ้านัดแรกหรือนัดที่สองที่อีกฝ่ายยิงไม่ใช่หน้าอกแต่เป็นหัวของเขาล่ะก็ เขาก็คงจบเห่ไปแล้ว

"ขาดประสบการณ์การด้านการต่อสู้จริงๆ" ฮวงเฟิงลอบถอนหายใจ

ฮวงเฟิงแอบคิดว่าอีกฝ่ายจะสู้กับเขาต่อสักพัก แต่จู่ๆอีกฝ่ายก็ดันหยิบปืนออกมายิงใส่เขาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทำเอาฮวงเฟิงที่กำลังตั้งใจสู้อยู่ถึงกับตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว

"ฉันไม่เป็นไร" ฮวงเฟิงตอบพลางส่ายหัว จากนั้นเขาก็หันไปมองทหารที่ถูกเขาจัดการไป

“แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงกันต่อล่ะ?” หลี่ปิงอวิ๋นในตอนนี้ไม่รู้จริงๆว่าควรจะทำอย่างไรต่อ ขณะที่มองฮวงเฟิงด้วยท่าทางประหม่า แต่ภายในใจกลับคิดว่าฮวงเฟิงคือคนที่ไว้ใจได้มากที่สุดในตอนนี้

"ออกไปจากที่นี่ก่อนก็แล้วกัน" ฮวงเฟิงตอบ ส่วนทหารที่นอนอยู่บนพื้น เขาได้ไตร่ตรองและตัดสินใจแล้วว่าจะพาอีกฝ่ายไปด้วย

"อื้อ!" ส่วนเรื่องการตัดสินใจของฮวงเฟิง หลี่ปิงอวิ๋นก็ไม่ได้คัดค้านใดๆ

แต่ในตอนที่ฮวงเฟิงกำลังพาทหารไปยังรถคันที่ลักพาตัวหลี่ปิงอวิ๋นไปนั้น เขาก็ได้เห็นรถคันหนึ่งจากระยะไกล แน่นอนว่ามีเพียงถนนเส้นเดียวเท่านั้นที่สามารถมายังกระท่อมแห่งนี้ได้

หากฮวงเฟิงต้องการพาคนที่เหลืออยู่ขับรถออกไป อีกฝ่ายจะต้องสังเกตเห็นไฟหน้ารถแน่นอน อีกอย่างก็คือฮวงเฟิงเองก็ไม่กล้ารับประกันเช่นกันว่าเขาจะสามารถขึ้นรถได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะสังเกตเห็น และทักษะการขับรถของเขายังไม่ดีพอ

หากโชคร้าย คนที่มาใหม่เป็นพวกของศัตรูจับได้ขึ้นมา แม้ว่าเขาจะขึ้นรถไปแล้ว แต่เมื่ออีกฝ่ายจับได้ เขาไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะหลบหนีจากอีกฝ่ายได้

"เราจะทำยังไงกันดี คนพวกนั้นจะต้องเป็นคนของพวกเขาแน่ๆ เมื่อกี้ผู้ชายคนนี้บอกว่ามีคนที่ต้องการมาพบเขาที่กระท่อมด้วยนะ" หลี่ปิงอวิ๋นที่เห็นรถขับเข้ามาใกล้เรื่อยๆหันไปพูดกับฮวงเฟิงด้วยท่าทางลนลาน

ฮวงเฟิงที่คิดว่าอีกฝ่ายจะต้องมีพวกพ้องอีกเป็นขโยง ได้ปากคำจากหลี่ปิงอวิ๋นเป็นเครื่องยืนยัน

"เร็วเข้า หนีเข้าไปในป่าก่อน!" ฮวงเฟิงใช้ความคิดครูหนึ่งแล้วพูดขึ้น ป่าที่นี่ค่อนข้างทึบประกอบกับแสงสลัวๆจะทำให้ซ่อนตัวได้ง่ายขึ้น

"อ..อืม" หลี่ปิงอวิ๋นตอบจากนั้นก็เดินตามฮวงเฟิงเข้าไปในป่า

เมื่อทั้งสองตัดสินใจเดินเข้าไปในป่า ฮวงเฟิงก็หันไปบอกกับหลี่ปิงอวิ๋นว่า "คุณเดินไปก่อนเลยนะ"

