ตอนที่ 277

USB:บทที่ 277 เขารึเปล่า

“ไม่น่าจะใช่ ไม่น่าจะใช่เขานะ ลูกชายของเขาไม่ได้ตามจีบพี่หยูโม่อยู่อย่างนั้นเหรอ?” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว

จากนั้นก็กล่าวเสริมว่า “อย่างไรก็ตาม ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่ขี้ๆ เลยนะ ทำไมพี่หยูโม่ถึงไม่ตกหลุมรักเขาล่ะ?”

ซูหยูโม่เองก็กล่าวว่า “พวกเราไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์มากนักกับถงเฉียนจุ้น และทั้งสองฝ่ายก็ไม่ค่อยได้ร่วมมือกันมากนัก แล้วก็ไม่ได้เป็นคู่แข่งกันด้วย ดังนั้นเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะพุ่งเป้ามาที่พวกเรานะ จริงไหม?”

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าพวกเธอจะพูดเช่นนั้น แต่ทั้งสองคนก็ยังคงไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร

เพราะว่ากลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ของบริษัทของเขาในเวลานี้นั้นอยู่ในมณฑลชิงทั้งหมด

และมีไม่กี่คนในมณฑลชิงที่มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายผู้คนจำนวนมากได้ในคราวเดียวกัน และถงเฉียนจุ้นก็เป็นหนึ่งในนั้น

ถงเฉียนจุนเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในมณฑลชิง

คอนเนกชั่นของเขาเทียบไม่ได้กับทั้งซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียว

เพราะคอนเนกชั่นส่วนใหญ่ของพวกเธออยู่ในเมืองหลวง

และถ้าหากคอนเนกชั่นระหว่างตระกูลไม่ได้หนุนหลังพวกเธอยู่ พวกเธอก็จะไม่มีคอนเนกชั่นมากนักถึงแม้ว่าพวกเธอจะอยู่ในเมืองหลวงก็ตาม

ท้ายที่สุดก็คือทั้งสองคนยังคงเด็กเกินไปและไม่ได้อยู่ในสังคมมานานสักเท่าไร

ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเธอจะเทียบกับถงเฉียนจุ้น ชายชราคนนี้ที่คร่ำหวอดมานานหลายปี

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ ฉันแค่เดาสุ่ม เพราะคนที่มีอำนาจมากที่สุดในมณฑลชิงที่ฉันรู้จักก็คือถงเฉียนจุ้นคนนี้”

มันเป็นความจริงที่เขาเดาสุ่ม แต่เขาก็ยังคงได้ยินชื่อของถงเฉียนจุ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

ดังนั้นเมื่อซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวพูดถึงเรื่องนี้ พวกเธอจึงพูดถึงเรื่องนี้แค่เพียงผ่านๆ

ฮวงเฟิงกล่าวอย่างไร้ความรับผิดชอบซึ่งทำให้ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวจมดิ่งอยู่ในความคิด

ทั้งสองคนคิดว่าสิ่งนี้ถงเฉียนจุ้นเป็นคนทำหรือไม่ แล้วถ้าเป็นเขาจริงๆ ทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น? เพราะว่าไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ระหว่างทั้งสองฝ่าย

"ผมอิ่มแล้ว พวกคุณค่อยๆ กินกันต่อไปเถอะนะ" ฮวงเฟิงรีบทานอาหารให้เสร็จและยกจานออกไป

"ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะสบายดี เขาพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเราแทบจะไม่ได้กินเลย แต่ในทางกลับกันเขากลับกินอาหารมื้อนี้อิ่มเร็วมาก" เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบายใจ

"ถ้าเขาไม่พูด เธอก็ไม่อยากกินงั้นเหรอ? กินเร็วเข้าสิ หลังจากที่เรากินเสร็จแล้ว พวกเราจะไปสืบกัน ตอนนี้มีผู้ต้องสงสัยแล้ว มันทำให้สืบง่ายขึ้นไปอีกนะ" ซูหยูโมกล่าว

“ใช่แล้วล่ะ” เซี่ยเมิ่งเจียวเพียงแค่เอ่ยออกมาเรียบๆ ในตอนนี้เธอต้องการที่จะสืบสาวเรื่องนี้จริงๆ และคอยดูว่าถงเฉียนจุ้นอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่

ในตอนบ่าย ขณะที่ฮวงเฟิงกำลังฝึกฝนกำลังภายในของเขาอยู่ในห้องทำงาน เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากซูหยูโม่ เพื่อเรียกให้เขาไปพบ

“หรือว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่านะ?” ฮวงเฟิงพึมพำอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกไปทางโทรศัพท์

เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เป็นเพราะคงจะไม่มีใครที่เกิดเบื่อแล้วมาหาเรื่องที่นี่หรอกนะ จริงไหม? เพราะว่าคนอย่างผู้จัดการหยวนนั้นเป็นคนไม่มีสมอง หรือมีแต่ก็มีน้อย

“เรื่องที่คุณพูดเมื่อตอนบ่ายน่ะ พวกเราลองไปสืบดูแล้ว และก็เจออะไรบางอย่าง”

เมื่อฮวงเฟิงมาถึงที่ห้องทำงานของซูหยูโม่ เขาก็พบว่าเซี่ยเมิ่งเจียวก็อยู่ที่นั่นด้วย สีหน้าของทั้งสองคนดูหนักใจพิกล

