ตอนที่ 642

USB:บทที่ 642 อำนาจ

ฮวงเฟิงกวาดมองซูเผยและคนอื่น ๆ รอบตัว และสิ่งที่เขาได้เห็นก็คือทุกสายตาต่างจับจ้องมองมาที่เขา จากนั้นเขาก็พูดว่า "ถ้านายพลซูต้องการยึดเมือง แค่รอให้เหตุการณ์สงบและโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่เยี่ยงเศรษฐี ในตอนนี้ พวกเราไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น หรือไม่ก็รอคนของจักรพรรดิ หรือกองทัพพันธมิตรได้รับชนะแล้วมาตามหาพวกเราที่นี่ก็พอ"

“แต่ในขณะนั้น อีกฝ่ายอาจไม่ได้เลือกที่จะพาพวกเราออกไปจากที่นี่ และจัดการพวกเราทั้งหมด แต่ถ้าเราเลือกฝ่ายแล้วต่อรอง เราก็อาจจะโดนสั่งเก็บทันทีโดยเฉพาะในราชสำนัก"

ฮวงเฟิงเงียบไปชั่วขณะจากนั้นก็พูดต่อ “แต่นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากพวกเจ้าต้องการรอต่อไป ส่วนนายพลซูกับข้า พวกเราไม่ต้องการที่จะมีชีวิตที่ธรรมดาไปชั่วชีวิต และพวกเราไม่มีวันยอมแพ้ ในเมื่อมีโอกาสอยู่ตรงหน้า พวกเราจะหยุดไม่ได้ พวกเราจะเอาแต่รอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”

ในตอนนั้นเอง ฮวงเฟิงยืนขึ้นและก้าวไปด้านหน้าสองก้าว "ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพจักรวรรดิ หรือกองทัพพันธมิตร พวกเขาต่างคิดหาวิธีเพิ่มความแข็งแกร่ง และทำแบบนั้นไปเรื่อยๆจนกว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น ตราบใดที่ผู้นำกองทัพพันธมิตรยังมีความพยายามโดยไม่หยุดพัก ดังนั้น ถ้าพวกเราหยุดพัก พวกเราก็จะพัฒนาได้ช้ากว่าพวกเขา และกองทัพพันธมิตรเหล่านั้นมีจำนวนมากกว่าพวกเรา เป้าหมายของพวกเราคือการต่อสู้เพื่อโลกใบนี้ จากนี้ไป พวกเราจะต้องปะทะกับอีกฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อถึงนั้น พวกเราก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา เราจะถูกพวกเขาทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี และพวกเราก็ไม่เหลือทางเลือกที่สามแล้ว!"

"แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็สูญเสียกองกำลังไปมาก ถึงเราจะสามารถหากองกำลังมาเพิ่มได้ แต่ก็นับเป็นเรื่องที่ยากมาก" ซุนเหลียงกล่าว แน่นอนว่าเขาเองต้องการเพิ่มกองกำลังให้ฝ่ายตัวเองเช่นกัน แต่เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่าย จำนวนทหารที่พวกเขามีนั้นน้อยเกินไป

“ถึงแม้กองกำลังของเราจะลดลงจากครั้งก่อน แต่คนที่เหลืออยู่ล้วนผ่านการสู้รบมานักต่อนัก ดังนั้นทักษะการต่อสู้ของพวกเขานั้นน่านับถือไม่น้อย แม้ว่าจะมีกบฏที่เป็นทหารจำนวนมาก แต่ก็ยังมีทั้งเด็กและคนชรา ฮวงเฟิงพูดว่า "นอกจากนี้ เรายังมีเชลยจากกองทัพฝั่งตะวันตกอยู่สองหมื่นคนไม่ใช่หรือ ตราบใดที่เราสามารถกำราบพวกเขาได้ กองกำลังในการต่อสู้ของพวกเราก็จะไม่อ่อนแอกว่าก่อนหน้านี้มากนัก"

ใช่แล้ว พวกเขาลืมเชลยสองหมื่นคนในกองทัพตะวันตกไปได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้น กองกำลังของกองทัพตะวันตกแข็งแกร่งมาก และแข็งแกร่งกว่าพวกเขา หากพวกเขาสามารถปราบคนเหล่านี้ได้ กองกำลังของพวกเขาอาจไม่ลดลงอีกทั้งยังเพิ่มขึ้นอีก

“เราจะทำแบบนั้นกับคนพวกนั้นได้จริงๆหรือ? พวกเขาเป็นคนของจักรวรรดิ พวกเราเคยได้ยินแค่คนจากทางการเข้ารับทหาร และไม่เคยเห็นคนจากทางการเข้ารับทหารของพันธมิตร” ชายคนหนึ่งถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

"คงต้องลองดู" ฮวงเฟิงพูด “นอกจากนี้ ข้าได้ยินมาจากกองทัพตะวันตกว่าพวกเขาไม่ได้รับเงินจากจักรวรรดิมานานแล้ว ดังนั้นจักรวรรดิจึงไม่สนใจพวกเขาเลย พวกเขาได้แต่โอดครวญต่อจักรวรรดิอยู่ภายในใจ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่สามารถรับพวกเขาได้ สำหรับทหารหลายนาย หากเราจ่ายเงินให้พวกเขา ไม่ว่าใครใช้ให้พวกเขาเข้ารับหน้าที่ทหาร นอกจากนี้ ด้วยกองกำลังมากมายของพวกเรา จักรวรรดิไม่มีอำนาจที่จะลงโทษสหายของคนเหล่านั้น เพราะฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้เลย”

