ตอนที่ 155

USB:บทที่ 155 ปิดไฟ

“นี่แกไม่แหกตาดูเลยเหรอว่าเขาเป็นใคร? เขามีฐานะแค่ไหน? แล้วคนอย่างเขาจะไม่มาตรฐานสูงได้ยังไงล่ะ?” ชายคนที่อยู่ข้างๆ เขากล่าวขึ้น

“ก็จริงนั่นแหละ ฉันเองก็เคยเห็นสาวสวยมากมายแบบนี้มาก่อน ฉันเองก็มีคนสวยๆ อยู่ในสังกัดอยู่สองสามคม แล้วฉันจะพาพวกนั้นขึ้นไปทีหลัง” ชายคนก่อนหน้านั้นกล่าว

“ทุกครั้งที่เขามา เขาก็มักจะเป็นแบบนี้แหละนะ เขาจะเลือกนานตลอดแหละ” ชายคนที่อยู่ด้านข้างกล่าวต่อ

ทั้งสองคนนั้นพูดกันขณะที่เดินห่างออกไป ฮวงเฟิงเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเดินเข้าไปถาม ถ้าไม่มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น นายน้อยถงคนที่พูดถึงอาจจะเป็นถงเฉียน และฮวงเฟิงจึงมั่นใจได้จากการสนทนาของพวกเขา

หลังจากนั้นฮวงเฟิงก็มุ่งหน้าขึ้นไปที่ชั้นบน ในขณะที่เดินเขาหลบเลี่ยงกล้องไปด้วย

ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แต่เขาก็ได้ลดศีรษะลงและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นเขา

ฮวงเฟิงไปถึงที่ชั้นสองอย่างรวดเร็วและพบเลาจน์หลี่ชุ่ย เขามองซ้ายทีขวาทีจากนั้นก็ก้มศีรษะลง และเขาก็เดินเข้าไปในห้องโดยไม่เคาะประตูก่อน

“ไม่ต้องห่วงเรื่องลุงหลี่หรอก พี่เปียวกับไอ้ รปภ. กระจอกนั่นไม่มีทางหนีไปไหนรอดหรอก” ภายในห้องส่วนตัวถงเฉียนพูดกับเหลาหยูขณะที่กำลังดื่มไวน์ไปด้วย

“แน่นอนอยู่แล้ว คนของนายน้อยถงจะต้องจัดการเรื่องนี้ได้แน่นอน” เหลาหยูกล่าว

“แน่นอน” ถงเฉียนกล่าวขึ้นทันที “นี่แกคิดว่าแกจะทำอะไรก็ได้ที่แกอยากจะทำงั้นเหรอ? ฉันบอกให้แกหาคนไปสั่งสอนไอ้ รปภ. คนนั้น แต่เจ้านั่นมันก็ยังไม่เป็นอะไร ไอ้สารเลวนั่นจะกล้ามาล้างแค้นพวกเราอีกเหรอ แม่งเอ้ย คิดแล้วฉันก็โมโห ถึงฉันจะสับพี่เปียวออกเป็นหมื่นๆ ชิ้นได้ ก็ยังไม่พอกับความแค้นในใจของฉันเลย” ยิ่งถงเฉียนยิ่งพูดเขาก็ยิ่งโกรธ เขาไม่เคยถูกทำร้ายแบบนั้นมาก่อนในชีวิต แต่ในตอนนี้เขาถูกตีโดยไอ้พวกสวะ จะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม ฮวงเฟิงที่เพิ่งจะเข้าประตูมาก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสองและรู้ในใจว่า นี่คือนายน้อยถงคนที่เขากำลังตามหา

เพียงแต่เขาไม่คาดคิดว่านอกจากนายน้อยถงแล้วจะยังมีอีกคนที่มีเจตนาไม่ดีต่อเขาอยู่ที่นั่นด้วย

คนทั้งสองกำลังพูดกันอยู่ข้างในจึงไม่ทันได้สังเกตุเห็นฮวงเฟิงที่กำลังเข้ามา เพราะพวกเขาคิดว่าเป็นบริกรหรือเหล่าสาวงามดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจ แต่ทันใดนั้นเองพวกเขาก็มองไม่เห็นและไฟในห้องนั้นก็ดับลง

“แม่งเอ้ย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”

“คนหายไปไหนกันหมด? บริกรอยู่ที่ไหน? ไปเรียกผู้จัดการมานี่ซิ ไฟดับได้ยังไงกันเนี่ย?!”

