ตอนที่ 440

USB:บทที่ 440 ยั่วยุ

เดิมทีแล้วฮวงเฟิงวางแผนที่จะมุ่งหน้าไปยังแนวหน้า แต่หลังจากที่หลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูมาถึงเขาก็เปลี่ยนแผน

ในเช้าวันที่สอง หลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูมาเคาะประตูห้องของฮวงเฟิง พวกเขามาเพื่อเชิญฮวเงฟิงไปดูเรื่องของหยวนเหลียงในวันนี้

“นี่ท่านกำลังจะบอกว่าท่านได้เตรียมพิธีต้อนรับหยวนเหลียงที่มาจากสำนักอัคคีโลหิตงั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงถามทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ เขาขณะที่กำลังทานอาหารด้วยกัน

หลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูมาถึงในตอนเช้าตรู่และยังไม่ได้กินอะไรเลย ปัจจุบันโรงแรมขนาดเล็กก็มักจะมีร้านอาหารอยู่แล้ว ซึ่งบังเอิญว่าพวกเขามาทานอาหารกลางวันร่วมกับฮวงเฟิง ฮวงเฟิงจึงได้ประหยัดเงินไปอีกมื้อ และหลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูก็รู้ว่าฮวงเฟิงไม่ได้มีเงินมากนักดังนั้นพวกเขาจึงตั้งใจเลี้ยงอาหารเช้าเขา

ไม่จำเป็นต้องพูดเลยว่าอาหารที่นี่ค่อนข้างดี ไม่เพียงแต่รสชาติดี แต่ยังราคาไม่แพงอีกด้วย ซาลาเปาสอดไส้เนื้อจริงๆแล้ว เมื่อได้ชิมคำหนึ่งกลิ่นหอมก็ไหลออกมาทำให้ความอยากอาหารเพิ่มขึ้น

"ใช่ ผู้ชายคนนั้นมาที่นี่เพื่อที่จะยั่วโมโหพวกเรา แต่ฝ่ายของเราควรต้องแสดงความเคารพเขาอยู่แล้ว นี่เรียกว่าการแสดงมารยาท" หลิวหมิงเจี๋ยกล่าว

ฮวงเฟิงเองก็สนใจเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อน แต่เขาวางแผนที่จะไปดูกับหลิวหมิงเจี๋ยหลังอาหารค่ำ

ตามที่หลิวหมิงเจี๋ยกล่าว หัวหน้าสำนักทั้งหมดของสำนักที่ต้องมาถึงเมืองหมังชานได้มาถึงแล้ว นอกจากนี้ศิษย์มากกว่าครึ่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้คำสั่งของพวกเขาก็มาถึงแล้วเช่นกันและทุกคนก็ยืนอยู่ในพลาซ่าขนาดใหญ่เพื่อรอการมาถึงของหยวนเหลียง

"โอ้โฮคนที่นี่เยอะจริงๆ" ฮวงเฟิงมองไปที่ผู้คนเหล่านั้นที่ด้านหน้าของจัตุรัสมีคนประมาณสามสิบคนที่มีออร่าที่แตกต่างกัน พวกเขาน่าจะเป็นผู้นำสำนักของสำนักใหญ่ต่างๆ เห็นได้ชัดว่าทุกคนนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

"ถูกต้องแล้ว ทุกคนต้องการที่จะเห็นว่าหยวนเหลียงแห่งสำนักอัคคีโลหิตคนนี้เป็นใครกันแน่" หลี่เต๋อหยูกล่าวขณะที่เขาพาฮวงเฟิงไปด้วย

หยวนเหลียงไม่ได้ปล่อยให้ทุกคนรอนาน ในความเป็นจริงพวกเขามาถึงแล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้ แต่ในเวลานั้นเขาไม่เห็นใครเลยเขาจึงได้หาโรงแรมขนาดเล็กเข้าพักเอง

