ตอนที่ 399

USB:บทที่ 399 รปภ.

เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวซวน สีหน้าของฉ่ายเทียนก็เปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้วที่จะควบคุมตัวเอง ฮวงเฟิงและคนอื่นๆ ก็ยังคงเห็นได้ชัดว่าผิวหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามฉ่ายเทียนยังคงบังคับตัวเองให้เผยรอยยิ้มออกมาถึงแม้ว่าเขาจะทำได้ไม่ดีนักแต่เขาก็มองไปที่ชิวหนิงซวงและกล่าวออกมาว่า “พวกคุณอย่ามาล้อกันเล่นนะ นี่เพื่อนของคุณใช่ไหม?”

เมื่อฉ่ายเทียนกล่าวคำว่า “เพื่อน” ออกมา เขายังเน้นน้ำเสียงของเขา หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ชิวหนิงซวงซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังรอคำตอบของเธอ

“ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงก็ตาม? นั่นมันก็เป็นปัญหาของคุณ” ชิวหนิงซวงไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอกล่าวคำเหล่านั้นออกมาแล้ว เธอก็ยังขยับเข้าไปใกล้ฮวงเฟิงและควงแขนของเขา ซึ่งความหมายของเธอมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว

ฮวงเฟิงรู้สึกได้ถึงแรงที่ส่งผ่านมาที่แขนด้านซ้ายของเขา เห็นได้ชัดว่าชิวหนิงซวงนั้นกลัวว่าฉ่ายเทียนจะจับโกหกเธอได้ดังนั้นการที่เข้ามาควงแขนของเขาเอาไว้จึงทำให้รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องจริง

การแสดงออกทางสายตาของเขาขณะที่มองฮวงเฟิงนั้นไม่เป็นมิตรเลย โชคดีที่เขาไม่ขาดสติและถึงแม้ว่าเขาจะเกลียดฮวงเฟิงจนเข้ากระดูกดำแต่ในวันนี้เขาเป็นเจ้าภาพของงานเลี้ยงในคืนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะไล่เขาออกไปจากงาน ไม่เช่นนั้นคงจะเป็นเขาเองที่ต้องอับอายไม่ใช่ฮวงเฟิง

แน่นนอนว่าถ้าฮวงเฟิงทนไม่ได้และเป็นคนที่จะออกไปจากงานเสียเองมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย

“อย่ามาโทษผมก็แล้วกันนะ?” เมื่อเห็นว่าฉ่ายเทียนได้จากไปด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ ชิวหนิงซวงก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากอย่างไรก็ตามสายตาของฉ่ายเทียนนั้นช่างไม่เป็นมิตรเลย ในขณะที่เธอก็เพิ่งจะนึกได้ว่าเธอได้สร้างความเดือดร้อนให้กับฮวงเฟิงเสียแล้ว

“แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะมาพูดเรื่องนี้ในตอนนี้กันล่ะ?” เมื่อเห็นว่าชิวหนิงซวงมีสีหน้าวิตกกังวล เขาจึงกล่าวว่า “คุณต้องเลี้ยงข้าวผมหลายๆ มื้อแล้วล่ะเพื่อเป็นการไถ่โทษ”

“ได้สิ ไม่มีปัญหา” ชิวหนิงซวงรีบตอบตกลงและแอบดีใจอยู่เงียบๆ ในใจ เห็นได้ชัดว่าฮวงเฟิงนั้นไม่ได้โกรธและยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นเช่นนั้นจริง เธอก็จะมีเหตุผลที่จะต้องไปหาฮวงเฟิงเพื่อทานอาหารด้วยกัน

“นี่ พวกเธอสองคนน่ะ ฉันยังยืนอยู่นี่ทั้งคนนะ ได้...ถ้าพวกเธออยากจะแสดงความรัก ก็อย่าหน้าด้านขนาดนี้จะได้หรือเปล่า” เสียงที่ไม่ค่อยพอใจนักของเสี่ยวซวนดังลอยมา