ถงเฉียนและเหลาหยูตะโกนออกมาทันทีด้วยความไม่พอใจ ทั้งสองคุยกำลังกันอย่างมีความสุข แต่สถานที่นั้นกลับไฟดับ

คนที่ปิดไฟเห็นได้ชัดว่าคือฮวงเฟิง หลังจากที่ปิดไฟและรออยู่ เขาได้เดินเข้าไปหาทั้งสองคนอย่างง่ายดายโดยอาศัยเสียงของคนทั้งสองที่อยู่ตรงข้ามเขา รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องที่เขาเห็นก่อนหน้านี้

“ปัง!”

เหลาหยูที่กำลังพูดทันใดนั้นเขาก็ถูกชกเข้าที่ใบหน้าและลอยออกไปทันที

“แกเป็นใคร? นี่แกกำลังจะทำอะไร?!”

แม้ว่าถงเฉียนที่อยู่ข้างๆ จะไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ยังเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เขาตะโกนเสียงดัง แต่มีความตื่นตระหนกในน้ำเสียงของเขา

ฮวงเฟิงไม่ได้พูดอะไรและตอบกลับด้วยหมัดคู่หนึ่งเท่านั้น

หมัดนั้นพุ่งเข้าที่ปากของเขาอย่างเหมาะเจาะและทันใดนั้นถงเฉียนก็ล้มลงเช่นกัน

แต่เขาก็น่าสังเวชยิ่งกว่าเหลาหยู เพราะเขาถึงกับฟันร่วงถึงสองซี่ จากนั้นกำปั้นนี้ก็ไม่ได้หยุดยั้งเลยและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทานทนได้

“นี่แกเป็นใครกัน? แกรู้ไหมว่าพวกฉันเป็นใคร?” อีกด้านหนึ่งเหลาหยูที่อยู่ในอาการเจ็บปวดและกำลังจะลุกขึ้นยืน แต่เขาก็ได้ส่งเสียงตะโกนถามออกมาในเวลาเดียวกัน

“แน่นอนสิ ฉันรู้ว่าพวกแกเป็นใคร ฉันมาที่นี่เพื่อมาสร้างปัญหาให้พวกแกไงล่ะ!” ฮวงเฟิงกล่าวตอบด้วยเสียงทุ้มขณะที่เขาเดินเข้าไปหาเหลาหยู

“แก นี่แกจะทำอะไร? อย่าเข้ามานะ!” ถึงแม้ว่าเขาจะมองเห็นไม่ค่อยชัด แต่เหลาหยูก็มองเห็นลางๆ ว่าร่างนั้นกำลังเดินเข้าไปหาเขา เขาจึงขู่ออกมาทันทีด้วยความกลัว

“ตอนนี้แกรู้จักกลัวแล้วเหรอ?” มันสายไปแล้วล่ะ!” ฮวงเฟิงเดินไปที่ด้านข้างของเหลาหยู คว้าคอเสื้อเขาขึ้นาและจากนั้นก็ชกเข้าที่หน้าของเขาอีกครั้ง

หลังจากที่โดนชกไปสามหมัด เหลาหยูก็สลบเหมือดไป และจากนั้นฮวงเฟิงก็หันกลับไปสนใจถงเฉียนอีกครั้ง

ถงเฉียนที่อยู่ด้านข้าง ถือโอกาสที่ฮวงเฟิงกำลังชกเหลาหยูวิ่งหนีไป แต่เขาก็วิ่งไปได้เพียงสองก้าวเท่านั้น ฮวงเฟิงก็ไล่ตามมาทางด้านหลังของเขา และถามว่า “นี่แกกำลังจะไปไหน?”