จริงๆ แล้ว ฮวงเฟิงอยากรู้มากว่าอีกฝ่ายมาถึงที่แห่งนี้ได้อย่างไร พูดตามเหตุผลแล้วความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศน่าจะตึงเครียดมากในตอนนี้ และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้คนจากสำนักอัคคีโลหิตจะเข้าสู่พรมแดนของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้อีกฝ่ายก็ไม่ได้มาแค่เพียงคนเดียวแต่ยังพาคนจำนวนมากมาด้วย เมื่อพิจารณาจากสิ่งนี้พวกเขาน่าจะมีความสามารถบางอย่าง

“สำนักอัคคีโลหิตแห่งอาณาจักรวายุโชย ข้า หยวนเหลียงหัวหน้าสำนักและศิษย์ทั้งหมด ในวันนี้ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะแสดงคารวะต่ออาณาจักรสำเภาสวรรค์” ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำกลุ่มประกบมือเข้าด้วยกันและกล่าวกับคนทั้งสามสิบคนที่อยู่ตรงหน้าจตุรัสแห่งนั้น

“แกมันไอ้หมาขี้ขโมยจากอาณาจักรวายุโชย จงไปซะ! ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกแก!”

“ใช่แล้ว ไสหัวไปเลย อาณาจักรสำเภาสวรรค์ของพวกเราไม่ต้อนรับแก!”

เพียงแค่เมื่อหยวนเหลียงพูดจบ คนหัวร้อนบางคนก็ตะโกนออกมา แต่คนที่กล่าวออกมาเช่นนั้นเป็นเพียงศิษย์ธรรมดา บรรดาหัวหน้าสำนักทั้งหลายที่อยู่ด้านบนต่างพากันนิ่งเฉยในตอนนี้

สีหน้าของหยวนเหลียงนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เหตุการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาคาดคิดเอาไว้อยู่แล้วในตอนที่เขามาถึงที่นี่ครั้งแรก

เพราะว่าเขามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาและทั้งสองฝ่ายก็รู้เรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่หวังว่าผู้คนของอาณาจักรสำเภาสวรรค์จะต้อนรับเขา

"นี่เป็นวิธีที่แวดวงศิลปะการต่อสู้ของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ปฏิบัติต่อแขกของพวกท่านใช่ไหม? ไม่น่าแปลกใจเลยที่อาณาจักรสำเภาสวรรค์ของท่านไม่ได้ผลิตยอดฝีมืออันดับหนึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะด้วยความคิดแบบนี้ทำให้อยากเป็นยอดฝืมืออันดับหนึ่งนั้นคงจะยาก ยากมากๆ!" หยวนเหลียงกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

คำพูดของเขาทำให้ฝูงชนด้านล่างโกรธมากขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้โต้ตอบเขา เพราะว่าพวกเขานั้นไม่ใช่ยอดฝืมืออันดับหนึ่ง แต่มีเพียงแค่ในอาณาจักรวายุโชยและนั่นคือความจริง

เมื่อเห็นว่าคนที่เหลือต้องการหักล้างคำพูดของเขา แต่ไม่มีทางอื่นใบหน้าของหยวนเหลียงจึงเผยรอยยิ้มอย่างพอใจ เหตุผลที่เขามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อมาดูคนของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ และหากพวกเขาไม่มีความสุขจากนั้นเขาก็จะบรรลุเป้าหมายและทันทีที่เขาออกจากสถานที่แห่งนี้ไปอย่างปลอดภัย ชื่อเสียงของเขาก็จะดับวูบไปด้วยและเขาจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในสถานที่อันตรายแห่งนี้ซึ่งชื่อเสียงของเขาเป็นประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด

“ข้าสงสัยว่าเหตุใดหัวหน้าสำนักหยวนจึงมาที่นี่ในเวลานี้?” ในเวลานี้หัวหน้าสำนักที่อยู่ข้างบนพูดกับหยวนเหลียงด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและขณะที่เขาพูดเขาก็ปลดปล่อยออร่าที่น่าประทับใจทั้งหมดของเขาออกมาในเวลาเดียวกัน และเพียงครู่หนึ่งเขาก็อยู่ในระดับเดียวกับหยวนเหลียงทำให้คนที่อยู่ด้านล่างส่งเสียงเชียร์กันออกมา

