ตอนที่ 524

USB:บทที่ 524 ตาย

ดูเหมือนว่าหัวหน้าแผนกจอมโอหังจะไม่ทันได้สังเกตเห็นบรรยากาศแปลก ๆ ภายในห้องทำงาน เมื่อเขาเห็นฮวงเฟิง เขาก็กล่าวทักทายอีกฝ่ายอย่างเป็นกันเอง

"เนื่องจากผู้อำนวยการซูมีงานต้องทำ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"

เนื่องจากมีใครบางคนขัดจังหวะ ฮวงเฟิงจึงไม่หลงเหลือความกล้าที่จะพูดและไม่มีโอกาสได้อธิบายให้เธอได้เข้าใจอีก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเดินออกไปจากตรงนี้

ซูหยูโม่ต้องการรั้งฮวงเฟิงไว้แต่เพราะไม่รู้ว่าเธอต้องทำยังไง เธอจึงทำได้เพียงมองดูอีกฝ่ายเดินจากไป

"ผู้จัดการฮวง คุยเสร็จแล้วเหรอครับ? งานของของผมไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร ถ้ายังไม่เสร็จ ผมรอก่อนก็ได้ครับ" เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงกำลังจะจากไป ผู้จัดการก็พูดขึ้นอย่างสุภาพ

"ไม่เป็นไรครับ" ฮวงเฟิงตอบ

เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงจากไปแล้ว ผู้จัดการก็หันไปทางซูหยูโม่แล้วพูดว่า "ผู้อำนวยการซู ผม..."

"ในเมื่อคุณบอกว่าไม่ใช่เรื่องด่วน แล้วทำไมเมื่อกี้คุณไม่รอให้ฉันอนุญาตก่อนละคะ?" ซูหยูโม่พูดขัดผู้จัดการแล้วถามกลับด้วยใบหน้าเยือกเย็นที่ไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนัก

"คือผม..." ผู้จัดการคนนั้นถึงกับอึ้งที่ถูกซูหยูโม่ถามแบบนั้น

หนึ่งสิ่งที่เขาควรรู้คือ ซูหยูโม่กำลังอารมณ์ไม่ดี เพราะปกติแล้วยากมากที่จะได้เห็นสีหน้าแบบนั้นนอกจากตอนที่เธอโกรธ

โดยส่วนใหญ่เธอแทบไม่แสดงออกทางสีหน้า ต่างจากเซี่ยเมิ่งเจียวที่ไม่เคยระงับโทสะที่แสดงออกมาผ่านใบหน้าที่แสนงดงาม

"เอาล่ะ บอกมาสิว่าคุณมีธุระอะไร" ในที่สุดซูหยูโม่ก็ยอมให้อีกฝ่ายพูด

แม้ว่าเธอจะหงุดหงิดผู้จัดการที่อยู่ตรงหน้า แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา

"ค..ครับ!" ผู้จัดการรีบตอบ ซูหยูโม่ในตอนนี้คือคนที่เขาคุ้นเคย

แต่เมื่อนึกถึงตอนที่ซูหยูโม่มีน้ำโห ลึกๆแล้วผู้จัดการยังคงรู้สึกกลัว

เขาไม่เคยเห็นซูหยูโม่เป็นแบบนี้มาก่อน ดังนั้น จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาว

"ตอนผู้อำนวยการซูโมโหนี่น่ากลัวกว่าผู้อำนวยการเซี่ยตั้งเยอะ แต่ว่า ผมทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ?" ผู้จัดการคิดไม่ตก

ฝ่ายฮวงเฟิงที่เดินออกมาจากห้องทำงานของซูหยูโม่ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

เขาไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและซูหยูโม่จะเปลี่ยนไปไหมหากเขาพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปให้เร็วกว่านี้

เพราะในตอนนี้เขาและเธอไม่ใช่แค่เพื่อนแน่นอน หากแต่เป็นความสัมพันธ์ที่มากกว่านั้น

ฮวงเฟิงรู้ดีว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร ลึกๆแล้ว เขาแอบเสียใจเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดี

แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงก่นด่าตัวเองเพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกไป

ฮวงเฟิงกลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง และเลิกสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ชั่วคราว และเริ่มคิดถึงสิ่งที่เขาต้องทำ

เหตุผลที่เขายังทำงานเป็นรปภ.ของที่นี่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะซูหยูโม่และงานที่นี่ไม่ค่อยวุ่นวาย และสิ่งที่เขาทำไม่ได้กระทบหน้าที่การงานของเขา

แม้แต่เรื่องการลา เขาก็สามารถทำมันได้อย่างง่ายดายโดยที่ซูหยูโม่ไม่ถามหาเหตุผลจากเขา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฮวงเฟิงไม่ได้วางแผนที่จะลาออกในเร็วๆนี้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่คิดถึงเรื่องนั้น และก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหยุดพัฒนาตัวเอง

ในทางตรงกันข้าม เนื่องจากก่อนหน้านี้ฮวงเฟิงได้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือโรงบ่มไวน์ที่เขาเพิ่งสร้าง

เขาพบว่าสูตรหมักไวน์ของเขานั้นรสชาติดีมาก ไวน์ที่ได้รับการหมักนั้นนอกจากจะมีรสชาติที่ดีเยี่ยมแล้ว ยังใช้เวลาไม่นานอีกด้วย โครงการดีๆ แบบนี้ ฮวงเฟิงไม่มีทางล้มเลิกเด็ดขาด