“ใช่ ข้าเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของนายพลฮวง” ซูเผยเริ่มพูดขึ้นบ้าง เขาเองก็เห็นด้วยกับที่กองทัพตะวันตกเช่นกัน เนื่องจากมีเชลยศึกจำนวนมาก หากไม่ทำแบบนั้น ที่ทำมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า พวกเขาทุกคนล้วนได้รับการฝึกฝนผ่านประสบการณ์จริง และทักษะการต่อสู้ของพวกเขาก็ยอดเยี่ยมกว่ากองทัพพันธมิตร

“นอกจากพวกเราจะรับทหารตะวันตกเข้ามาแล้ว พวกเราไม่ได้หยุดการขยายกองทัพ ถึงแม้ว่าทักษะการต่อสู้ของทหารหน้าใหม่จะไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยม พวกเขาควรเลือกคู่ต่อสู้อย่างรอบคอบหลังการต่อสู้เพียงไม่กี่ครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะสามารถขยายกองทัพ แต่ก็ต้องเลือกคู่ต่อสู้อย่างรอบคอบเมื่อถึงคราวที่ต้องสู้กับพวกเขาไม่สามารถเลือกที่จะสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตนได้ตั้งแต่ครั้งแรก ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสามารถบรรลุเป้าหมายของการขยายกองทัพ พวกเขายังทำให้เหล่าทหารได้ออกศึกจริง ซึ่งได้ผลดีกว่าการฝึกทักษะในเมืองทุกวันมากเป็นเท่าตัว”

ฮวงเฟิงพักดื่มน้ำอึกหนึ่งแล้วพูดต่อ ในขณะที่คนอื่นๆ รวมถึงซูเผยกำลังฟังการวิเคราะห์ของฮวงเฟิงอย่างจริงจัง ตอนแรกพวกเขาคิดว่าสถานการณ์ของพวกเขาย่ำแย่ แต่เมื่อได้ฟังฮวงเฟิงวิเคราะห์แล้ว พวกเขาก็รู้สึกว่าพวกเขาได้เปรียบกว่าฝ่ายศัตรูมาก อีกทั้งการขยายกองกำลังก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกด้วย

ซูเผยแอบรู้สึกดีอยู่ในใจ และคิดว่าตัวเขามองคนไม่ผิดจริงๆ ฮวงเฟิงคือผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง

“ส่วนเรื่องอาวุธ ถ้าเราชนะกองทัพตะวันตก เราก็จะรวบรวมมันมาบางส่วน ถึงตอนนั้นพวกเราก็สามารถใช้งานมันได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีกองกำลังของกองทัพพันธมิตรหรือกลุ่มคนจากจักรวรรดิอยู่รอบตัวเรา แต่ด้วยกำลังคนและอาวุธของเราในตอนนี้ ข้าคิดว่าเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ส่วนปัญหาอื่น พวกเราสามารถจัดการมันด้วยการรวบรวมของที่ยึดมาจากสงคราม” ฮวงเฟิงกล่าวต่อ

“ในขณะเดียวกัน เมื่ออาณาเขตของเราขยายใหญ่ขึ้น พวกเราจะมีช่องทางการเคลื่อนไหวมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนครั้งก่อนที่สามารถถล่มมณฑลเมยแล้วต้องกลับมาที่มณฑลหลี่ หากเราถูกโจมตีอีกครั้งเราก็จะไม่มีแม้แต่ที่พักพิง แต่ถ้าอาณาเขตของเราขยายใหญ่ขึ้น ปัญหาพรรค์นั้นไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน"

ทุกคนพยักหน้าอย่างพร้อมเพียง ในความคิดของพวกเขา พวกเขาต่างเห็นชอบกับสิ่งที่ฮวงเฟิงกล่าวออกมา

“แต่ที่ข้าพูดมาเป็นเพียงแค่สิ่งที่อยู่ในตำรา หากนำไปใช้จริงแน่นอนว่าต้องเกิดปัญหา และมันก็ไม่ได้ทำได้ง่ายอย่างที่พูด แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังคิดว่านี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการขยายอำนาจ” ฮวงเฟิงกล่าวสรุป

“ข้าเห็นด้วยกับนายพลฮวงเฟิง ถ้าเราไม่ขยายอำนาจตอนนี้ สิ่งที่รอเราอยู่คือถูกจับไม่ก็ถูกฆ่า ไม่ว่าสิ่งไหนก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราต้องการ และเราต้องเลือกเดินหน้าต่อไปเท่านั้น!” ซูเผยลุกขึ้นและโพล่งออกมาทันทีที่เห็นฮวงเฟิงพูดจบ

ตอนแรก แค่เพราะซูเผยเห็นว่าผู้นำฉีอู่ไม่พยายามพัฒนาตัวเองในแต่ละวัน มันจึงเป็นสาเหตุที่เขาทำให้อีกฝ่ายไม่ฟังเขา