"ข้า หยวนเหลียง ชื่นชมแวดวงศิลปะการต่อสู้ของอาณาจักรสำเภาสวรรค์มานานแล้ว วันนี้ข้ามาเยี่ยมพวกท่านเป็นพิเศษเพราะข้าต้องการที่จะเปรียบเทียบวรยุทธทั้งหมดกับพวกท่านในการแข่งขันการต่อสู้" หยวนเหลียงกล่าว

"จำเป็นงั้นหรือ? อย่ามาปิดบังเลย ในเมื่ออาณาจักรวายุโชยของท่านเกือบทั้งหมดถูกส่งมาเพื่อโจมตีอาณาจักรสำเภาสวรรค์ของพวกเรา ข้าคิดว่าอีกไม่นานพวกเราทั้งคู่จะได้พบกันในสนามรบอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นมันจะไม่ดีไปกว่านี้หรือที่จะตัดสินใจว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน?" หัวหน้าสำนักกล่าว

อย่างไรก็ตามหลายคนโดยเฉพาะศิษย์ธรรมดาเหล่านั้นเคยได้ยินเกี่ยวกับการโจมตีอาณาจักรวายุโชยและแต่ยังไม่มีใครแน่ใจ แต่ตอนนี้หัวหน้าสำนักคนนี้ได้พูดออกมาตรงๆ แล้ว ดังนั้นทุกคนจึงมองไปที่หยวนเหลียงเพื่อดูว่าเขาจะพูดอะไร บางคนถึงกับภาวนาในใจว่าหยวนเหลียงจะปฏิเสธเรื่องนี้

ในเวลานี้ผู้คนจากโลกศิลปะการต่อสู้ของอาณาจักรวายุโชยอยู่ไม่ไกลมากนักดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องปกปิดข่าวนี้อีกต่อไป แม้ว่านี่จะเป็นความลับที่เปิดเผยในตอนแรก แต่ก็ยังคงเป็นการดำเนินการที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ผู้คนจากอาณาจักรสำเภาสวรรค์จะไม่ได้รับข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้

"ถูกต้องแล้ว นักศิลปะการต่อสู้จากทั้งสองประเทศของเรากำลังจะได้พบกันในสนามรบเร็วๆ นี้" ขณะที่หยวนเหลียงพูดแบบนี้ ฮวงเฟิงสังเกตเห็นว่าเมื่อหยวนเหลียงพูดคำเหล่านั้นสีหน้าของผู้คนมากมายรอบๆ ก็เปลี่ยนไปและพวกเขาก็เป็นกังวลและกระวนกระวายมากขึ้น

“อย่างไรก็ตามนี่เป็นสนามรบไม่ใช่สถานที่สำหรับการดวลที่ยุติธรรม ข้ากลัวว่าแม้ว่าท่านจะแพ้แต่ท่านจะยังไม่เชื่อมั่น วันนี้ข้าจะให้โอกาสพวกท่าน มาดวลกันอย่างยุติธรรมกันเถอะ!” หยวนเหลียงกล่าวต่อ

อันที่จริงในสนามรบมันยากมากที่จะมีการแข่งขันแบบตัวต่อตัวมันเป็นสถานที่ที่จะแข่งขันในแง่ของความแข็งแกร่งโดยรวม ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ แต่ก็บอกได้เพียงว่าแวดวงศิลปะการต่อสู้ของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ของพวกเขานั้น ความแข็งแกร่งโดยรวมนั้นด้อยกว่าอาณาจักรวายุโชยอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามไม่อาจกล่าวได้ว่าไม่มีใครมีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้น

คำแนะนำของหยวนเหลียงทำให้ทุกคนในอาณาจักรสำเภาสวรรค์ขยับเล็กน้อยโดยเฉพาะหัวหน้าสำนักทั้งหลาย เพราะว่าหยวนเหลียงก็มาที่นี่เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้พวกเขาและพวกเขาก็สามารถสร้างขวัญกำลังใจได้เช่นกัน มันคงจะดีตราบใดที่พวกเขาชนะในครั้งนี้ได้!!