“แกอย่าเข้ามานะ ฉันคือถงเฉียนนะ พ่อของฉันชื่อ ถงเฉียนจุ้น ฉันเป็นคนที่รวยที่สุดในมณฑลชิงนะ ถ้าแกกล้าทำร้ายฉัน ฉันจะไปฟ้องพ่อให้มาฆ่าล้างโคตรแกเลยทีเดียว!” ถงเฉียนกล่าวด้วยความวิตก

“ฆ่าล้างโคตรฉันงั้นเหรอ? คนอย่างพวกแกนี่ชอบฆ่าล้างโคตรใช่ไหม? ฉันจะตีแกมัน แล้วมันจะเป็นไง!” หลังจากที่ฮวงเฟิงพูดจบ หมัดของเขาก็ชกเข้าที่ท้องของถงเฉียน

ขณะที่เขากำลังพูด เขาตั้งใจทำเสียงให้แหบและแม้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก

แต่ถงเฉียนและเหลาหยูไม่ได้คุ้นเคยกับเขา ถงเฉียนเคยพบเขาแค่เพียงครั้งเดียวและ เหลาหยูก็ไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน ฮวงเฟิงจึงไม่กลัวที่จะถูกจำได้

อา!

ถงเฉียนรู้สึกราวกับว่าท้องของเขาถูกฟาดด้วยค้อนยักษ์ความเจ็บปวดนั้นช่างเหลือประมาน

“แกมันน่าขยะแขยง แล้วแกยังกล้าขู่ฉันในเวลาแบบนี้อีกงั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงชกเขาอีกครั้ง

ถงเฉียนร้องโอดโอยอีกครั้ง ในเวลานี้เขาไม่กล้าที่จะแสดงความกล้าหาญ และพูดขึ้นมาทันทีว่า “ท่านผู้ใจดี ฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ฉันมีเงินนะ ฉันจะเอาเงินให้!”

"จะมีกี่คนที่ขี้เหนียวแบบแก!" ฮวงเฟิงกล่าวขณะที่เขายังคงชกอยู่

น้ำตาของถงเฉียนเริ่มร่วง เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครและไม่รู้ว่าเขาได้ไปทำให้เขาขุ่นเคืองตั้งแต่เมื่อไร

“แกอยากจะรู้จักชื่อฉันไหมล่ะ และจะได้มาแก้แค้นฉันใช่ไหม?” ในเวลานี้ฮวงเฟิงได้ทุบเข้าที่ขาของถงเฉียน แรงเตะนั้นไม่ธรรมดาเลยจนถึงขั้นได้ยินเสียงของกระดูกที่ถูกัน

“ฉันไม่กล้า ฉันไม่กล้า ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้” ถงเฉียนก่นด่าฮวงเฟิงอยู่ในใจแต่เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป

“ฉันไม่กล้า แต่แกคิดอยู่ในใจใช่ไหม? นี่แกคิดว่าฉันไม่รู้งั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงชกเขาอีกคร้ง

“ยังไงก็ตาม บอกแกไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แกรู้ไหมว่าทำไมแกถึงถูกตีแบบนี้? ก็เพราะพี่เปียวไงล่ะ! คนอื่นเรียกฉันว่า พี่หลาง พี่เปียวกับฉันพวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้าแกยังกล้าส่งคนไปทำร้ายเขาก็เชิญเลย ถ้าแกยังไม่อยากมีชีวิตอยู่?!”

ฮวงเฟิงรู้เพียงแค่ว่าถงเฉียนส่งคนไปสั่งสอนพี่เปียว แต่เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่เปียวบ้าง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจถ้าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับทางนั้น

“ฉันไม่กล้า ฉันไม่กล้าแล้ว” ถงเฉียนจดจำชื่อของพี่เปียวและพี่หลางไว้ในใจแต่ขณะที่ปากกำลังร้องขอความเมตตา