ส่วนโรงบำบัดน้ำเสียของเขาก็กำลังไปได้สวย แม้จะไม่ได้เติบโตอย่างรวดเร็วก็ตาม

บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กส่วนใหญ่ยังคงเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับพนักงานขายของโรงงานที่ต้องคิดหาวิธีขับเคลื่อนโรงงาน

ในระยะแรก ไม่ง่ายเลยที่เขาจะก้าวเข้าสู้การเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และผู้ประกอบการหลายรายได้ปฏิบัติตามอย่างเหมาะสม

แต่ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้สำเร็จในช่วงเวลาสั้น ๆ

เพราะหลังจากที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่แล้ว ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ต่างจากองค์กรขนาดเล็กที่หัวหน้าสามารถตัดสินใจเองได้ทันที

ด้วยเหตุนี้ ในระหว่างนั้นฮวงเฟิงจึงเปลี่ยนความคิด และที่มากกว่านั้นคือ วิธีนี้จะทำให้เขาเปิดโรงบ่มไวน์เป็นของตัวเองได้

"ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้เราต้องทำเรื่องลาอีกแล้วสินะ" ฮวงเฟิงคิดในใจ

หลังจากนั้นฮวงเฟิงก็เริ่มฝึกกำลังภายใน ตอนนี้เขาได้ศึกษาเคล็ดวิชาราชสีห์คำรามแล้ว ผลลัพธ์ของเคล็ดวิชาสัมพันกับพลังภายในตัวเขา

ดังนั้น หากฮวงเฟิงต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของเคล็ดวิชาราชสีห์คำราม เขาก็ต้องฝึกพลังภายในให้แข็งแกร่งขึ้น

เคล็ดวิชาราชสีห์คำรามเป็นเคล็ดวิชาที่ฮวงเฟิงโปรดปรานมาก เพราะมันเป็นเคล็ดวิชาที่ทรงพลังมากกว่าอาวุธลับ

ในตอนที่เขาใช้อาวุธลับสู้กับยอดฝีมือระดับสองหรือยอดฝีมือระดับหนึ่ง อีกฝ่ายอาจไหวตัวทันและหลบหลีกการโจมตีได้

ทว่าเคล็ดวิชาราชสีห์คำรามสามารถกำราบคู่ต่อสู้ตรงหน้าได้ โดยที่เราไม่ต้องอ่านปากของคู่ต่อสู้ตลอดการต่อสู้ เพราะเราไม่สามารถจ้องปากคู่ต่อสู้ตลอดการต่อสู้ได้

ด้วยเหตุนี้ เคล็ดวิชาราชสีห์คำรามจึงทรงพลังอย่างมาก และฮวงเฟิงเองก็เคยพ่ายแพ้ให้กับมัน

สุดท้าย การฝึกวิชาของฮวงเฟิงก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ น่าเสียดายที่สิ่งที่ไป๋เสี่ยวโหรวได้บอกกับเขาไม่ใช่ข่าวดี

"อะไรนะครับ หัวหน้าหน่วยทหารเสียชีวิตแล้วเหรอครับ?"

ในคืนที่ผ่านมา เขาฆ่าคนไปเพียงไม่กี่คน ส่วนคนที่เหลือได้รับบาดเจ็บเท่านั้น

ในตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครและก็ไม่รู้ว่าในหมู่คนพวกนั้น ใครเป็นหัวหน้า ใครเป็นลูกน้อง

“นี่ผมทำร้ายเขาจนเสียชีวิตเลยเหรอครับ?” ฮวงเฟิงถาม เขาต้องการทราบว่าใครเป็นคนช่วยพวกเขาสืบเรื่องของเขาที่เมืองเจียง

แต่ตอนนี้คนเดียวที่รู้เรื่องของคนๆนั้นคือคนที่เป็นหัวหน้าที่เพิ่งเสียชีวิต ฮวงเฟิงจึงรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก

"ผิดแล้ว" ไป๋เสี่ยวโหลวกลับเข้าสู่โหมดปกติ

"เมื่อคืนนายแค่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ เขาก็ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่วันนี้ฉันก็ได้รับข่าวว่าเขาเสียชีวิตเพราะอาการบาดเจ็บสาหัส"

“แล้วมันเป็นเพราะผมหรือเปล่า?” ฮวงเฟิงยังคงถามต่อ

"อาจจะไม่" ไป๋เสี่ยวโหลวพูดต่อว่า "เรากำลังสงสัยว่ามีใครบางคนทำอะไรบางอย่างที่โรงพยาบาล ตอนนี้ เรากำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่"

"มีใครบางคนทำอะไรบางอย่าง?" ฮวงเฟิงนึกแปลกใจ "หรือว่าจะเป็นกรณีเดียวกับถงเฉียนจุน?"

"ถูกต้อง" ไป๋เสี่ยวโหลวตอบ

"ตำรวจประจำเมืองเจียงมัวทำอะไรอยู่? ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้อยู่เรื่อยเลย" ฮวงเฟิงอดไม่ได้ที่ก่นด่า แต่ถึงร้องเรียนไปก็ไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นมา

ถ้าเกิดหัวหน้าคนนี้ตายไป เขาก็ไม่มีทางหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดได้

"ไม่ต้องห่วง ทางเราจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด ฉันไม่มีทางปล่อยให้คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หนีไปได้หรอกนะ!" ไป๋เสี่ยวโหรวกล่าว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน

ตอนนั้นการตายของถงเฉียนจุนเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับได้ หน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติจึงไม่ได้ทำการตรวจสอบ