"ไม่! ไม่เอานะ! ฉ..ฉันอยากไปกับนาย...นายอย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวสิ" หลี่ปิงอวิ๋นถึงกับอึ้งในตอนแรก แต่แล้วก็รู้สึกตระหนกที่พูดแบบนั้นกับฮวงเฟิง

เนื่องจากว่าหลี่ปิงอวิ๋นกลัวว่า ฮวงเฟิงก็จะคิดว่าเธอเป็นภาระและทิ้งเธอไปในที่สุด เธอเลยไม่อยากอยู่ห่างจากอีกฝ่ายแม้แต่นาทีเดียว

เมื่อเห็นท่าทางที่น่าสงสารของลูกแมวตัวน้อยที่ถูกเจ้านายทอดทิ้งจากหลี่ปิงอวิ๋น ฮวงเฟิงกลับรู้สึกตลกขึ้นมาซะอย่างนั้น

หลี่ปิงอวิ๋นในตอนนี้แทบไม่อยากจะมองตัวเองเลยสักนิด เนื่องจากเธอเป็นคนที่ทุกคนรู้จักกันดีในนามของดาราสาวที่ยิ่งใหญ่ ในตอนนี้กลับไม่ต่างจากเด็กสาวธรรมดา นั่นเป็นเพราะสถานที่ที่เธออยู่ในตอนนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย

ฮวงเฟิงไม่ได้จะทอดทิ้งหลี่ปิงอวิ๋น ไม่ต้องพูดถึงที่เขายังมีภารกิจที่จะต้องปกป้องอีกฝ่าย แม้ว่าเขาไม่ได้รับภารกิจ เขาก็ไม่มีทางทอดทิ้งผู้หญิงคนนี้หรอก

"วางใจเถอะ ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อทอดทิ้งคุณสักหน่อย ผมมาที่นี่เพื่อช่วยคุณแล้วผมจะทิ้งคุณได้ยังไงล่ะครับ?" ฮวงเฟิงพูดกับหลี่ปิงอวิ๋น

"ผมแค่จะจัดการกับผู้ชายคนนี้ก่อน มันอาจจะมีการนองเลือดเกิดขึ้น แต่ถ้าคุณอยากอยู่ดู ผมก็จะไม่ขัด"

เมื่อเห็นฮวงเฟิงชี้ไปที่ชายวัยกลางคนในอ้อมแขนแล้ว หลี่ปิงอวิ๋นก็รู้ว่า ฮวงเฟิงหมายถึงอะไร ใบหน้าของเธอซีดขึ้นในทันที จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตราบใดที่ฮวงเฟิงยังไม่ทิ้งเธอกลางป่า อีกฝ่ายจะทำอะไรก็ช่าง

ในสภาพแวดล้อมแบบ หากฮวงเฟิงทิ้งเธอล่ะก็ เธอจะมีกะจิตกะใจเดินป่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มได้อย่างไรกัน?

“เอ่อ... ฉันขอไม่ดูดีกว่า งั้นฉันขอตัวไปรอนายข้างหน้านะ” หลี่ปิงอวิ๋นว่า เนื่องจากเธอเป็นคนสมองไว เธอจึงตระหนักได้ว่า ฮวงเฟิงกำลังจะทำอะไรต่อจากนี้

แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าการฆ่าเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่ในเวลาแบบนี้ รวมถึงสถานการณ์ในตอนนี้ หากไม่ทำเช่นนั้น เธอและฮวงเฟิงจะกลายเป็นฝ่ายที่ตกอยู่ในอันตรายซะเอง

หลังจากที่หลี่ปิงอวิ๋นพูดจบ เธอก็เดินไปข้างหน้า แต่ไม่นานเธอก็หยุดฝีเท้า ที่นี่ทั้งมืดและเต็มไปด้วยวัชพืชหนาแน่น แถมยังมีแมลงตัวเล็กๆเต็มไปหมด ไม่กล้าเดินไปไหนไกลๆคนเดียวเลยอ่า...

คราวนี้ฮวงเฟิงต้องการสังหารทหารในอ้อมแขนจริงๆ ทั้งๆตอนแรกเขาแค่ต้องการพาอีกฝ่ายไปส่งตัวให้ตำรวจไม่ก็ไป๋เสี่ยวโหรวเพื่อนำไปสอบปากคำ เผื่อว่าพวกเขาจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรบ้าง

แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถเพิ่มภาระให้ตัวเองได้