ตอนที่ 469

USB:บทที่ 469 มีสมาธิ

“พี่ฮวง ไม่ต้องกลัวไปหรอก ผ่อนคลายหน่อยสิ~” หลี่ปิงอวิ้นพยายามพูดปลอบฮวงเฟิง

“ฉัน..ไม่ได้กลัวสักหน่อย...” ฮวงเฟิงตอบ แต่เพราะเขายังรู้สึกประหม่า ทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้ายังคงไม่เปลี่ยนไป

"ฮิฮิ ไม่ได้กลัวเลยเนอะ" หลี่ปิงอวิ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในความคิดของเธอ ฮวงเฟิงเป็นคนที่เข้มแข็งพอ ๆ กับพี่ชายของเธอ เทพแห่งการคุ้มครอง ชายหนุ่มสามารถทำได้ทุกอย่าง

แต่แล้ววันนี้หลี่ปิงอวิ้นก็ได้ค้นพบแล้วว่าแท้จริงแล้วฮวงเฟิงก็ยังมีเรื่องที่ทำไม่ได้เช่นกัน

ฮวงเฟิงต้องการให้คนตรงหน้าหยุดแกล้งเขา แต่เขาก็รู้ดีว่าต่อให้เขาพูดอะไรไปอีกฝ่ายก็ไม่ฟังเขาอยู่ดี

"เอาล่ะ มาเริ่มถ่ายกันเถอะ!" อีกด้านหนึ่ง ผู้กำกับก็พูดออกมา ยังดีที่เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เมื่อถึงเวลา ฮวงเฟิงกลับก็ยิ่งรู้สึกเกร็งมากกว่าเดิม

“นี่ ฮวงเฟิง ฉันไม่จะกินนายสักหน่อย ทำไมนายต้องยืนอยู่ห่างจากฉันขนาดนั้นด้วยล่ะ?” หลี่ปิงอวิ้นกล่าวพลางมองดูฮวงเฟิงที่ยืนห่างไกลจากตัวเองด้วยสีหน้าขบขัน

หลังจากที่ฮวงเฟิงได้ยินที่หลี่ปิงอวิ้นพูด เขาก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ๆหลี่ปิงอวิ้นทันที แต่เพราะเขาขยับเข้าไปใกล้หลี่ปิงอวิ้นมากไปจนเกรงว่าอกของทั้งสองจะชนกัน

ด้วยเหตุนี้ หลี่ปิงอวิ้นจึงเป็นฝ่ายถอยหลังไปหนึ่งก้าว ฮวงเฟิงที่รู้ตัวว่าเขาขยับไปมากเกินไปจึงรู้สึกผิดจากใจ

"ฮวงเฟิง ขนาดเหตุการณ์อันตรายในคืนนั้นนายยังไม่กลัวเลย ถ่ายโฆษณาแค่นี้ทำไมนายถึงได้กลัวขนาดนั้นล่ะ? ใจเย็นๆสิ ไม่มีใครจะทำร้ายนายสักหน่อย" หลี่ปิงอวิ้นเห็นว่าฮวงเฟิงยังคงรู้สึกกลัวจึงกระซิบบอกเขา

แน่นอนว่าฮวงเฟิงเองก็รู้สึกอาย เขาเคยเจอสถานการณ์อันตรายมามากมาย ในช่วงแรก ๆ เขาก็ยังทำตัวไม่ถูกแต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มคุ้นชินกับมันจนเขาไม่รู้สึกประหม่าหรือเกรงกลัวอีกแล้ว

"นายลองคิดว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้สิ" หลี่ปิงอวิ้นยังคงพูดกับฮวงเฟิง

"อืม ฉันจะลองดู" ฮวงเฟิงตอบ จากนั้นเขาก็มุ่งความสนใจไปอยู่ที่หลี่ปิงอวิ้นและเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของผู้คนรอบตัว การใช้สมาธิเป็นเรื่องที่ฮวงเฟิงเชี่ยวชาญมาก ทั้งการฝึกกำลังภายในและการทำสมาธิ เขาต้องจดจ่อและไม่สนใจสิ่งรอบตัว

ด้วยเหตุนี้ คราวนี้ฮวงเฟิงจึงไม่สนคนรอบข้างและจดจ่ออยู่กับหลี่ปิงอวิ้น

จากนั้นหลี่ปิงอวิ้นที่เป็นนักแสดงมากฝีมือ ก็ตระหนักได้ทันทีว่าฮวงเฟิงมีสมาธิจดจ่อโดยสมบูรณ์แล้ว

เรื่องนี้ทำให้เธอทั้งรู้สึกประหลาดใจและมีความสุขไปพร้อมกัน ต้องบอกก่อนว่าขนาดนักแสดงที่มีชื่อเสียงก็ต้องมีสมาธิจดจ่อ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ทำกันได้ง่ายๆ

ดังนั้น สำหรับฮวงเฟิงที่ต้องออกกล้องครั้งแรกและทำสมาธิจดจ่อได้ทำให้เธอรู้สึกตกใจไม่น้อย แต่เธอไม่ยอมปล่อยเวลาให้สูญเปล่า จึงทำให้ตัวเองมีสมาธิจดจ่อทันที

"เยี่ยม! เยี่ยมมาก! อย่างนั้นแหละ!" ผู้กำกับตื่นเต้นมาก เนื่องจากเคยถ่ายภาพยนตร์ เขาถึงได้รู้ว่าการทำสมาธิจดจ่อนั้นยากขนาดไหน ขนาดคิดไม่ถึงว่ารปภ.ที่ไร้ประสบการณ์คนนี้จะมีฝีมือและทำสมาธิจดจ่อได้เร็วถึงเพียงนี้

