ตอนที่ 677

USB:บทที่ 677 วางแผน

“ก็ฉันไม่รู้นี่นาว่าพระเอกขี่ม้าขาวของฉันอยู่ที่ไหน ฉันคงจะไปสุ่มหาเขาคนนั้นตามท้องถนนไม่ได้หรอกนะ” เซี่ยเมิ่งเจียวรำพึงรำพัน

“นี่ เมิ่งเจียวของพวกเรานี่ช่างอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์เสียจริงๆ เธอก็รู้นี่นาว่าเธอต้องตามหาเจ้าชายขี่ม้าขาว” ซูหยูโม่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“พี่หยูโม่ พี่ต้องล้อเล่นแน่ๆ เลย” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวอย่างเขินอาย “ก็ฉันเห็นว่าพวกเธอต่างก็มีคนที่ชอบแล้ว มีแค่ฉันนี่แหละที่ถูกทิ้งอยู่คนเดียว แล้วก็ถูกป้อนด้วยอาหารหมาแล้วจะให้ฉันทนได้ยังไงล่ะ”

“ถ้าเธอแค่พูดว่าเธออยากจะตกหลุมรักใครสักคนในเมืองหลวง คนที่มาเข้าคิวจีบเธอจะไม่ยาวไปจนถึงเมืองหลวงเลยงั้นเหรอ?” ซูหยูโม่กล่าว

“นี่ก็เว่อร์เกินไปละ แต่ถ้าเป็นพี่ล่ะก็ พี่หยูโม่  มันก็คงจะมีโอกาสเป็นไปได้” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้นฉันเองก็ไม่ได้ชอบคุณชายทั้งหลายในเมืองหลวงซะหน่อย พวกเขาน่ะช่างยะโสอย่างเหลือเชื่อและชอบคิดว่าตัวเองเป็นเทวดา”

“ถ้างั้นเธอกับยัยจิ้งจอกถังก็ต้องตามหารักแท้ในจังหวัดเจียงนี่แล้วล่ะ นี่เธอไม่ใช่พวกเดียวกันกับพวกที่หยิ่งยะโสที่ไม่ได้คลั่งเมืองหลวงยังงั้นเหรอ?” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว

“จะไปเหมือนกันได้ยังไงล่ะ? บางทีคนที่เธอเลือกอาจจะอยู่ในเมืองหลวงก็ได้ และแน่นอนว่าก็ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในจังหวัดเจียง บางทีเธอก็ไม่รู้หรอก” ซูหยูโม่กล่าว

“เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องพวกนี้เถอะ ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งโมโห ถ้าฉันได้เจอเจ้าชายของฉันล่ะก็ฉันจะดึงหูเขาและถามเขาว่ามัวไปอยู่ที่ไหนมาทำให้ฉันต้องรอเขานานขนาดนี้” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวด้วยความโมโห

เมื่อคิดถึงตัวเอง เธอก็คิดว่าเธอนั้นก็ไม่เลวเลยทีเดียวที่อย่างน้อยฮวงเฟิงก็ไม่ได้ปล่อยให้เธอต้องรอนานจนเกินไปกว่าที่เขาจะปรากฏตัวออกมา

แต่ไม่ใช่ว่าซูหยูโม่จะไม่กังวลอะไรเลย เธอยังมีครอบครัวอยู่ข้างหลัง เธอรู้ว่าผลลัพธ์ในปัจจุบันของเธอยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นพวกเขาได้ ทั้งหมดที่เธอพูดได้คือเธอทำให้พวกเขามองมาที่เธอ ด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป แต่เธอก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้พวกเขาตกตะลึงหรือเปลี่ยนใจพวกเขาได้จริงๆ

ดังนั้นเธอจึงต้องทำงานหนักขึ้น เธอไม่ต้องการที่จะไปกดดันฮวงเฟิง ในความเห็นของเธอฮวงเฟิงนั้นเพิ่งจะเริ่มต้นธุรกิจของเขา ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถกดดันเขาได้มากนัก

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงเรื่องของบริษัท เธอก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย เฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปพิ่งมาถึงจุดคอขวดในการพัฒนา สถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ตามที่ธุรกิจเติบโตขึ้นในระดับหนึ่ง สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้คือต้องฝ่าฟันปัญหาคอขวดนี้ไปให้ได้ ด้วยวิธีนี้พวกเขาจึงจะมีการพัฒนาที่ดีขึ้น

ของวิเศษที่ทำให้พวกเขาเคยฝ่าฟันปัญหาคอขวดนี้ไปได้ก็คือยาเม็ดที่จะวางจำหน่ายในตลาดในไม่ช้า ผลของยานี้ก็ไม่เลวนัก และหลี่ปิงหยุนก็ยังได้รับเชิญให้มากเป็นพรีเซนเตอร์ของพวกเขาด้วย เพื่อที่ว่าจะทำลายคอขวดของพวกเขาได้ในคราวเดียว

อย่างไรก็ตาม ถึงกระนั้น เธอและเซี่ยเมิ่งเจียวก็ยังไม่กล้ารับประกันความสำเร็จของพวกเขา หลังจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ค้นพบแล้วว่ายังมีบริษัทอีกมากมายภายในจังหวัดชิงที่มองพวกเขาด้วยความเกลียดชัง รวมถึงกลุ่มออร์คิดบีนกรุ๊ป คนเหล่านี้คงจะไม่ทำเพียงแค่นั่งรอดูพวกเขาประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน พวกเขาจะต้องคิดหาวิธีหยุดพวกเธอ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูหยูโม่ก็พูดกับเซี่ยเมิ่งเจียวว่า "เมิ่งเจียว ยาลดน้ำหนักตัวใหม่ของเราจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันมะรืนนี้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ไหม?"