ชิวหนิงซวงถึงกับหน้าแดงในขณะที่เธอทุบเสี่ยวซวนเข้าให้ในขณะที่เสี่ยวซวนทำได้เพียงหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าเธอเพียงแค่ล้อชิวหนิงซวงเล่นและไม่ได้ไม่พอใจจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ฮวงเฟิงไม่ทันได้สังเกตว่ามีสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาที่เขาอย่างไม่เป็นมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ฉ่ายเทียนไปหยุดอยู่ที่วงสนทนาเล็กๆ หลายวง และสายตาที่มองมาที่เขาก็ยิ่งไม่เป็นมิตรมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้

แต่ฮวงเฟิงก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด เขามาที่นี่ก็เพราะชิวหนิงซวงล้วนๆ และไม่ว่าคนอื่นจะมีความเห็นเช่นไรเขาก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันดูราวกับว่าเขามาอยู่ในโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก้ตามถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะคิดเช่นนั้น แต่คนอื่นๆ กลับคิดต่างออกไป

เป็นผลให้เมื่อฮวงเฟิง ชิวหนิงซวงและคนอื่นๆ อีกสองสามคนเดินเข้ามา ฮวงเฟิงก็รู้สึกว่าคนเหล่านี้ “ยินดีต้อนรับ” เพียงไม่นานนักพวกเขาบางส่วนก็กำลังที่จะเดินจากไป

“พวกเธอสองคนก็มาด้วยเหรอ? ช่วงนี้พวกเธอเป็นยังไงกันบ้างล่ะ?” ชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนกล่าวนำ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะกำลังพูดกับชิวหนิงซวงอยู่ แต่สายตาของเขากลับมองมาที่ฮวงเฟิง

เห็นได้ชัดว่าชิวหนิงซวงนั้นไม่ได้สนิทกับคนเหล่านี้และเธอก็ไม่ได้กระตือรือล้นที่จะพบพวกเขา หรือไม่เช่นนั้นเขาคนนี้ก็คงจะตามจีบเธออยู่ ราวกับว่าพวกเขาเป็นแค่คนรู้จักกัน

“เยี่ยมไปเลย นี่เพื่อนของเธองั้นเหรอ? จะไม่แนะนำให้พวกเรารู้จักหน่อยเหรอ?” ชายหนุ่มคนนั้นมองไปที่ฮวงเฟิงและกล่าวออกมา

หลังจากที่ชิวหนิงซวงแนะนำเขาเสร็จแล้ว ชายคนนั้นก็ยื่นมือไปจับมือกับฮวงเฟิงก่อนและกล่าวว่า “สวัสดีครับ ผมชื่อฉินจื่อเฟิ่ง พ่อของผมเป็นผู้นำของเมืองนี้ และผมก็ยังมีคลับ “เล็กๆ” ด้วยนะ”

เจตนาของอีกฝ่ายนั้นชัดเจน หนึ่งก็คือต้องการที่จะสืบหาภูมิหลังของฮวงเฟิงและอีกอย่างก็คือต้องการที่จะทำให้ฮวงเฟิงอับอาย และใช้สถานะของเขามาข่มฮวงเฟิง เป็นเพราะว่านายน้อยทั้งหลายเหล่านี้ไม่มีอะไรจะทำและทำได้เพียงแค่มีความสุขกับการสวมใส่เสื้อผ้าหรูๆ

“ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นว่าฉินจื่อเฟิ่งน่ารำคาญขนาดนี้มาก่อนเลยนะ?” ชิวหนิงซวงถามตัวเองอยู่ในใจ ฉินจื่อเฟิ่งที่กำลังยิ้มอย่างยะโสอยู่นั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขาได้เข้าไปอยู่ในบัญชีดำของชิวหนิงซวงเสียแล้ว