ทว่าฮวงเฟิงและหลี่ปิงอวิ้นเล่นฉากนี้เหมือนจะไม่ได้ยินเสียงของผู้กำกับ ทั้งสองไม่สนว่าเขาจะพูดอะไรออกมา และแสดงต่อไปเพื่อทดแทนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

ฮวงเฟิงและหลี่ปิงอวิ้นไม่ได้เล่นตามบทที่เขียนไว้ พวกเขาเพียงขอให้ฮวงเฟิงใช้มือข้างหนึ่งโอบไหล่หลี่ปิงอวิ้นและใช้มืออีกข้างโอบเอวของหลี่ปิงอวิ้น และครั้งนี้หลี่ปิงอวิ้นก็ไม่ได้คัดค้าน

ในขณะที่ทั้งสองแสดงได้อย่างราบรื่น แม้จะเป็นการกระทำของฮวงเฟิงและมีส่วนที่ไม่เหมือนกับบทเดิม แต่มันก็ถูกถ่ายทอดออกจากความตั้งใจของทั้งสองคน

อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับไม่ได้บอกให้พวกเขาหยุด กลับกันนั้นเขายิ่งรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นว่าฉากที่ทั้งสองกำลังแสดงอยู่นั้นออกมาดีกว่าบทที่เขาเขียนเสียอีก

"คัท!"

ในที่สุดเสียงของผู้กำกับก็สั่งคัท ไม่ใช่เพราะฮวงเฟิงหรือหลี่ปิงอวิ้นทำอะไรผิด แต่เป็นเพราะทั้งสองคนแสดงได้ดีมาก ทำให้โฆษณาจบลงในไม่กี่วินาที และผู้กำกับก็พอใจกับผลลัพธ์ที่ได้มาก

ฮวงเฟิงและหลี่ปิงอวิ้นที่ได้สติหลังจากทำสมาธิจดจ่อ ทั้งสองก็หันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา ในดวงตาแฝงไปด้วยความรู้สึกพิเศษ ราวกับว่าทั้งสองไม่ได้เก็บซ่อนความรู้สึกที่มีให้กันและกัน

แต่ถึงอย่างนั้นถ้าโอกาสมาถึงก็ต้องรีบคว้า ในตอนนี้ ผู้กำกับไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติระหว่างฮวงเฟิงและหลี่ปิงอวิ้นเลยสักนิด

ผู้กำกับตื่นเต้นมากถึงกับเดินตรงไปหาฮวงเฟิงแล้วชมเขาว่า "เยี่ยมมาก คุณแสดงได้ดีมากจริงๆ”

จากนั้นเขาก็หยิบนามบัตรของตัวเองออกมาแล้วส่งให้ฮวงเฟิง “ฮวงเฟิง นี่นามบัตรผมครับ”

ฮวงเฟิงรับนามบัตรของอีกฝ่ายมาไว้ในมือ ถึงเขาจะไม่ได้สนใจมัน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยื่นนามบัตรมาให้แล้ว เขาก็ต้องรับมันไว้เพื่อรักษาน้ำใจ

ผู้กำกับมีความสุขมากที่เห็นฮวงเฟิงรับนามบัตรของเขาไป เพราะเขาคิดว่าตัวเองเป็นแค่ผู้กำกับตัวเล็กๆที่ไม่ค่อยรู้จักใคร ดังนั้นนักลงทุนที่เขาเจอส่วนใหญ่ไม่ใช่พวกเศรษฐี

ดังนั้นเขามักจะสร้างภาพยนตร์หรือละครทีวีต้นทุนต่ำ แต่เพราะมันใช้ต้นทุนไม่มาก เหล่าดาราที่พอจะมีชื่อเสียงก็เลยไม่คิดจะเหลียวแลมันเลยสักนิด

ส่วนนักแสดงที่เป็นที่นิยมยิ่งไม่สนค่าตัวที่ต่ำเกินไป เขาเลยทำได้แค่หานักแสดงหน้าใหม่มาแสดงแทน ด้วยเหตุนี้ ทักษะการกำกับหนังของเขาจึงไม่ได้รับการยอมรับ แถมภาพยนตร์และละครทีวีของเขาก็ไม่ได้ออกมาดีขนาดนั้น

สำหรับเขาแล้ว แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ฮวงเฟิงได้ออกกล้อง แต่เขากลับแสดงออกมาได้ดีมากจนน่าทึ่ง สำหรับมือใหม่อย่างเขาค่าตอบแทนจึงไม่สูงและเขาก็ไม่ได้ดูถูกเงินพวกนั้น ดังนั้นนี่ถือเป็นสิ่งที่เขาบังเอิญพบเจอโดยไม่ได้ขอ

เพียงแต่ผู้กำกับคนนี้ยังไม่รู้ว่าฮวงเฟิงไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่น้อย เขาก็แค่ไม่อยากทำให้ผู้กำกับคนนี้เสียหน้าจึงยอมรับนามบัตรของเขามาก็เท่านั้น

ฝ่ายหลี่ปิงอวิ้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฮวงเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่ เธอเห็นว่าฮวงเฟิงเป็นอีกคนที่มีความสามารถทางด้านนี้ และเมื่อเห็นฮวงเฟิงรับนามบัตรของเขา เธอจึงคิดว่าฮวงเฟิงคงจะสนใจงานนี้เข้าแล้ว

ดังนั้นหลี่ปิงอวิ้นจึงเป็นฝ่ายพูดกับผู้กำกับว่า "ผู้กำกับหลี่ ครั้งหน้า ถ้ามีละครเรื่องใหม่ ก็ให้โอกาสฉันได้แสดงอีกนะคะ"