“เจออะไรบ้างล่ะ?” ฮวงเฟิงเองก็ตะลึงกับคำพูดของซูหยูโม่

เขาลืมไปแล้วจริงๆ ว่า เขาเองได้กล่าวเมื่อตอนบ่ายว่าถงเฉียนจุ้นนั้นน่าสงสัย

“นี่เป็นเรื่องของบริษัทนะ ทำไมคุณความจำแย่ขนาดนี้!” เซึ่ยเมิ่งเจียวกล่าวด้วยความไม่พอใจ

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจที่ฮวงเฟิงไม่ใส่ใจในเรื่องของบริษัทเลย

ฮวงเฟิงนั้นก็รู้สึกละอายอยู่เล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงทำงานที่นี่ แต่เขาก็ไม่ได้ทุ่มเททั้งเวลาและความพยายามให้แก่บริษัทมากพอ

เพราะว่าเขาเชื่อเขานั้นเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

ในตอนนี้เขากำลังคิดถึงเพียงโรงงานของเขาเองและกล่องจักรวาล และการฝึกฝนกำลังภายในของตัวเอง

เพียงผิวเผินแล้วเขาก็ดูเหมือนเป็นผู้จัดการแผนกรักษาความปลอดภัยที่ดูดีแต่ในความเป็นจริงแล้ว เขานั้นยุ่งมากๆ

“อ้อ งั้นพวกคุณก็เลยไปตามสืบถงเฉียนจุ้นงั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงกล่าว

“ใช่แล้ว” ซูหยูโม่พยักหน้า

เนื่องจากว่าเมื่อตอนบ่ายนี้พวกเธอได้โทรหาซัพพลายเออร์

พวกเขาบอกใบ้ว่า พวกเขารู้แล้วว่าถงเฉียนจุ้นนั้นอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าคนที่พูดแบบนั้นจะเชื่อพวกเขาจริงๆ และคิดว่าซูหยูโม่รู้อยู่แล้ว

ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่ได้ปิดบังซูหยูโม่ต่อไปและถึงกับบอกว่าพวกเขาถูกกดดันและไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ป

เห็นได้ชัดว่าบุคคลนี้ต้องการหลีกเลี่ยงที่จะเป็นปรปักษ์กับทั้งสองฝ่าย

และถามซูหยูโม่ว่าพวกเขาจะผิดใจกับถงเฉียนจุนหรือไม่ เผื่อว่าพวกเขาจะสามารถพูดคุยและตกลงกันได้ในตอนนี้

ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวต่างก็พากันสงสัยหลังจากที่ได้รับการยืนยันว่าถงเฉียนจุ้นเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

พวกเธอไม่เคยขัดแย้งอะไรกับถงเฉียนจุ้นเลยและบริษัทของพวกเขาก็ไม่เคยเกี่ยวข้องกันเลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าพวกเธอจะสงสัยอยู่ในใจ หลังจากที่ได้รู้ว่าเป็นถงเฉียนจุ้นจริงๆ

ทั้งสองสาวต่างก็พากันรู้สึกกดดันเพราะว่าถงเฉียนจุ้นนั้นต่างจากผู้จัดการหยวน

อย่างไรก็ตามถงเฉียนจุ้นนั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดของมณฑลชิง เป็นบอสตัวจริงของจังหวัดชิง และเขาก็แข็งแกร่งกว่าพวกเธอเป็นอย่างมาก

ดังนั้นผู้จัดการหยวนและถงเฉียนจุ้นนั้นจึงไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอย่างแน่นอน แต่ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดันอยู่ในใจ

“งั้นคุณกำลังจะบอกว่า คุณไปสืบอีกฝ่ายมาเรียบร้อยแล้วและปรากฎว่าเป็นถงเฉียนจุ้นงั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงถาม

แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกขบขันตัวเองอยู่ในใจ

เขาเพิ่งจะบอกว่าถงเฉียนจุ้นน่าสงสัยไปเมื่อไม่นานมานี้ แล้วเขาจะไม่รู้จักชื่อนี้ได้อย่างไรกันเล่า?

“ใช่ ได้รับการยืนยันแล้ว” ซูหยูโม่กล่าว “แต่ก็นั่นแหละ ฉันสงสัยว่าเขาทำแบบนี้ทำไมกัน?”

นี่เป็นข้อสงสัยที่ยิ่งใหญ่ที่ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวมี ดังนั้นพวกเธอจึงถึงกับคิดไม่ตก

“หรือว่าจะเป็นเพราะเขาต้องการงานของพวกคุณด้วยงั้นเหรอ ขายเครื่องสำอางน่ะ?” ฮวงเฟิงเดา

“ฉันว่าไม่ใช่” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว “ถ้าเขาอยากจะทำ เขาก็คงทำไปตั้งนานแล้ว และไม่ต้องรอมาจนป่านนี้หรอก และยิ่งไปกว่านั้นมณฑลชิงของเขาก็เกือบจะอิ่มตัวในตลาดแล้วตอนนี้”

“ถ้าเป็นเช่นนั้นเป็นไปได้ไหมว่าทั้งสองคนนี้ก็ได้กลิ่นคล้ายๆ กันและผู้จัดการหยวนเห็นว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะเปิดตลาดในมณฑลชิงและต้องการขอความช่วยเหลือจากถงเฉียนจุ้น?” ฮวงเฟิงกล่าวต่อ

"เอ๊ะ นั่นก็เป็นไปได้!" ดวงตาของซูหยูโม่สว่างวาบขึ้นขณะที่เธอกล่าวว่า "เพียงแต่ถ้าเราทำเช่นนี้ จะนำประโยชน์อะไรมาให้แก่ถงเฉียนจุ้นได้บ้าง ถ้าไม่มีอะไรดีเขาคงจะไม่ทำอย่างนี้แน่นอน"