เมื่อได้ยินคำถามของซูหยูโม่ เธอก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอ? อย่างไรก็ตาม ฉันเพิ่งได้ยินข่าวร้ายมา คราวที่แล้วหลี่ปิงหยุนไม่ได้ทำให้เราตกใจ แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเตรียมที่จะร่วมมือกันต่อต้านพวกเราโดยมีออร์คิดบีนกรุ๊ปอยู่เบื้องหลังนะ”

“ฉันรู้ว่าออร์คิดบีนกรุ๊ปคงจะไม่ยอมรามือไปง่ายๆ” ซูหยูโม่กล่าวพร้อมด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของบริษัทของพวกเขาจะไม่เลวนักแต่ถ้าพวกเขาถูกกดดันจากหลายๆ แห่งในจังหวัดชิงมันก็คงจะเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาสะเทือนได้

“คนอะไรช่างดื้อซะจริงๆ ฉันหวังว่าข่าวลือทั้งหลายที่ฉันได้ยินมาจะเป็นเรื่องโกหกนะ” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว

“เรายังคงต้องส่งคนไปสืบเพิ่มนะ เพราะว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเรากำลังจะเปิดตัวในท้องตลาดพวกเราจะปล่อยให้เกิดปัญหาขึ้นไม่ได้” ซูหยูโม่กล่าว

“ได้” เซี่ยเมิ่งเจียวพยักหน้า

ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง เมื่อฮวงเฟิงกลับบ้าน เขาก็พบว่ามีแขกเพิ่มขึ้นมาอีกสองคนนั่นก็คือกัวเมิ่งหานและถังมู่เสวี่ย ในตอนนี้พวกเธอทั้งสองคนอยู่กับไป่เสี่ยวโหรวในห้องโถงดูทีวี พูดคุยกันไม่หยุด และเมื่อเห็นฮวงเฟิงกลับมา พวกเธอก็ลุกขึ้นทันที แน่นอนว่าไป่เสี่ยวโหรวไม่ได้รวมอยู่ในนี้ด้วย เธอเพียงแต่เหลือบมองฮวงเฟิง และดูทีวีต่อไป

“ฮวงเฟิง คุณกลับมาแล้วเหรอ?” ถังมู่เสวี่ยเดินเข้าไปหาและพูดว่า: "ฉันทำซุปมาให้คุณด้วยนะ รีบมาดื่มซะสิ"

“พี่ฮวง ฉันก็ทำซุปมาให้พี่ด้วย ลองชิมดูสิคะ” กัวเมิ่งหานก็กล่าวออกมาเช่นกัน

การแสดงของทั้งสองคนทำให้ไป่เสี่ยวโหรวซึ่งอยู่ข้างๆ กลอกตาไปมาอีกครั้ง

ส่วนฮวงเฟิงเองก็รู้สึกอายเล็กน้อย เขาและซูหยูโม่เพิ่งกลับมาจากการรับประทานอาหาร และขณะนี้ยังมีผู้หญิงอีกสองคนทำซุปมาให้เขาชิมถึงที่บ้าน สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกผิดธรรมชาติไปสักหน่อย และหัวใจของเขาก็รู้สึกอึดอัดเช่นกัน

"เอ่อ ดีครับ ดีครับ" แม้ว่าเขาจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยอยู่ในใจ แต่ฮวงเฟิงก็ไม่ปฏิเสธ เพราะว่านี่เป็นความตั้งใจที่ดีของทั้งสองคน และเขาไม่สามารถที่จะทำให้พวกเธอผิดหวังได้

“เป็นยังไงบ้าง?” เมื่อเห็นฮวงเฟิงนั่งอยู่ที่โต๊ะอีกด้านหนึ่งเพื่อดื่มซุปของเธอ ถังมู่เสวี่ยถามอย่างประหม่า นี่เป็นซุปหม้อแรกของเธอ วันนี้ทั้งวันเธอล้มเหลวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อให้ได้ซุปหม้อนี้มา เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าฮวงเฟิงจะพอใจกับสิ่งนี้หรือไม่

“อืม ก็ไม่เลยนะ ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะมีฝีมือขนาดนี้” ฮวงเฟิงกล่าวชม แต่ความจริงแล้วรสชาติของซุปนั้นแย่มาก ไม่สามารถที่จะเอามาเทียบกับฝีมือการทำอาหารของเขาได้เลยแม้แต่ซุปอย่างอื่นก็ยังรสชาติดีกว่าของเธอเสียอีก

เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงดื่มซุปของเธอจนหมดในคราวเดียว ถังมู่เสวี่ยก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เธอคิดกับตัวเองว่าเธอช่างมีพรสวรรค์ในการปรุงซุปเสียจริงๆ และยังสามารถทำได้ภายในวันเดียวอีกด้วย

หลังจากนั้นฮวงเฟิงก็ดื่มซุปอีกหม้อหนึ่งภายใต้สายตาจับจ้องของกัวเมิ่งหาน ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้หิวมากและตอนนี้เขารู้สึกว่าท้องของเขาเกือบจะแตกแล้ว

“ถ้าคุณชอบ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะทำมาให้อีกนะ” ขณะที่ถังมู่เสวี่ยกล่าวเช่นนั้นเขาเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ไม่ต้องหรอก ไม่จำเป็นจริงๆ นะ” ฮวงเฟิงกล่าวออกมาทันที “ดูสิ นี่ผมก็หายดีแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องดื่มซุปเพื่อบำรุงร่างกายแล้วล่ะ”

“ได้ไงล่ะคะ? พี่ฮวงพี่เสียเลือดไปตั้งมากนะ” กัวเมิ่งหานกล่าว