“เขาไม่ได้มีธุรกิจอะไรหรอก เขาเป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย!” ในขณะที่ฮวงเฟิงกำลังจะกล่าวบางอย่างออกมาก เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเขา และเสียงนั้นได้ช่วยแนะนำตัวให้กับเขาไปเรียบร้อยแล้ว

ฮวงเฟิงหันกลับไปมองและเห็นว่าคนที่เพิ่งจะมาถึงนั้นก็คือเหลาหยู (เหลาอวี้)นั่นเองและเขาก็รู้สึกโล่งใจเพราะว่าเขาเคยเห็นเหลาหยูคนนี้มาก่อน และเขาก็เคยช่วยถงเฉียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ในการช่วยหาคนมาสั่งสอนฮวงเฟิง ดังนั้นเขาจึงรู้สถานการณ์ของตัวเองดีและจึงไม่ได้แปลกใจอะไร

เพียงแต่ว่าฮวงเฟิงไม่ได้คาดคิดว่าจะได้มาเจอกับอีกฝ่ายที่นี่ อย่างไรก็ตามขณะที่เขากำลังคิดเกี่ยวกับอีกฝ่ายอยู่นั้นเขาก็ไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นเคยอยู่กับถงเฉียนมาก่อนและก็ยังเป็นสมาชิกในแวดวงเดียวกันอีกด้วย

“เป็นไปไม่ได้หรอก คุณฮวงนี่นะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย?” สีหน้าของฉินจื่อเฟิ่งเต็มไปด้วยความตกตะลึงในขณะที่เขากล่าวออกมาแต่เขาก็มีสีหน้าดูหมิ่น ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็จงใจที่จะกล่าวคำว่า “รปภ.” ออกมาเสียงดังเพื่อให้คนที่อยู่โดยรอบได้ยินสิ่งที่เขาพูด

“ใช่แล้วล่ะ ผมเป็นแค่ รปภ.” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างเยือกเย็น ท่าทางที่งุ่มง่ามของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้เขารู้สึกโกรธเลย เขาก็แค่มองดูว่ามันเป็นการแสดงของตัวตลกก็แค่นั้น

“หนิงซวง นี่เธอไปเป็นเพื่อนกับ รปภ. ได้ยังไงกันเนี่ย? นี่เธอกำลังถูกหลอกอยู่หรือเปล่า ใช่ไหม?” ฉินจื่อเฟิ่งไม่สนใจฮวงเฟิง แต่กลับพูดกับชิวหนิงซวงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใย

“ฉันจะเป็นเพื่อนกับใคร? มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณ” ชิวหนิงซวงเคยเป็นมิตรที่ดีกับเขามาก่อน แต่ในตอนนี้เธอไม่ได้มีแม้แต่เจตนาที่ดีต่อเขาเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ความรู้สึกดีๆ เธอก็ไม่มีให้เขาเลยด้วยซ้ำ

ฉินจื่อเฟิงยิ่งตอกตะปูเข้าใส่ชิวหนิงซวงด้วยสีหน้าที่น่าอีดอัด เขาชี้นิ้วไปที่ฮวงเฟิงและกล่าวว่า “เธอไม่คิดเหรอว่ามันไม่เหมาะสมที่พา รปภ. มาที่นี่ด้วย? แล้วคนพวกนี้เป็นใคร? เธอรู้จักงั้นเหรอ?”

เห็นได้ชัดว่าเขากำลังล้อเลียนฮวงเฟิงอย่างเปิดเผย เขาได้รับคำสั่งมาจากฉ่ายเทียนให้มาทำให้ฮวงเฟิงอับอาย มาให้เขารู้จักความยากลำบากจนต้องล่าถอยกลับไป

“ฉินจื่อเฟิ่ง อย่าหนีไปไหนนะ” ชิวหนิงซวงกล่าวกับฉินจื่อเฟิ่ง

อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงก็โบกมือของเขาราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ “ผมคิดว่ามันก็เหมาะสมแล้วล่ะ”